บทที่ 6 Chapter 6

Chapter 6

เกิดความร้อนรุ่มขึ้นมาทันใด กลิ่นกายเธอทำให้ใจเขาวุ่นวายคล้ายไม่อยู่กับตัว เตลิดไปตามอารมณ์ปรารถนาที่ผุดขึ้นในความรู้สึก ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ไม่เคยมีผู้หญิงคนใดปลุกความกำหนัดเขาได้รวดเร็วเท่าเจ้าหญิงนิทราคนนี้เลย

เศกภพมองหน้าเนียนใสไร้เครื่องสำอาง จะมีเพียงลิปสติกสีชมพูอ่อนที่เคลือบบนริมฝีปากเท่านั้น ต่างกับพนักงานเสิร์ฟคนอื่นที่แต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางแบบจัดเต็ม ความเป็นธรรมชาติบนดวงหน้าหวาน สะกดสายตาเขาได้เป็นอย่างนี้

มองเธอนิ่งนาน...

“น่ารักดี” เศกภพเอ่ยโดยไม่รู้ตัว แก้มนวลเนียนถูกหลังมือใหญ่ลูบเบาๆ ดวงตาจับจ้องดวงหน้าแมวขี้เซาแล้วยิ้ม

ขณะที่กำลังเพลินกับการมองหน้าสตรีแปลกหน้า ความตกใจเกิดขึ้นเมื่อเธอเริ่มรู้สึกตัว ใบหน้าขยับเล็กน้อย เปลือกตาคล้ายกำลังเปิด เศกภพชักมือกลับแทบไม่ทัน รีบคว้ามือถือที่วางข้างแมวน้อย จากนั้นก็รีบเดินออกจากห้อง อาการคล้ายคนทำผิดและกลัวถูกจับได้

“โห เผลอหลับได้ไงเนี่ย” คนเพิ่งตื่นพูดกับตัวเอง ก้มมองดูนาฬิกาบนข้อมือ เมื่อรู้ว่าตนเองหลับไปเกือบสิบนาทีก็ตกใจ รีบเก็บจานชามและแก้วเครื่องดื่มใส่รถเข็น ก่อนเข็นรถออกจากห้อง โดยไม่รู้ว่า ตนเองตกเป็นอาหารตาของใคร

ณ บ้านวิริยะเดชาสกุล

ห้องรับประทานอาหารภายในบ้านหลังใหญ่ วันนี้อยู่กันครบองค์ประชุม โดยปกติแล้วในวันธรรมดาอาจขาดไปหนึ่งคนคือเศกภพที่กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้างตามประสาหนุ่มโสด ซึ่งผู้ใหญ่ของบ้านเข้าใจวิถีชีวิต รู้ว่าทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง มีพื้นที่ส่วนตัวที่ใครก้าวล่วงไม่ได้ อีกทั้งเศกภพโตพอที่จะจัดการชีวิตตัวเอง รู้ว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูก สำคัญที่สุดคือเขามีความรับผิดชอบสูง ดูแลกิจการของครอบครัวอย่างดีเยี่ยม บิดามารดาจึงให้อิสระเขาเต็มที่

“ปีนี้แกอายุสามสิบแปดแล้วนะ ไม่มีวี่แววว่าแกจะมีเมียเลย อย่างนี้ย่าจะได้อุ้มเหลนเมื่อไหร่ ไม่ใช่แก่ตายยังไม่มีโอกาสนั้นล่ะ” เสียงลัดดาผู้อาวุโสสุดของบ้านดังขึ้น คนถูกเอ่ยถึงมองหน้าผู้พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ผมยังไม่เจอคนถูกใจนี่ครับ คุณย่ารออุ้มลูกอรไปก่อนล่ะกัน อีกสามเดือนก็จะแต่งงานแล้ว อย่ารอผมเลยครับ เพราะผมให้คำตอบเรื่องนี้กับคุณย่าไม่ได้” เศกภพพูดตรง เขาไม่อยากให้ลัดดารอคอยในเรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริงได้ในเร็ววันนี้ หรือไม่แน่อาจไม่มีวันนั้นเลยก็ได้

ชั่ววินาทีที่พูด จิตใจเศกภพนึกถึงแมวขี้เซาขึ้นมาทันใด ดวงหน้างามยังคงตรึงในความทรงจำ พยายามปัดออกไปแต่ก็ยากยิ่ง ราวกับว่าภาพนั้นถูกตอกด้วยตะปูยึดติดกับความรู้สึกแน่นหนา แถมใจสั่งว่า อยากเจอเธออีกครั้ง

“เหลนที่เกิดจากอร ย่าได้อุ้มอยู่แล้ว ที่ย่าพูดย่าถามเพราะอยากให้แกลงหลักปักฐานกับผู้หญิงสักคน ชีวิตจะได้สมบูรณ์ แต่ถ้าแกยังไม่เจอผู้หญิงคนนั้น ย่าก็ไม่เร่งนะ ย่ารู้ดีว่า เรื่องแบบนี้เร่งกันไม่ได้”

ลัดดาเป็นผู้ใหญ่เข้าใจโลก เข้าใจลูกหลาน นางไม่เคยเร่งรัดหลานชายสุดที่รัก อาจมีถามบ้างก็แค่นั้น เศกภพวางช้อนลงบนจานข้าว ลุกเดินมาหาลัดดา เขาสวมกอดนางทางด้านหลัง หอมแก้มคนเป็นย่าทั้งสองข้าง ลัดดายิ้มกับการกระทำของหลานรัก

“ผมรักคุณย่าที่สุดในโลก ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม”

“ย่าเข้าใจทิวนะลูก ย่ารอได้หรือถ้าทิวอยากอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตย่าก็ไม่ว่า ชีวิตเป็นของทิว ทิวเต็มที่ได้เลยลูก อย่าฝืนทำอะไรเพื่อใครถ้าทิวไม่เต็มใจ เพราะทิวจะไม่มีความสุข ย่าอยากเห็นทิวมีความสุข” ลัดดารักเศกภพมาก เป็นหลานรักที่ใครแตะต้องไม่ได้ นางยอมรับว่าอยากอุ้มเหลนที่เกิดจากเศกภพมากกว่า แต่ก็ไม่ขัดหากได้อุ้มลูกอรวิภาก่อน เพราะถึงอย่างไรก็ขึ้นชื่อว่าเหลนนางเหมือนกัน

“เอาเป็นว่า ผมจะเปิดใจให้ผู้หญิงสักคนนะครับ แต่ไม่รับปากว่าเมื่อไหร่” เศกภพไม่อยากให้ความหวังแต่ก็ไม่ตัดความหวังคนเป็นย่า

“จ้ะ ย่าจะรอนะ” แค่นี้ลัดดาก็ดีใจแล้ว เศกภพหอมแก้มลัดดาอีกหนึ่งฟอด ก่อนเดินกลับมานั่งที่เดิม

“คุณแม่แต่งตัวแบบนี้จะออกไปข้างนอกหรือคะ” อรอุมาลูกสะใภ้เอ่ยถาม

“ใช่ แม่จะไปเยี่ยมปู่ชาติน่ะ ไม่ได้ไปเป็นเดือนแล้ว”

ปู่ชาติคือเพื่อนรักของลัดดา ที่เวลานี้เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งท่อนล่าง เดินไม่ได้มานานกว่าหนึ่งปี ช่วงนี้อยู่ระหว่างรักษาตัวและทำกายภาพบำบัด อาการดีขึ้นตามลำดับ

“ให้ผมไปส่งคุณย่าดีไหมครับ ทางผ่านผมพอดี วันนี้ผมนัดกับไอ้สามตัวไปดูที่กันที่ชลบุรีครับ กะว่าจะไปรถคันเดียวกัน นัดเจอกันที่บ้านตั้มจะได้ออกไปทางมอเตอร์เวย์เลย แล้วขากลับคุณย่าก็โทรให้ลุงมันไปรับ” เศกภพอาสา อยากเอาใจลัดดาบ้าง ชดเชยที่ตนยังหาแม่ของลูกไม่ได้

“ได้สิ” ลัดดาไม่ปฎิเสธ หลังจากคุยกันเสร็จทุกคนลงมือกินมื้อเช้าต่อไป เมื่ออิ่มท้องต่างแยกย้ายกันไปทำกิจวัตรของแต่ละคน เศกภพเดินโอบเอวย่าสุดที่รักไปยังรปอร์เช่ คาเยนน์ราคายี่สิบล้านของตน ก่อนขับรถมุ่งตรงไปยังบ้านของปานวาด ลูกสาวปู่ชาติ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป