บทที่ 1 โดนวางยา
บทที่ 1 โดนวางยา
ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนปีที่เรียนจบมัธยมปลาย อัญญารัตน์ได้รับจดหมายตอบรับเข้าศึกษาต่อจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ
เมื่อได้รับจดหมายจากมหาวิทยาลัยในฝัน เธอก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
แต่พอกลับมาถึงบ้าน ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่ห้องรับแขก เธอก็เห็น สุเจริญ ผู้เป็นพ่อ พริมดาว แม่เลี้ยง และ นวลนภา น้องสาวต่างมารดา กำลังนั่งรวมตัวกันอยู่ที่โซฟา
ดูเหมือนว่านวลนภาจะเพิ่งผ่านการร้องไห้มา เพราะขอบตายังแดงก่ำอยู่เลย
พริมดาวกำลังปลอบใจลูกสาวของเธออยู่พอดี "นภาทำเต็มที่แล้วลูก การสอบครั้งนี้ลูกแค่ไม่สบายพอดี ก็เลยทำข้อสอบได้ไม่เต็มที่ ให้โอกาสนภาของเราอีกสักครั้งเถอะนะ รับรองว่าครั้งหน้าต้องสอบได้คะแนนดีแน่ๆ"
สุเจริญเองก็พูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นกัน "นภา ถึงมหาวิทยาลัยนี้จะไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก แต่พอเรียนจบปริญญาตรีแล้ว เราค่อยไปต่อโทที่เมืองนอกก็ได้ กลับมาก็มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันนั่นแหละ"
ทันทีที่อัญญารัตน์เดินเข้ามา ภาพที่เธอเห็นคือภาพครอบครัวสุขสันต์ที่รักใคร่กลมเกลียวกัน
เธอเก็บจดหมายตอบรับของตัวเองลง ไม่พูดอะไรสักคำ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดกลับห้องของตัวเองไป
ความสุขหรือความทุกข์ของคนบ้านนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลยสักนิด
รอให้เธอเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ เธอจะหนีไปให้ไกลจากครอบครัวนี้
แต่นวลนภากลับไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เงยหน้าที่ยังเปื้อนคราบน้ำตาขึ้นมาถามเธอว่า "พี่คะ พี่ได้รับจดหมายตอบรับหรือยัง?"
อัญญารัตน์ทำหน้านิ่งเย็นชามาตั้งแต่เดินเข้าประตู ดูท่าทางผลการเรียนคงจะไม่ค่อยดี และคงไม่ได้รับจดหมายจากมหาวิทยาลัยที่หวังไว้แน่ๆ
นวลนภาคคิดในใจว่า ถึงแม้ตัวเองจะต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมดาๆ แต่ก็ยังดีกว่าอัญญารัตน์ที่ไม่มีที่เรียน เธอรอคอยที่จะเห็นอัญญารัตน์ขายหน้าต่อหน้าคุณพ่อแทบไม่ไหวแล้ว
เมื่ออัญญารัตน์เห็นสีหน้าของน้องสาว มีหรือที่เธอจะเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่?
อัญญารัตน์แค่นหัวเราะออกมาเบาๆ เธอยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้วค่อยๆ คลี่จดหมายตอบรับของเธอออกมา
จดหมายตอบรับอันวิจิตรบรรจงนั้นช่างบาดตาบาดใจนวลนภาเหลือเกิน
นวลนภาพยายามข่มความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกอย่างสุดความสามารถ ใบหน้ายังคงแสร้งยิ้มหวานหยด "ว้าว! มหาวิทยาลัยชั้นนำ! พี่สาวเก่งจริงๆ เลยค่ะ! ยินดีด้วยนะคะพี่!"
สุเจริญเหลือบมองชื่อมหาวิทยาลัย มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย "อัญฉลาดมาตั้งแต่เด็กแล้ว"
พอพริมดาวได้ยินสามีพูดแบบนั้น ก็รีบสวมบทบาทแม่พระผู้เมตตาทันที แกล้งทำเป็นถามด้วยความห่วงใยว่า "อัญจ๊ะ หิวหรือเปล่าลูก? เดี๋ยวแม่ให้ป้าแม่บ้านทำอะไรให้ทานนะ"
อัญญารัตน์ตอบกลับเสียงเรียบ "ไม่เป็นไรค่ะ" แล้วหันหลังเดินขึ้นชั้นบนไป
คนกลุ่มนี้ที่ยึดครองบ้านของเธอ และเป็นต้นเหตุให้แม่ของเธอต้องตาย เธอไม่อยากจะเสวนาด้วยแม้แต่นิดเดียว
อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว อัญญารัตน์กำลังจัดกระเป๋าเดินทางอยู่ในห้องของตัวเอง
นวลนภาโทรศัพท์เข้ามาหาเธอ
"พี่คะ เราสองคนต่างก็ต้องไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่อนุญาตให้เราไปฉลองที่ผับด้วยกันได้นะ"
อัญญารัตน์ไม่มีความสนใจเลยสักนิด อยากจะวางสายทิ้งเสียเดี๋ยวนั้น "ไม่ไป ไม่ว่าง"
นวลนภาไม่ยอมแพ้ "พี่คะ รู้นะว่าพี่ไม่ชอบแม่กับหนู แต่เรากำลังจะไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้วนะ อีกตั้งครึ่งค่อนปีกว่าจะได้เจอกัน อีกอย่างพวกเราอายุครบ 18 ปีแล้ว ดื่มเหล้าได้แล้วนะ พี่ตกลงไปกับหนูสักครั้งเถอะนะ นะคะ?"
อัญญารัตน์ลองตรองดู ก็จริงของมัน อีกเดี๋ยวก็จะออกจากบ้านหลังนี้แล้ว ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
ผับเหรอ? ก็ใช่ว่าจะไปไม่ได้
เธอรูดซิปปิดกระเป๋าเดินทาง แล้วตอบกลับนวลนภาไปว่า "ตกลง รอฉันเปลี่ยนชุดแป๊บนึง"
ปลายสายอย่างนวลนภาร้องออกมาด้วยความดีใจ "โอเคค่ะพี่ หนูจะรอนะ เดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้ในมือถือ"
คนอื่นฟังแล้วอาจจะดูเหมือนว่าเธอดีใจจริงๆ ที่จะได้เจอพี่สาว
แต่ในมุมที่ไม่มีใครสังเกตเห็น นวลนภากระตุกยิ้มที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
เธอมองดูหน้าจอแชทที่คุยกับอัญญารัตน์ ในใจก่นด่าอย่างอาฆาตมาดร้าย "พี่สาวที่รัก ในเมื่อฉันสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยดีๆ แกก็อย่าหวังว่าจะได้ไปเรียนเลย"
นวลนภาเก็บมือถือ แล้วกลับมาทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดคุยยิ้มแย้มกับคนรอบข้างต่อไป
ดูเป็นเด็กสาวที่แสนจะเรียบร้อย น่ารักและไร้พิษภัย
อัญญารัตน์เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ก็ยืนส่องกระจกดูความเรียบร้อย
อัญญารัตน์ในวัยสิบแปดปี เติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่งและโดดเด่น
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาเที่ยวผับ
ถึงแม้เธอจะเคยออกงานสังคมมามากมาย แต่การต้องมาเดินอยู่ท่ามกลางเสียงเพลงกระหึ่มและแสงสีวิบวับเพียงลำพังแบบนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกประหม่าและไม่มั่นใจอยู่บ้าง
เธอโทรหานวลนภา "ห้องไหน? ...อืม โอเค"
เธอถือโทรศัพท์แนบหู เดินเลียบกำแพงไปเรื่อยๆ พลางคอยหลบหลีกพวกคนเมาที่เดินเซไปมา
ตอนที่เลี้ยวตรงหัวมุมกำแพง เธอก็เผลอชนเข้ากับกำแพงมนุษย์เข้าอย่างจัง จนต้องรีบเอ่ยปากขอโทษ "ขอโทษค่ะ"
แล้วรีบถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว
กลิ่นหอมของไม้สนผสมกับกลิ่นยาสูบจางๆ ลอยออกมาจากตัวของอีกฝ่าย
อัญญารัตน์ก้มหน้าอยู่ตลอด จากมุมมองของเธอ สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือรองเท้าหนังสีดำขัดมันวับ กางเกงสแล็คสีดำทรงกระบอก ดูออกเลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง และขายาวมากเป็นพิเศษ
