บทที่ 3 รสสวาทอาเขย 3

กว่ารถจะจอดลงหน้าคฤหาสน์หลังงาม บ้านมหาเศรษฐีผู้มีอิทธิพลของนายจักรกฤษ เพชรแดนไตร พ่อของเธอ พ่อที่ทิ้งลูกไว้ในโรงเรียนประจำนานถึง 8 ปี ลรันดามองคฤหาสน์ตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่า มันไม่ทรุดโทรมไปกว่าเก่าเลย สภาพในความทรงจำเคยเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยน

ศรหิ้วกระเป๋าคุณหนูเข้าบ้าน ลรันดามองอาเขยตัวโตใจร้ายที่ยังรีรอเธอ นี่เขาจะเอาหน้าล่ะสิ แกล้งทำดีกับเธอให้คุณพ่อเห็น

“อาปูนกลับไปได้แล้วค่ะ ส่งหนูแค่นี้ก็พอ” สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรรู้ ลรันดาเป็นเด็กมีปัญหาการพูดการจาก็เลยแตกต่างจากเด็กปกติ เธอจะเรียกแทนตัวเองสลับไปมาอย่างคนที่มักจะเกิดความสับสน และเพราะความโดดเดี่ยวนั่นแหละที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้

ธามไทไม่สนใจเดินนำเข้าบ้าน ลรันดาเดินตามไปติดๆ บุคคลแรกที่เธอไม่คิดว่าจะเจอ เพราะเขาไม่น่าจะอยู่รอเธอแบบนี้ นายจักรกฤษลดหนังสือพิมพ์ในมือลงแล้วกวาดตามองบุตรสาว 8 ปี นานทีเดียวที่เขาตัดสินใจตัดขาดจากลูกสาว ทั้งนี้ก็เพื่อทำโทษและปรับเปลี่ยนนิสัยเอาแต่ใจของลรันดา

เมื่อตอนลรันดาเรียนประถมศึกษาปีที่ 4 เธอก็โดดเรียนถึงสามครั้ง เขารู้ว่าลรันดาทำไปเพื่อประชดเพราะตอนนั้นเธอเพิ่งจะเสียแม่ไป ส่วนคนเป็นพ่ออย่างเขาก็มีงานมากมายไม่มีเวลาใกล้ชิดลูกเท่าที่ควร เด็กหญิงลรันดาจึงกลายเป็นเด็กเหลือขอ พูดสอนอะไรไม่เคยฟัง พอพูดมากลูกสาวก็จะแสดงให้เห็นว่าไม่กลัว ไม่เชื่อ และไม่ยอมทำตาม สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับเขาและทุกคนในบ้านเพชรแดนไตร

เมื่อน้ำฟ้าแต่งงานกับธามไท เขาก็ส่งลรันดาเข้าเรียนในโรงเรียนประจำ มันเป็นการทำโทษหนักหนาสาหัสไปหน่อยสำหรับเด็กหญิงตัวน้อยๆ แต่คุณจักรกฤษก็มองไม่เห็นทางอื่นแล้วจริงๆ

“สวัสดีค่ะคุณพ่อ” ลรันดาพนมมือไหว้พ่อ คุณจักรกฤษลุกขึ้นเดินไปหาลูก รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากหนา

“ลูกชุบเป็นไงบ้างลูก” พร้อมกันนั้นสองมือของคนเป็นพ่อก็จับต้นแขนทั้งสองของของลูกคล้ายจะดึงเข้ากอด

“หนูหนังเหนียวค่ะ ไม่ตายง่ายๆ”

“พ่อไม่ได้ส่งหนูไปตาย พ่อแค่อยากให้หนูเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม”

“เลยทิ้งลูกชุบไว้ในโรงเรียนประจำตลอด 8 ปีหรือคะ อย่าบอกนะคะว่านี่คือการแสดงความรักลูกของคุณพ่อ”

ธามไทมองทั้งคู่เงียบๆ โดยเฉพาะคุณจักรกฤษคนที่เขารักเหมือนพี่ชายแท้ๆ เขารู้ว่าจริงๆ แล้วคุณจักรกฤษรู้สึกอย่างไร และจริงๆ แล้วเป็นอย่างที่ลรันดาพูดหรือเปล่า แต่สำหรับเด็กดื้ออย่างเธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้ ถึงรู้ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น

“ขึ้นไปพักเถอะลูกชุบ เอาไว้ให้หายเหนื่อยแล้วค่อยคุยกัน”

จากที่คิดว่าจะกอดกลายเป็นปล่อยมือจากต้นแขนเล็ก ลรันดาถอยห่างท่าทีหมางเมิน เธอหมุนตัวเดินขึ้นบันไดเพื่อจะไปห้องนอนเก่าของตนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว

“ลูกชุบ พ่อรักหนูนะลูก”

ก่อนที่ร่างอิ่มจะก้าวผ่านบันไดขั้นสุดท้าย เธอก็ได้ยินเสียงของพ่อแว่วเข้ามาในหู ปลายเท้าเล็กสะดุดกึกแต่แล้วก็ก้าวต่อไปจนถึงห้องนอน เพียงแค่ประตูห้องนอนสีชมพูปิดลงอีกครั้งน้ำตาใสๆ ก็ร่วงเผาะผล็อย

“ขอบใจมากนะปูน อุตส่าห์เสียเวลาไปรับลูกชุบ” คุณ  จักรกฤษนั่งลงที่เดิม ธามไทหย่อนสะโพกลงข้างๆ

“ไม่เป็นไรครับ”

“ยัยน้ำติดต่อมาบ้างหรือเปล่า” ถามถึงน้องสาวเพียงคนเดียว น้ำฟ้า เพชรแดนไตร

“ไม่ครับ” ไม่มีความกระอักกระอ่วนใดๆ ยามที่ธามไทต้องพูดถึงเรื่องนี้

“ฉันขอโทษนายแทนยัยน้ำด้วย ฉันไม่คิดว่ามันจะทำตัวแบบนี้” พูดถึงน้องสาวด้วยความหนักใจ

“ช่างเถอะครับพี่จักร ผมเองก็ไม่ได้อะไรแล้ว”

“ดีแล้ว อย่าไปจมปลักกับผู้หญิงอย่างยัยน้ำเลย ต่อให้เป็นเมียแต่งถ้าทำตัวไม่ดีก็เลิกรากันได้”

“ครับพี่จักร”

“ปูน ฉันจะไม่อยู่ 3 วัน ฝากงาน ฝากลูกชุบด้วยนะ” คุณจักรกฤษยังนึกห่วงลรันดาหากจะต้องปล่อยให้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง

“พี่จักรจะไปมาเลเซียหรือครับ”

ธามไทพอจะรู้แพลนการเดินทางไปต่างประเทศของจักรกฤษอยู่บ้าง เพราะธามไทเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น เขาถือหุ้นพี.ดี.ที.อยู่ 40% ธามไทมีธุรกิจหลายอย่างในกำมือ ถ้าจักรกฤษเป็นผู้มีอิทธิพล ธามไทก็เหมือนกันหรือถ้านับกันจริงๆ คนหนุ่มกว่าอย่างธามไทอาจจะมีมากกว่า

“ใช่ ห่วงลูกชุบ เพิ่งจะออกมาพ่อก็จะไม่อยู่อีกแล้ว เดี๋ยวจะคิดมากหาว่าพ่อทิ้งอีก”

“พี่จักรไม่เคยทิ้งลูกชุบนี่ครับ” ธามไทพูดอย่างรู้ดี

“อย่าพูดเลยปูน ไม่มีประโยชน์ สักวันเค้าจะต้องรู้เอง”

“ไม่ต้องห่วงลูกชุบนะครับพี่จักร เดี๋ยวผมจะช่วยดูแลให้เอง”

สามวันที่ผ่านมา ลรันดาได้ปรับความเข้าใจกับพ่อของเธอได้ระดับหนึ่ง ทั้งคู่กินข้าวด้วยกันทั้งสามมื้อ คุณจักรกฤษแสดงให้เห็นว่าตั้งใจจะให้เวลาเธอเต็มที่ และดูเหมือนสายสัมพันธ์ที่ห่างเหินจะดีขึ้นตามลำดับ

“พ่อจะไปดูงานหลายวัน ลูกชุบต้องอยู่กับอาปูนนะลูก”

“ทำไมหนูต้องอยู่กับอาปูนล่ะคะ หนูอยู่คนเดียวได้ค่ะ อยู่มานานแล้วคงไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าที่เจอแล้วมั้งคะ” แต่เธอยังตัดความน้อยใจไม่ขาด

“ลูกชุบ...พ่อรู้ว่าผิด แต่พ่ออยากจะไถ่โทษ พ่ออยากขอโอกาสจากหนู ลูกชุบจะให้พ่อได้มั้ยลูก”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป