บทที่ 8 ตอนที่6
วันต่อมา….
09:30น.
เซฟเฮ้าส์ของไดร์ฟ….
“พวกนายไปจับตัวของไดร์ฟได้ที่ไหน?”เสียงทรงอำนาจของผู้บริหารค่ายเพลงยักษ์ใหญ่เอ่ยขึ้นท่ามกลางห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีผู้จัดการวง THE PRINCEและโปรดิวเซอร์ประจำวงอีกหนึ่งคน รวมเป็นสามคน กำลังนั่งกันอยู่ด้วยท่าทางเกรงกลัว
“การ์ดไปจับได้ที่สวนพฤกษ์แก้วครับ….”เสียงผู้จัดการวงเอ่ยขึ้นรายงานผู้เป็นนายไป
“แล้วมันเป็นบ้าอะไรถึงกล้าประกาศลาออกจากวงท่ามกลางคอนเสิร์ตแบบนั้น!!”เสียงทรงอำนาจและไม่พอใจของธยศเอ่ยออกมาเสียงดังด้วยแววตาเกรี้ยวกราดทำให้ทั้งโปรดิวเซอร์และผู้จัดการวงถึงกับสะดุ้งสุดตัวด้วยความกลัว
“ไดร์ฟมีอาการเก็บตัวอยู่คนเดียวมาเกือบเดือนแล้วครับ….”
“ไม่ค่อยสังสรรค์กับเพื่อนในวงเหมือนเมื่อก่อน…”
“ไม่พูดไม่จากับใคร…”
“ล่าสุด….เราเจอยานอนหลับในห้องนอนของเขาครับ…”
“แล้วยังไง!”เสียงของธยศตวาดเสียงดังลั่นห้องประชุมพร้อมกับเอามือตบโต๊ะไปอย่างไม่พอใจ
ปัง
เพราะเมื่อคืนคอนเสิร์ตได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากเพราะไดร์ฟวิ่งลงจากเวทีทำให้แฟนคลับใจเสียและไม่ได้ทำการแสดงคอนเสิร์ตต่อโดยทางค่ายจะจัดการแถลงข่าวในช่วงบ่ายวันนี้
“ผมคาดว่า…ไดร์ฟน่าจะกำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้าครับ”เสียงลนลานของผู้จัดการวงเอ่ยออกไปพลางก้มหน้าลงอย่างเกรงกลัวเจ้าของบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่เส้นทางของเขาก็มาจากนักร้องที่เคยผ่านการเดบิวต์มาแล้วเช่นกัน
ก๊อกๆๆๆ
“เข้ามา!”เสียงทรงอิทธิพลของธยศเอ่ยออกไปอย่างหงุดหงิดที่ได้ยืนเสียงคนเคาะประตูจากด้านนอก
“นายครับ….!”เสียงร้อนรนของการ์ดชุดดำที่คอยทำหน้าที่ยืนเฝ้าหน้าห้องไดร์ฟเอ่ยออกมาทันทีที่เขาเปิดประตูออกตามคำอนุญาตจากผู้เป็นนายใหญ่
“มีอะไร!”
“คุณไดร์ฟ….กินยานอนหลับครับ”
“แล้วมาบอกฉันทำไม?”ธยศเอ่ยเสียงเรียบตึงอย่างรำคาญถามกลับการ์ดชายชุดดำไป
“กินยาเกินขนาดครับ….”
“ผมเห็นกระปุกยาที่มีอยู่ร้อยกว่าเม็ด…ถูกคุณไดร์ฟกินหมดเลยครับ…”
“แล้วทีนี้จะทำยังไงกับคอนเสิร์ตคืนนี้!!”ธยศเอ่ยเสียงเข้มอย่างไม่พอใจกับข่าวที่เขาได้ยินว่าไดร์ฟหัวหน้าวงที่กำลังโด่งดังและสร้างรายได้ให้เขามหาศาลกินยานอนหลับเกินขนาด
“พาไดร์ฟไปหาหมอ!”เสียงตกใจและร้อนรนของผู้จัดการวงเอ่ยขึ้นและเป็นห่วงไดร์ฟเป็นอย่างมาก
“ไปให้มันเป็นข่าวหรือไง!”เสียงของธยศเจ้าของค่ายเพลงเอ่ยขัดขึ้นมาเสียงดังทำให้ทุกคนถึงกับเงียบสงบลงทันที ผู้จัดการที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงถึงกับต้องทรุดตัวลงไปนั่งบนเก้าอี้ตามเดิมพร้อมกับก้มหน้าก้มตาหลบสายตาดุดันของผู้เป็นเจ้านาย
ธยศไต่เต้าจากการเป็นนักร้องบอยแบนด์จนมาเป็นเจ้าของค่ายเพลงได้อย่างทุกวันนี้โดยเขายึดมั่นไม่ให้มีข่าวเสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่ให้ตัวเองโด่งดังจากการข่าวอื้อฉาว เขาเลยค่อนข้างจะรับไม่ได้กับการทำให้นักร้องในค่ายของเขาเป็นข่าวอื้อฉาวแบบนี้
“เดี๋ยวพอยามันหมดฤทธิ์มันก็ตื่นขึ้นมาเองแหละ….”ธยศเอ่ยขึ้นออกมาด้วยท่าทางไม่ใส่ใจกับอาการของไดร์ฟ แต่กลับนั่งเครียดถึงงานคอนเสิร์ตในค่ำคืนนี้และไหนจะค่าเสียหายที่ไดร์ฟทำลงไปเมื่อคืนนี้อีก ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจไดร์ฟเป็นอย่างมากและเขายังต้องคิดหาคำแก้ตัวในการแถลงข่าวในช่วงบ่ายนี้อีกด้วย
พรึบ
“ไปเอาตัวผู้หญิงที่กอดกับไดร์ฟเมื่อคืนนี้มาหาฉัน….”เสียงกระซิบแผ่วเบาของผู้จัดการวงเอ่ยบอกโปรดิวเซอร์ให้เงียบที่สุดเพื่อให้เขาได้ยินกันแค่สองคนไม่ให้รู้ถึงหูเจ้าของค่ายเพลงที่นั่งทำหน้าจริงจังเคร่งเครียดอยู่ในขณะนี้
“ได้ครับ….”โปรดิวเซอร์ตอบรับคำก่อนจะหันไปกดโทรศัพท์เครื่องหรูเพื่อทำการสั่งการการ์ดของเขาเพื่อให้ไปนำตัวของเด็กผู้หญิงที่นั่งกอดกับไดร์ฟเมื่อคืนนี้มาให้ผู้จัดการวงตามคำสั่ง
16:00น.
คาเฟ่A
ไอริส อันฤดี…..
“คุณแม่….สวัสดีค่ะ…”ฉันยกมือไหว้สวัสดีคุณแม่ของลูกหว้าด้วยท่าทางเคารพท่านที่ท่านยืนประจำตำแหน่งเคาน์เตอร์ของร้านแทนที่ของยัยลูกหว้าที่เธอจะต้องยืนประจำอยู่ทุกวัน
“อ้าว…หนูไอสวัสดีจ้า^_^”คุณแม่ของลูกหว้ารับไหว้ฉัน ฉันก็ยิ้มให้ท่าน ฉันสนิทกับท่านเพราะฉันจะมาหายัยลูกหว้าเป็นประจำแต่วันนี้กลับแปลกไปที่เธอหายไปไหนไม่ได้มาทำงานหน้าเคาน์เตอร์ของเธอเหมือนทุกที
“ยัยลูกหว้านอนอยู่บนห้องน่ะจ้ะ…หนูจะขึ้นไปหาไหม?”
“ลูกหว้าไม่สบายเหรอคะ?”
“น่าจะทำนองนั้นจ้ะ…หนูไอเดินขึ้นไปหาเลย…”
“ได้ค่ะแม่…ขอบคุณนะคะ…”
“จ้า^_^”ฉันยกมือไหว้ลาคุณแม่ของลูกหว้าและเดินหมุนทิศทางไปยังบันไดที่อยู้ด้านหลังของห้องครัวเพื่อจะขึ้นไปหายัยลูกหว้า
บ้านของเธอด้านล่างถูกเปิดเป็นคาเฟ่ส่วนด้านบนเป็นที่พักอาศัยของลูกหว้าและแม่ของเธอ ฉันที่มาบ้านของเธอบ่อยจึงรู้ว่าห้องของลูกหว้าอยู่ตรงไหนจึงรีบมุ่งเดินไปหาเธอด้วยความเป็นห่วง
ก๊อกกกกก
