บทที่ 4 หนุ่มหล่อจากฟากฟ้า
ที่แท้... คู่หมั้นที่เธอรักมาตลอดสามปี คนที่เขายอมเสี่ยงชีวิตฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วย ไม่ใช่เธอสินะ!
หัวใจเหมือนถูกใครบีบขย้ำ เจ็บปวดราวกับจะฉีกขาด
เธอรู้สึกหายใจไม่ออก พูดอะไรไม่ออกเลย
ตอนนั้น พอเธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ก็ถูกสุเจริญส่งไปต่างประเทศทันที
ถึงจะเสียใจอยู่บ้าง แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดในวันนี้
ขณะที่เธอกำลังวิ่งหนีออกมา ก็ได้ยินเสียงดังโครม
ซุ้มประตูทรงโค้งขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงจู่ๆ ก็พังครืนลงมา
ดอกไม้สดที่เคยประดับอยู่บนนั้นถูกไฟเผาไหม้จนหมดสิ้น
เหลือเพียงโครงเหล็กสีดำที่มีลวดตาข่ายและวงเหล็กพันกันเป็นวงๆ
โครงเหล็กนั้นล้มลงมาฟาดเข้าที่ขาของอัญญารัตน์อย่างจัง
อัญญารัตน์ล้มลงกับพื้น เธอรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ขาขึ้นมาทันที ความเจ็บปวดทำให้เธอกรีดร้องออกมา
ธราธิปที่เกือบจะก้าวพ้นประตูได้ยินเสียงร้องนั้น เขาชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมามองอัญญารัตน์ที่ล้มอยู่
แต่แล้วเขาก็อุ้มนวลนภาวิ่งออกไปโดยไม่ลังเล
ราวกับมองไม่เห็นสายตาที่เจ็บปวดและสภาพอันน่าเวทนาของอัญญารัตน์เลยแม้แต่น้อย
ชุดเจ้าสาวโอต์กูตูร์จากดีไซเนอร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศสชุดนั้น บัดนี้มีสภาพยับเยินไม่ต่างอะไรกับตัวอัญญารัตน์เอง
อัญญารัตน์รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว แม้ว่ารอบกายจะเต็มไปด้วยคลื่นความร้อนที่กำลังจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัวก็ตาม
เธอเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่ ก่อนจะหมดสติและแน่นิ่งไป
วินาทีก่อนที่เธอจะสลบลงไป ชายร่างสูงโปร่งสวมหมวกนิรภัยของนักผจญเพลิงคนหนึ่ง ก็ฝ่าควันไฟหนาทึบเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต
เขาตรงดิ่งมายังตำแหน่งที่อัญญารัตน์อยู่ เมื่อเห็นว่าเธอหมดสติไปแล้ว ก็รีบก้มลงช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว แล้วพาวิ่งออกจากห้องจัดเลี้ยงอย่างรวดเร็ว
อัญญารัตน์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นช่วงสายของวันรุ่งขึ้นแล้ว
เธอก้มมองชุดผู้ป่วยลายทางสีฟ้าขาวบนตัว และขาข้างที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผล
พอได้สติก็รู้ว่าตัวเองนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล
เธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานควรจะเป็นวันหมั้นของเธอกับธราธิป
แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเสียก่อน
การที่ไม่ได้หมั้นกัน อาจจะเป็นเรื่องโชคดีก็ได้
ก่อนหน้านี้ ธราธิปปิดบังเธอมาได้แนบเนียนเหลือเกิน
เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาแอบคบชู้กับนวลนภามานานแล้ว
เธอควรจะขอบคุณอุบัติเหตุครั้งนี้ดีไหมนะ?
ที่ทำให้เธอเห็นธาตุแท้ของผู้ชายเลวๆ คนนั้นได้เร็วขึ้น ดีกว่าแต่งงานไปแล้วต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
เธอทอดสายตามองท้องฟ้าสีครามและปุยเมฆผ่านกระจกหน้าต่าง ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกใดๆ ดูเงียบสงบจนน่าประหลาด
มีคนผลักประตูเข้ามา
อัญญารัตน์หันไปมอง
พยาบาลสาวเดินเข้ามาพร้อมถาดอุปกรณ์
"เตียง 26 คุณอัญญารัตน์ ใช่ไหมคะ?"
อัญญารัตน์พยักหน้าเบาๆ "ใช่ค่ะ ฉันอัญญารัตน์ค่ะ"
"เมื่อวานเพิ่งผ่าตัดล้างแผลไป เดี๋ยวพยาบาลขอดูแผลหน่อยนะคะว่ามีเลือดซึมไหม"
อัญญารัตน์ขยับขามาทางขอบเตียงเล็กน้อย "ขอบคุณค่ะ รบกวนด้วยนะคะ"
หลังตรวจเสร็จ พยาบาลก็บอกกับเธอว่า "คุณอัญญารัตน์คะ เมื่อวานคุณแอดมิทผ่านห้องฉุกเฉิน วันนี้รบกวนให้ญาติไปชำระค่าใช้จ่ายด้วยนะคะ"
อัญญารัตน์กำลังจะอ้าปากพูด แต่จู่ๆ ก็มีร่างสูงสง่าปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู
ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า "ส่งใบแจ้งหนี้มาให้ผมเถอะครับ เดี๋ยวผมไปจ่ายเอง"
อัญญารัตน์คาดไม่ถึงว่าจะมีคนแปลกหน้าเข้ามาในห้องพักฟื้น จึงรู้สึกตกใจมาก
เธอเงยหน้ามองชายคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
ผู้ชายคนนี้ตัวสูงมาก ศีรษะแทบจะชนวงกบประตูอยู่แล้ว
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวกับรูปสลักหยก เครื่องหน้าคมเข้มมีมิติ แววตาฉายแววฉลาดเฉลียวและสุขุมนุ่มลึก
กระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อเชิ้ตถูกปลดออก เผยให้เห็นลูกกระเดือกที่นูนเด่นชัดเจน
เอวสอบรับกับรูปร่างที่ดูแข็งแรง ภายใต้กางเกงสแล็คคือเรียวขายาวเหยียดตรง
อัญญารัตน์อุทานในใจ "เกิดมาตั้งยี่สิบกว่าปี ยังไม่เคยเจอผู้ชายที่หล่อขนาดนี้มาก่อนเลย"
พยาบาลสาวในห้องหน้าแดงระเรื่อ รีบยื่นเอกสารให้เขา
ชายหนุ่มจับจ้องไปที่ใบหน้าของอัญญารัตน์ มองลึกเข้าไปในดวงตาเหมือนกำลังค้นหาความรู้สึกของเธอในตอนนี้ แล้วจึงหันหลังเดินก้าวยาวๆ ออกไป
อัญญารัตน์รู้สึกงุนงงไปหมด พ่อหนุ่มรูปหล่อคนนี้โผล่มาจากไหนกัน? หน้าตาดีแถมบุคลิกยังดูภูมิฐานราวกับคุณชายตระกูลผู้ดี
แถมยังมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เธออีก
ถ้าเอาธราธิปมาเทียบกับเขาแล้วล่ะก็ แม้แต่จะหิ้วรองเท้าให้เขาก็ยังไม่คู่ควรเลย
อัญญารัตน์กำลังจะล้มตัวลงนอนต่อ
แต่ในตอนนั้นเอง ประตูก็ถูกผลักเข้ามาอีกครั้ง
