บทที่ 2 ขอร้อง, เบาๆ หน่อย!

ฟันซี่เล็กของเธอขบกัดลงบนเรือนร่างของชายหนุ่มไม่หยุดหย่อน เรียกเสียงครางต่ำในลำคอจากเขาเป็นระยะ

มือนุ่มนิ่มของหญิงสาวล้วงเข้าไปใต้ชายเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่ม ลูบไล้ไปตามช่วงเอวและหน้าท้องที่ไวต่อความรู้สึกของเขา

เธอเขย่งปลายเท้า ยื่นปากเข้าไปใกล้ลูกกระเดือกของเขา ตวัดลิ้นเลียอย่างเก้ๆ กังๆ

กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งออกมาจากตัวชายหนุ่ม คาดว่าเขาเองก็น่าจะดื่มมาเหมือนกัน

อัญญารัตน์ได้ยินเสียงลมหายใจหอบหนักของเขาที่ข้างหู

ลมหายใจอุ่นร้อนของเธอเป่ารดต้นคอเขา

อัญญารัตน์สะอื้นไห้เบาๆ "ช่วยด้วย... ช่วยฉันที"

ปากพร่ำพูด แต่มือไม้ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังคงลูบไล้ไปทั่วร่างกายของชายหนุ่ม

ร่างสูงชะงักกึก มือหนาที่โอบกอดเธอไว้แข็งเกร็ง ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว หน้าอกของเขาก็ถูกเธอกัดเข้าให้อีกคำใหญ่

ชายหนุ่มส่งเสียงคำรามในลำคอ กำลังจะผลักเธอออก

แต่อัญญารัตน์ที่คอแห้งผากและถูกไฟราคะแผดเผา ยกมือขึ้นฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองโดยไม่รู้ตัว

เธอซบหน้าลงกับอกแกร่ง พึมพำเสียงเบา "ฉันร้อน... ร้อนเหลือเกิน..."

ร่างกายของเธอเหมือนกำลังถูกเปลวเพลิงกลืนกิน

ความร้อนรุ่มที่ยากจะอธิบายโอบล้อมไปทั่วสรรพางค์กาย

เธอเพียงต้องการหาที่พึ่งพิงที่เย็นฉ่ำ

ดวงตาคู่สวยฉายแววเยิ้มมองชายหนุ่มตรงหน้า

เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นชายที่เข้มข้นจากตัวเขา

กลิ่นหอมจางๆ ของไม้สน เป็นกลิ่นที่เธอชอบ

มือที่สั่นเทาของเธอค่อยๆ ลูบไล้ร่างกายแปลกหน้าภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวนั้น

อัญญารัตน์ยกสองแขนขึ้นคล้องคอชายหนุ่ม

วินาทีต่อมา เธอไม่ลังเลที่จะประกบริมฝีปากของตนลงบนปากของเขา

สัมผัสเนียนนุ่มที่จู่โจมเข้ามาทำให้ชายหนุ่มลมหายใจสะดุด ร่างกายแข็งทื่อ สัญชาตญาณสั่งให้กอดรัดร่างที่สั่นเทาในอ้อมแขนแน่นขึ้น

จูบของอัญญารัตน์นั้นไร้เดียงสาและมุทะลุ ไร้ซึ่งชั้นเชิงใดๆ

เธอเอาแต่ขบกัดริมฝีปากของเขา

ชายหนุ่มเผยอปากเตรียมจะเอ่ยห้าม แต่ลิ้นเล็กที่เปียกชื้นกลับสอดแทรกเข้ามา กวาดต้อนไปทั่วโพรงปากของเขา ทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะในทันที

เพิ่งดื่มเหล้ามาหมาดๆ สมองของเขาตอนนี้จึงไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งเท่าไหร่นัก

เด็กสาวคนนี้เห็นได้ชัดว่าโดนวางยามา

ท่าทางกระหายอยากขนาดนี้ ชัดเจนว่าต้องการหลับนอนกับผู้ชายเพื่อปลดเปลื้องความทรมาน

ถ้าเขายอม ก็เท่ากับว่าเขาฉวยโอกาส

แต่เขาไม่ใช่นักบุญ หญิงสาวมายั่วยวนขนาดนี้ จะให้เขาต้านทานได้อย่างไร?