ช่วงเอวสอบเพรียว
ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบ ผายมือเชิญ ให้เธอเดินผ่านไป
อัญญารัตน์เห็นมือใหญ่ที่เห็นข้อกระดูกชัดเจน คาดว่าเขาน่าจะยังหนุ่มยังแน่น
บนข้อมือสวมนาฬิกาปาเต็ก ฟิลิปป์เรือนสีทอง
อัญญารัตน์พยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงขอบคุณ ยกชายกระโปรงสีขาวตัวยาวขึ้น แล้วรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
โดยไม่ทันสังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่งที่มองตามหลังเธอไปตลอดทาง
อัญญารัตน์เข้ามาในห้องวีไอพี นวลนภายื่นแก้วเหล้าให้เธอ
นวลนภาจ้องมองอัญญารัตน์ดื่มเหล้าอึกนั้นลงไปโดยไม่กะพริบตา
มุมปากของนวลนภายกยิ้มขึ้น แววตาฉายแววลำพองใจอย่างปิดไม่มิด เธอยกแก้วเหล้าขึ้นบังหน้าเพื่อซ่อนรอยยิ้มอันชั่วร้ายของแผนการที่กำลังจะสำเร็จ
พอนึกถึงว่าอีกเดี๋ยวอัญญารัตน์จะต้องชื่อเสียงป่นปี้ เธอก็ตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด
อัญญารัตน์ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอก้มหน้าดื่มเหล้า โดยไม่ทันสังเกตเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความสะใจของนวลนภา
บรรยากาศในผับเสียงดังจอแจ แสงไฟสว่างจ้าบาดตา ผ่านไปไม่กี่นาที อัญญารัตน์ก็เริ่มรู้สึกเวียนหัว ตาลาย รู้สึกหงุดหงิดและกระหายน้ำขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ในภาพที่เริ่มพร่ามัว เธอเงยหน้ามองนวลนภาที่นั่งอยู่ตรงข้าม ซึ่งกำลังทำท่าทางเหมือนเป็นห่วงเป็นใย
นวลนภาถามเธอว่า "พี่คะ พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายหรือเปล่า? หนูเปิดห้องไว้ข้างบน เดี๋ยวหนูหาคนพาพี่ไปพักผ่อนดีกว่านะ"
ใบหน้าของอัญญารัตน์แดงซ่าน หายใจหอบถี่ บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดโตผุดพรายเต็มไปหมด
เวลานี้เอง เธอถึงเดาได้ว่า ในเหล้าต้องมียาแน่ๆ
แค่เหล้าอึกเดียว ไม่มีทางที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ได้
คนทำ จะเป็นใครไปได้นอกจากนวลนภา?
ภาพตรงหน้าของอัญญารัตน์เริ่มเลือนรางเต็มที
เธอกระชากคอเสื้อของนวลนภา แล้วตะคอกเสียงต่ำ "นวลนภา! แกวางยาฉัน!"
ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคบอกเล่าที่มั่นใจ
นวลนภาวางแก้วเหล้าลง ยิ้มเยาะแล้วปัดมือของอัญญารัตน์ออก ปากก็พูดว่า "พี่คะ พูดอะไรเนี่ย? เราสองคนดื่มเหล้าเหมือนกันเป๊ะเลยนะ พี่คออ่อนเอง อย่ามาโทษน้องสิ"
อัญญารัตน์หมดเรี่ยวแรง พอโดนปัดมือก็ล้มพับลงไปกองกับโซฟา หายใจหอบแฮ่กๆ
ต่อให้ปกติอัญญารัตน์จะเป็นคนเยือกเย็นแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน
สมองของเธอหยุดสั่งการ เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เมื่อนวลนภาส่งสายตาเป็นสัญญาณ ชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากมุมมืดของผับ
ชายคนนั้นยิ้มอย่างหื่นกาม กวาดสายตามองเรือนร่างของอัญญารัตน์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เผยรอยยิ้มที่น่าขยะแขยงออกมา
เขาเดินเข้าไปประคองอัญญารัตน์ที่ไร้เรี่ยวแรง แทบจะกึ่งอุ้มกึ่งลากพาเดินออกไป
อัญญารัตน์พยายามรวบรวมแรงผลักสัมผัสของชายคนนั้นออกไป
แต่ทว่า แรงที่เธอคิดว่ามากแล้วในตอนนี้ สำหรับผู้ชายตัวโตๆ คนหนึ่ง มันก็ไม่ต่างอะไรกับการสะกิดเบาๆ เหมือนมดกัด
ชายคนนั้นโอบเอวเธอ พาเดินขึ้นไปยังห้องพักด้านบน
ปากก็แสร้งทำเป็นรู้จักกับเธอ "ที่รัก อย่าใจร้อนสิ เดี๋ยวก็ถึงแล้วจ้ะ"
ความสิ้นหวังผุดขึ้นในใจของอัญญารัตน์
เธอรู้ดีว่า ในเวลานี้เธอไม่มีแรงพอที่จะช่วยตัวเองได้เลย และเธอก็ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเธอได้ไหม
ในเมื่อนวลนภานัดเธอมา แล้วยังวางยาเธอขนาดนี้ ย่อมต้องเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมสรรพแล้วแน่ๆ
ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวอาจจะมีคนบุกเข้ามาในห้อง ถ่ายรูปหลุดของเธอ เพื่อประจานความอัปยศให้คนทั้งโลกรู้
ทำให้เธอไม่มีหน้าไปเจอผู้คนได้อีก
เธอพยายามขัดขืนสุดชีวิต แต่เมื่อเทียบกับแรงของผู้ชายแล้ว มันช่างแตกต่างกันเกินไป
ชายคนนั้นโอบกอดเธอ ขึ้นบันได แล้วเดินเข้าไปในทางเดินยาว
อัญญารัตน์จิกเล็บลงบนฝ่ามือตัวเองอย่างแรง หวังใช้ความเจ็บปวดเรียกสติกลับคืนมา
เธอพยายามคิดหาวิธีเอาตัวรอด
เธอรู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่แผ่ซ่านจากท้องน้อย แล้วค่อยๆ ลุกลามไปทั่วร่างกายสาวที่กำลังอ่อนไหว
มันแผ่ขยายไปทุกอณูขุมขน ครอบงำเธอไปทั้งตัว
ฤทธิ์ยาเริ่มทำงานเต็มที่ อัญญารัตน์รู้สึกหัวหนักอึ้ง ขาแข้งอ่อนแรง
ไอ้คนน่ารังเกียจนั่นแทบจะลากเธอไปกับพื้น
อัญญารัตน์ยังคงต่อสู้ดิ้นรน ใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีขัดขืน
แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากวงแขนล่ำสันที่ล็อคตัวเธอไว้ได้
อัญญารัตน์พยายามผลักชายคนนั้นออกไปอีกครั้ง ตะโกนใส่หน้ามันว่า "ออกไป! แกออกไปนะ! ...ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที?"
น้ำเสียงของเธอสั่นเครือเหมือนคนกำลังร้องไห้
ชายคนนั้นแสยะยิ้มมองดูเธอเดินโซซัดโซเซ แล้วกระชากตัวเธอขึ้นมา กระซิบคำหยาบโลนที่ข้างหู "นังตัวดี น้องสาวมึงบอกว่ามึงยังซิง กูต้องขอชิมหน่อยแล้ว อย่าทำเป็นเล่นตัวไปหน่อยเลย เดี๋ยวพอเข้าห้องขึ้นเตียง รับรองมึงต้องร้องไห้อ้อนวอนให้กูเอามึงแรงๆ แน่ เชื่อสิ ถ้ามึงทำตัวดีๆ พี่จะจัดให้ถึงสวรรค์เลย จนมึงติดใจไม่รู้ลืม..."
ชายคนนั้นรัดพันตัวเธอราวกับงูพิษ
คำพูดอันน่าสะอิดสะเอียนของมันยังไม่ทันจบ จู่ๆ มันก็ร้อง "โอ๊ย!" เสียงหลง แล้วล้มคว่ำลงไปกองกับพื้น
มันรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา ถ่มน้ำลายลงพื้น แล้วด่ากราดด้วยความโกรธแค้น "ไอ้เวรที่ไหนวะ กล้าดียังไงมาต่อยตีนกู!?"
ดูเหมือนมันจะโดนหมัดสวนเข้าให้อีกที จนต้องเอามือกุมหน้า ร้องอู้อี้พูดอะไรไม่ออกอีก
อัญญารัตน์ได้ยินเสียงชายหนุ่มอีกคน ตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า "ไสหัวไป!"
จากนั้นชายคนนั้นก็รีบวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานออกไปทันที
อัญญารัตน์ไม่มีแรงจะเดินต่อแล้ว
ในความสิ้นหวังเฮือกสุดท้าย ขณะที่เธอกำลังพิงกำแพงและค่อยๆ ไหลรูดลงไป ร่างของเธอก็พลันตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น
จากนั้น เธอก็ถูกพาตัวเข้ามาในห้องห้องหนึ่ง
ปลายจมูกได้กลิ่นน้ำหอมอบอวลในห้อง ผสมกับกลิ่นเหล้าจางๆ จากตัวผู้ชายที่กำลังโอบกอดเธออยู่
เธอใช้สติสัมปชัญญะสุดท้าย ลืมตาขึ้นมา มองเห็นเลือนรางว่าเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำ
เธอคว้าคอของเขาไว้ พยายามขยับปากพูดด้วยอาการสั่นเทา แต่กลับกลายเป็นการกัดเขาไปหนึ่งที
หูแว่วเสียงครางต่ำในลำคอของชายหนุ่ม
เธอกระซิบที่ข้างหูของเขา แผ่วเบาว่า "ได้โปรด... ช่วยฉันด้วย"
