บทที่ 3 ไม่กลัวถ้าอยู่กับพี่
"ชมพูเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วยนะ มันเปียกอยู่ใช่ไหม" น้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใย แต่มันก็แหบพร่าเหลือเกิน
"ค่ะ" เธอรับคำ ก่อนจะรีบจัดแจงกับตัวเอง หญิงสาวห่วงเขาจนลืมตัวเองไป
ภารันย์เห็นแค่แผ่นหลัง และเงาตะคุ่ม ๆ เขาปิดเปลือกตาจนสนิท เอนหลังซุกตัวลงไปนอนในถุงนอนอุ่น ๆ โชคยังเข้าข้างที่มันยังกันน้ำได้ แค่สะบัด ๆ เม็ดฝนก็จางหาย ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ริมฝีปากของเขาเริ่มซีด ๆ และสั่นกระทบกันอีกครั้ง
"หิวน้ำ..." เขาบอกเธอทันทีที่เห็นใบหน้า เมื่อได้ยินเสียงของเธอนั่งลงใกล้ ๆ
ชมพูกระวีกระวาดหาแก้วใบเล็ก ๆ ที่เธอพกมาด้วย รองน้ำฝนที่ชายคา ก่อนจะคลานกลับมาหาเขา เธอช่วยเขายกหัว
ภารันย์ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันหนักอึ้งไปหมดแบบนี้ ชายหนุ่มดื่มน้ำนั้นอย่างกระหาย
"หนาวเหรอคะ" ปากน้อย ๆ อ้าถาม เขาพยักหน้านิด ๆ แล้วหลับตาลงอีกครั้ง
เธอจัดแจงเอาผ้าห่มผืนเล็ก ๆ ที่ติดมาสอดเข้าไปห่อหุ้มกายให้ภารันย์อีกชั้น แต่มันจะสู้พิษไข้ที่ถาโถมใส่ภารันย์ได้ยังไง
แมลงเล็ก ๆ เริ่มมาตอมที่ไฟ แล้วเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ ชมพูรื้อกระเป๋าของตัวเอง เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าป้าเจียมของเธอบังคับให้เอามุ้งเล็ก ๆ ติดมาด้วย
'ขอบคุณค่ะป้าเจียม' หญิงสาวนึกขอบคุณนางภายในใจ เธอกางมันออกมาทันที ทุกอย่างป้าเจียมเตรียมให้พร้อมมีเชือกฟางผูกมาให้เรียบร้อย เธอมองหาที่มัดจนครบสี่ด้าน หญิงสาวนั่งลงใกล้ ๆ อย่างโล่งใจ
สายฝนที่สาดเทไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง มันกระหน่ำลงบนหลังคากระท่อมที่ทำจากหญ้าคาจนแทบทะลุ พิมพ์เพชรได้แต่ภาวนาในใจให้ฝนหยุดไว ๆ หญิงสาวคอยสอดสายตามองไปทั่ว ๆ ก่อนเธอคลานเข้าไปในมุ้ง
แสงไฟจากโคมเล็ก ๆ พอที่จะเห็นใบหน้าของกันและกัน ภารันย์ขยับปากเหมือนจะพูด แต่ชมพูชิงพูดก่อน
"ถ้าฝนหยุดตก ชมพูจะรีบตามคนให้มาช่วยพี่เล็กนะคะ" น้ำเสียงของเธอดูสดใสและใจชื้นขึ้น ไม่อยากให้ภารันย์เป็นกังวล
"มันมืดแล้วใช่ไหม" เขาถาม
"ค่ะ หกโมงครึ่ง" เธอยกนาฬิกาขึ้นมาดู
"หิวไหมคะพี่เล็ก" เธอถามเขาด้วยความเป็นห่วง
"พี่ไม่หิว ชมพู... พี่มีขนมในกระเป๋า ชมพูเอาออกมากินนะ ไม่ต้องห่วงพี่" น้ำเสียงที่พูดของเขาก็ขาดหายเป็นช่วง ๆ
ชมพูอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของเขา แค่เพียงชั่วยามเนื้อตัวปกติก็ร้อนฉ่าด้วยพิษของการบาดเจ็บ