เขาก้มลงมองหญิงสาวที่เกาะเกี่ยวอยู่บนตัว แววตาของเธอพร่าเลือน แก้มแดงระเรื่อผิดปกติ ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยพร้อมเสียงสะอื้น มือก็พยายามฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวเองพลางร้องขอ "ช่วยด้วย ขอร้องล่ะ ฉันทรมานเหลือเกิน ร้อน..."

จากมุมที่เขามองลงไป ภายใต้คอเสื้อที่ฉีกขาด เนินอกอวบอิ่มและร่องลึกนั้นปรากฏแก่สายตาอย่างชัดเจน

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มือหนาเผลอลูบไล้เอวคอดกิ่วของอัญญารัตน์โดยไม่รู้ตัว

เอวบางร่างน้อยที่โอบรอบได้ด้วยมือเดียว

อัญญารัตน์สัมผัสได้ถึงการแตะต้อง หลุดเสียงครางที่ดูเหมือนจะพึงพอใจออกมา

เมื่อได้ยินเสียงนั้น แววตาของชายหนุ่มก็ยิ่งดำดิ่งลึกล้ำ ขาของเขาขยับเข้าหาโดยสัญชาตญาณ

ร่างกายของเขาซื่อสัตย์เสมอ และมันก็ตอบสนองไปนานแล้ว

การได้แนบชิดกับเรือนร่างนุ่มนิ่มของหญิงสาว ทำให้เขาต้องอดทนกับความปวดหนึบที่ส่วนล่างตลอดเวลา

ตอนนี้ ความแข็งขึงภายใต้กางเกงสแล็คกำลังดุนดันจนเขาปวดร้าวไปหมด

อยากจะงัดเจ้ามังกรที่ขยายตัวเต็มที่ออกมาโชว์ให้เธอเห็น แล้วจัดการความทรมานของตัวเองให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

ในที่สุด เขาก็ทนไม่ไหว

เขากระซิบข้างหูเธอเสียงพร่า

เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าเอ่ยถาม "คุณแน่ใจนะ ว่าจะให้ผมช่วย?"

อัญญารัตน์ไม่มีสติพอจะคิดเรื่องอื่น จู่ๆ เธอก็มีแรงผลักชายหนุ่มลงไปบนเตียง แล้วก้าวขึ้นคร่อมร่างเขา ก้มตัวลงเริ่ม... กัดเขา

อัญญารัตน์บิดเร่าร่างกายอย่างบ้าคลั่งอยู่บนตัวเขา เธอสัมผัสได้ถึงพลังอันเปี่ยมล้นของชายหนุ่มเบื้องล่าง

ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้ง "คุณแน่ใจนะ ว่าจะไม่เสียใจทีหลัง?" น้ำเสียงเจือไปด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจควบคุม

คำตอบที่เขาได้รับ คือริมฝีปากแดงระเรื่อที่ปิดทับลงมา

ลิ้นเล็กของเธอรุกราน เลียไล้ และดูดกลืนเขาจนแทบจมดิ่ง

ลมหายใจของชายหนุ่มหอบกระเส่า หางตาแดงก่ำ คำรามต่ำในลำคอ เขามาถึงขีดสุดของความอดทนแล้ว

อัญญารัตน์ดูเหมือนจะรีบร้อนหาทางปลดปล่อย เธอรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก แล้วกระชากเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มจนหลุดลุ่ย

เสียงกระดุมหลุดกระเด็นดังขึ้น ชายหนุ่มไม่ทนอีกต่อไป เขาเอื้อมมือไปดึงเธอกลับมาแล้วบดจูบอย่างหนักหน่วง "งั้นก็อย่าเสียเวลาอีกเลย"

ลิ้นแลกจูบพัวพัน

ร่างกายกอดรัดฟัดเหวี่ยง

เสื้อผ้ากระจัดกระจายเกลื่อนพื้น

อัญญารัตน์นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง ผิวขาวเนียนแดงระเรื่อไปทั้งตัว

ปากพร่ำส่งเสียงครางที่ผสมปนเปทั้งความทรมานและความสุขสม

ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มกอบกุมความนุ่มหยุ่นทั้งสองข้างที่หน้าอก บีบเคล้น ลูบไล้ เรียกเสียงหอบครางจากเธอเป็นระลอก

ยอดอกสีหวานชูชันสู้มือจากการเล้าโลม รอให้เขาใช้ริมฝีปากและลิ้นเข้าครอบครอง ยิ่งทำให้เธอสั่นสะท้านรุนแรงขึ้น

เธอแอ่นกายรับสัมผัสลิ้นที่ตวัดเลีย ส่งเสียงครางดังลั่น

ชายหนุ่มดึงร่างอัญญารัตน์เข้ามา ยกสะโพกเธอขึ้น แยกเรียวขาออก แล้วส่งความปรารถนาอันใหญ่โตที่ถูกปลุกเร้าจนถึงขีดสุดกระแทกกระทั้นเข้าไปในกายเธออย่างดุดัน

ชายหนุ่มคุกเข่าอยู่บนเตียง โถมกายเข้าใส่อัญญารัตน์อย่างบ้าคลั่งไม่หยุดหย่อน

มือหนายึดเอวบางไว้แน่นไม่ยอมให้เธอหนีไปไหน

ภายในห้องที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะต่อเนื่อง

เคล้าคลอไปกับเสียงครางหวานหูของอัญญารัตน์และเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของชายหนุ่ม

แรงกระแทกกระทั้นที่ถาโถมเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้อัญญารัตน์ต้องเกาะแขนเขาไว้แน่น พร่ำร้องขอเสียงแผ่ว "ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันเสียใจแล้ว"

ความเจ็บปวดปนเปกับความเสียวซ่าน ทำให้อัญญารัตน์เผลอจิกเล็บลงบนอกแกร่งของเขา

เล็บคมทิ้งรอยแดงเป็นทางยาวบนตัวชายหนุ่ม

ชายหนุ่มยังคงขยับสะโพกอย่างหนักหน่วง เหงื่อท่วมกาย เมินเฉยต่อรอยเล็บที่อัญญารัตน์ฝากไว้ เขาตอบกลับเสียงพร่า "สายไปแล้ว ไม่ทันแล้ว"

อัญญารัตน์นอนระทดระทวย ร่างกายขาวผ่องชุ่มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็ก หน้าอกอวบอิ่มกระเพื่อมไหวไปตามแรงกระแทกของชายหนุ่ม ล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้าเขา

ผมหน้าม้าเปียกชุ่มแนบไปกับหน้าผาก ดวงตาคลอหน่วยด้วยน้ำตา เหม่อลอยไร้จุดโฟกัส ได้แต่ร้องเรียกเขา "ขอร้อง... เบาหน่อย ฉันเจ็บ..."

อัญญารัตน์ทนรับแรงกระทำของเขาแทบไม่ไหว ได้แต่สะอื้นเบาๆ แต่ก็ยังหลุดเสียงครางแห่งความสุขสมออกมาไม่ขาดปาก

ชายหนุ่มมองดูความนุ่มหยุ่นที่ถูกมือใหญ่ของเขาบีบขยำจนขึ้นรอยแดงชัดเจน เขาก้มลงจูบซับอย่างอ่อนโยน ดูดดึง เรียกเสียงครางที่ดังกว่าเดิมจากอัญญารัตน์

เขายึดเอวเธอไว้ กระแทกกายเข้าใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็เริ่มมีความยับยั้งชั่งใจเจือปนอยู่บ้าง

จนในที่สุด อัญญารัตน์ร้องไห้จนหมดแรง เหลือเพียงเสียงสะอื้นไห้เบาๆ

ราวกับได้พบทางออกของอารมณ์ที่อัดอั้น วินาทีที่ชายหนุ่มปลดปล่อยสายธารอุ่นร้อนเข้าไปในกายเธอ อัญญารัตน์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจแห่งความสุขสม

ค่ำคืนนั้น ช่างวุ่นวายและวาบหวาม

ร่างกายของอัญญารัตน์ราวกับลอยคออยู่กลางทะเล ถูกคลื่นซัดสาด ลอยคอผุดว่ายไม่รู้จบ

สุดท้าย ก็ถูกส่งขึ้นไปแตะขอบสวรรค์

ร่างกายสั่นสะท้าน อิ่มเอมจนล้นปรี่

ในที่สุด สงครามรักก็จบลง ทั้งสองฝ่ายต่างสงบศึก

อัญญารัตน์ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอหลับไปตอนไหน

เธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นบนพื้นห้อง โดยมีผ้าห่มห่อหุ้มร่างกายไว้อย่างมิดชิด

เมื่อเห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆ ทั่วเรือนร่างที่เปลือยเปล่า ความทรงจำอันแสนโกลาหลเมื่อคืนก็ย้อนกลับมา เธอไม่มีความกล้าแม้แต่จะหันไปมองคนข้างกาย

เธอกัดฟันข่มความปวดร้าวไปทั้งตัว เก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างเงียบเชียบและเร่งรีบ แล้วรีบหนีออกมาอย่างลนลาน

เมื่อคืน ในภวังค์อันเลือนราง เหมือนจะได้ยินผู้ชายคนนั้นพูดว่า "วางใจเถอะ ผมจะรับผิดชอบคุณเอง"

อัญญารัตน์ส่ายหน้า

ไม่ต้องการความรับผิดชอบ เธอแค่ต้องการลืมคืนนี้ไปซะ

ถือซะว่าโดนหมากัดก็แล้วกัน

ต่อไปนี้เธอจะหนีไปให้ไกลจากพวกคนในตระกูลวุฒิยาภรณ์

ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ และค่ำคืนที่แสนวุ่นวายนี้ เธอจะไม่จดจำมันอีก

ภายในห้อง ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาปรายตามองที่ว่างข้างเตียง พบว่าว่างเปล่าเสียแล้ว

เขาลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มเลื่อนหลุดเผยให้เห็นท่อนบนที่เปลือยเปล่า รอยเล็บข่วนแดงฉานเต็มแผ่นหลังและหน้าอก ดูน่ากลัวพิลึก

เขาเดินเข้าห้องน้ำไปส่องกระจก เห็นสภาพคอตัวเองแล้วก็ดูไม่ได้เลย รอยฟันแดงเถือกถี่ยิบเต็มไปหมด

ชายหนุ่มยิ้มขื่น แต่งตัวเตรียมออกจากห้อง

ก่อนไป เขาพึมพำกับตัวเอง "หนีเร็วดีนี่"

เมื่ออัญญารัตน์กลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าสุเจริญ พริมดาว และนวลนภากำลังนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ที่ห้องอาหาร

สุเจริญปรายตามองอัญญารัตน์ เอ่ยเสียงเรียบ "หายหัวไปไหนมาแต่เช้า? ให้แม่กับน้องรอทานข้าวตั้งนานก็ไม่เห็นลงมา"

อัญญารัตน์ก้มหน้า ตอบเสียงเบา "วันหลังไม่ต้องรอค่ะ"

เธอหันหลังเตรียมจะเดินขึ้นชั้นบน

นวลนภารีบลุกจากโต๊ะอาหารเดินเข้ามาคว้าแขนอัญญารัตน์ไว้

แสร้งทำสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย ถามว่า "พี่คะ เมื่อคืนจู่ๆ หนูมีเรื่องจะถามเกี่ยวกับการรายงานตัวที่มหาวิทยาลัย แต่พอไปเคาะห้องพี่ กลับไม่มีคนอยู่ พี่ไม่ได้กลับบ้านเหรอคะเมื่อคืน?"