"พี่เล็กมีไข้" เธอรู้สึกตกใจไม่น้อย เธอรีบออกมาจากมุ้ง หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามใบหน้าให้
ภารันย์แทบขยับตัวไม่ได้ ได้แต่กะพริบตาถี่ ๆ มองใบหน้าน้อย ๆ ที่ตั้งใจดูแลเขาอย่างจริงจัง
ภารันย์สังเกตเห็นขาแว่นที่ขดโก่งผิดรูปของชมพู และใบหน้าขาว ๆ ของเธอมีรอยขีดข่วนของกิ่งไม้ ชมพูเองก็รู้ตัวว่าเธอก็เจ็บปวดฟกช้ำไม่น้อย เพียงแต่ไม่มีส่วนไหนที่แตกหักเท่านั้น
"ชมพูเจ็บตรงไหนไหม" เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความเป็นห่วง
หญิงสาวคลี่ยิ้มให้แล้วส่ายหน้านิด ๆ
"ชมพูไม่เป็นไร แค่เห็นพี่เล็กไม่เป็นไรมากก็โอเคแล้วค่ะ พี่เล็กคะ ชมพูมียาแก้ไข้กินก่อนสักสองเม็ดนะคะ ให้ฝนซาอีกสักหน่อย ชมพูจะเดินตามหาคนให้มาช่วยพี่เล็กค่ะ" เขาเอามือออกมาจากผ้าห่ม จับมือน้อย ๆ ที่เช็ดใบหน้าเขาอย่างเบามือ
"ชมพูอย่าไปไหนนะ มันอันตราย" เขาส่งสายตาด้วยความเป็นห่วง บีบกระชับมือกับชมพู
"กลัวไหม" เขาถามเธออีกครั้ง
"ไม่ค่ะ ถ้าอยู่กับพี่เล็ก ชมพูไม่กลัว" ปากพูดออกไปแบบนั้น แต่ในหัวใจมันเย็นยะเยือกไปหมด
ภารันย์หลับตาข่มความเจ็บปวดที่ปะทุขึ้นมา ยาที่เธอให้กินลงไปนั้นอาจจะช่วยได้ เขาภาวนาให้มันช่วยทุเลาอาการของเขาได้บ้าง
ชมพูหยิบโคมไฟ ออกมาสำรวจข้างนอกอีกครั้ง
เธอเห็นปลายไม้ไผ่โผล่ขึ้นมา จึงลองเอามือจับแล้วดึง หญิงสาวเคยไปบ้านของป้าเจียมบ่อย ๆ เธอเห็นรูของฝาอีกด้าน จึงรีบสาวไม้ไผ่ขึ้นมามันช่างสอดรับพอดี เธอจึงนึกขึ้นได้ว่านี่คงเป็นบ้านพักนายพรานหรือคนที่ชอบเดินป่าแถบนี้ พิมพ์เพชรรีบดึงไม้ไผ่ทั้งสี่อันมาขัดกับฝาไว้ ก่อนจะเอาเสื้อผ้าของภารันย์และของตัวเองที่เปียกผึ่งตากเอาไว้ แค่นี้ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอีกนิดว่า อย่างน้อยสิงสาราสัตว์คงหวั่นไหวกับกลิ่นสาปของคน สัตว์โลกต่างก็เกรงกลัวกันเองเพราะต่างฝ่ายก็กลัวถูกทำร้ายเช่นกัน
ฝนที่หนาเม็ดเริ่มซาลง แต่ความมืดสงัดเริ่มครอบงำ มันมาพร้อมกับความวังเวง สัตว์น้อยใหญ่ต่างส่งเสียงประสานก้องไพร อึ่งอ่าง คางคก กบ เขียด ส่งเสียงประสานเหมือนวงออร์เคสตรา
หญิงสาวถอนหายใจออกมาแบบโล่ง ๆ แต่ในใจก็หวั่น ๆ กลัว ๆ อยู่ไม่น้อย
'ไม่น่าเลยชมพู ทำไมไม่ตามคนก่อนจะลงมา' หญิงสาวต่อว่าตัวเอง
"ชมพู" เสียงเรียกชื่อเธอเบา ๆ
เธอไม่ตอบ แต่รีบคลานกลับเข้าไปหาภารันย์
"พี่เล็กต้องการอะไรคะ" น้ำเสียงของเธออย่างอาทร
"นั่งทำอะไรข้างนอก ยุงเยอะ แมลงเยอะนะ ที่นี่มันเป็นป่า" เธอส่งยิ้มให้
"ดับไฟเหอะ พี่ว่า... เผื่อเอาไว้ใช้ตอนจำเป็น เดี๋ยวแบตฯ หมด"
"ค่ะ" เธอทำตามแบบว่าง่าย และก็นั่งกอดเข่าอยู่ตรงนั้น
มือหนาใหญ่ของภารันย์เอื้อมมาจับที่ข้อเท้าเล็ก ๆ ของเธอ