เสียงของเธอเบาลงเรื่อยๆ ราวกับหวาดกลัว พลางชำเลืองมองสุเจริญเป็นระยะ

อัญญารัตน์ตวัดสายตามองนวลนภาอย่างดุดัน "เมื่อคืนฉันอยู่ที่ไหน เธอไม่รู้ดีที่สุดเหรอ? ไม่ใช่เธอเหรอที่โทรเรียกฉันออกไป?"

นวลนภาแกล้งทำท่าตกใจ ยกมือทาบอก ตาโตเท่าไข่ห่าน

"แต่พี่คะ หนูรีบกลับมาตั้งแต่หัวค่ำแล้วนะ คุณพ่อไปรับหนูกลับมาเอง ท่านบอกว่าดึกแล้ว ผู้หญิงอยู่ข้างนอกมันอันตราย" นวลนภาแสร้งทำเป็นมองสำรวจช่วงล่างของอัญญารัตน์อย่างไม่ตั้งใจ "พี่คะ เมื่อคืนหนูเห็นพี่เหมือนจะเมาๆ นะ แล้วพี่ก็ออกไปกับเพื่อนไม่ใช่เหรอ? ผู้ชายคนนั้นน่ะ หนูว่าหน้าตาก็ธรรมดาๆ นะ เขาเป็นคนประคองพี่ไปพักที่ห้องไม่ใช่เหรอ? หรือว่า... เมื่อคืนพี่อยู่กับเขา?"

สุเจริญได้ยินดังนั้นก็ระงับโทสะไม่อยู่ ตบโต๊ะดังปัง วางตะเกียบกระแทกพื้นโต๊ะอย่างแรง

"อัญญารัตน์! แกยังมียางอายอยู่บ้างไหม?! อายุแค่นี้ริอ่านไปนอนกับผู้ชายแล้วเหรอ? แถมยังใจแตกไม่กลับบ้านช่อง?! ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่น ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ต่อไปในเมืองเอ จะมีตระกูลไหนอยากมาเกี่ยวดองกับตระกูลวุฒิยาภรณ์อีก?"

พริมดาวรีบเข้าไปยืนข้างสุเจริญ ลูบหลังเบาๆ แสร้งทำเป็นไกล่เกลี่ย "คุณคะ ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ เดี๋ยวความดันขึ้น ลูกทำผิดก็ค่อยๆ สอนสิคะ จะโมโหไปทำไม เสียสุขภาพเปล่าๆ"

แล้วหันไปดุนวลนภาแบบไม่จริงจังนัก "นภาก็เหมือนกัน เช้าๆ แบบนี้มาทำให้คุณพ่ออารมณ์เสียทำไม ไปนวดไหล่ให้คุณพ่อเร็วเข้า"

นวลนภารีบวิ่งเข้าไปทำตามอย่างว่าง่าย

สุเจริญกุมมือนวลนภาที่วางอยู่บนไหล่เขา ยังคงทำท่าทางโกรธจัด "ฉันโมโหแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนภา? โชคดีที่ฉันยังมีนภาเป็นลูกที่ว่านอนสอนง่าย" เขาปรายตามองอัญญารัตน์อย่างเย็นชา "ไม่งั้นสักวันฉันคงอกแตกตาย"

อัญญารัตน์ทำหูทวนลม

หลังจากแม่เสียชีวิต สุเจริญก็ไม่ใช่พ่อของเธออีกต่อไป

ผู้ชายที่ทรยศแม่ ไม่คุ้มค่าให้เธอต้องมาเปลืองความรู้สึกด้วย

เธอจับราวบันได เดินขึ้นชั้นบนต่อไป

แม้ฤทธิ์ยาเมื่อคืนจะหมดไปแล้ว แต่ค่ำคืนอันแสนวุ่นวายทำให้เธอปวดหัวตึบและอ่อนเพลีย เธอต้องการการพักผ่อนอย่างเร่งด่วน

เธอต้องกลับไปนอนเอาแรงสักงีบ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป