บทที่ 1 Intro
Washington D.C.
สหรัฐอเมริกา (USA)
09:44 น.
“ตอนนี้เมียกูทำอะไรอยู่วะ”
[น่าจะอยู่บนห้องครับบอส ตอนนี้ผมอยู่บนต้นไม้ดูความเรียบร้อยรอบ ๆ บ้าน]
“แล้วสถานการณ์วันนี้เป็นไง มีใครมายุ่งกับเมียกูมั้ย”
[บอสไม่ต้องห่วงครับเรื่องนี้ผมจัดการผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้นายหญิง ว่าแต่นายจะกลับเมืองไทยวันไหนครับผมจะได้เตรียมทุกอย่างไว้รอ]
“อีกสองสามวัน กูอยากจะไปวันนี้ด้วยซ้ำถ้าไม่ติดงาน เอาเป็นว่าดูแลเมียกูให้ดี”
[ครับบอส] ...
“ภูพิงค์ ภูสิตา อาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้หนูมาครอบครองทั้งตัวและหัวใจ” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เมื่อเห็นรูปถ่ายนับร้อยที่ลูกน้องถ่ายรายงานความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายให้เขาตลอดเวลาอย่างพอใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงนิ้วที่เคาะลงบนโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด ร่างสูงใหญ่ที่ตามนิ้วเรียวใหญ่เต็มไปด้วยรอยสักและแหวนที่ใคร ๆ ก็ต่างอยากสวมใส่มัน ชายหนุ่มเอนหลังพิงเก้าอี้ พร้อมเปลือกตาที่ค่อย ๆ ปิดลงเมื่อนึกถึงวันที่จะได้อยู่กับเธออันเป็นที่รัก
“แค่เธอ…ภูสิตา เธอคนเดียวเท่านั้น” เขาเผยรอยยิ้มมุมปากออกมาเมื่อนึกถึงวันนั้นที่จะได้เจอกัน
ตึก ตึก ตึก
“บอสครับรถพร้อมแล้ว” ก่อนเสียงฝีเท้าหนักของลูกน้องคนสนิทที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายจะเดินเข้ามา
“.......” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เขาลืมตาขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนคู่นั้น จะแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังหนักแน่นแฝงไปด้วยความเยือกเย็น เมื่อต้องออกไปทำงานชิ้นสำคัญก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อจะได้เจอหน้าเด็กสาวคนรักเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี...
ประเทศไทย
บ้านนับดาว
20.44น.
“แม่จ๋า คือว่า” เด็กสาววัย 18 ทำหน้าอ้อนเดินเข้าไปกอดแม่ถึงในห้องนอน ก่อนร่างบางในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงนอนขาสั่นจะทิ้งตัวลงนอนหนุนตักแม่เหมือนที่เธอเคยทำเป็นประจำ
“จะมาอ้อนเอาอะไรอีก วันก่อนพ่อซื้ออะไรให้ไม่เห็นเอามาให้แม่ดูเลย” ผู้เป็นแม่พูดอย่างรู้ทันลูกสาว
“เปล่าสักหน่อยหนูแค่อยากนอนหนุนตักอุ่น ๆ ของแม่จ๋า” สองแขนเรียวกอดเอวคอดของผู้เป็นแม่แน่น
“ภูพิงค์ ทำไมยังไม่นอน ดึกแล้วลูก แล้วเป็นอะไรถึงได้มาอ้อนแม่แบบนี้” เสียงเข้มของผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นเมียรักนั่งยิ้มมือลูบหัวลูกสาว สายตาเธอมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใย อ่อนโยนอ่อนหวานไม่เคยเปลี่ยน
พรึบ!!
“พ่อจ๋าคะ พ่อจ๋ามาก็ดีแล้ว พ่อจ๋าจัดการขุนศึกให้หนูหน่อย ขุนศึกชอบแกล้งภูพิงค์” เด็กสาวรีบเดินเข้าไปกอด พูดอ้อนพ่อทันที
“ขุนศึก?” ผู้เป็นพ่อจ้องหน้าลูกสาวด้วยความสงสัย พลางปรายตามองไปยังเมียรักที่ได้แต่ส่ายหัว
“ตัวแสบคงจะไปนอนในห้องพี่สาวอีกตามเคย” นับดาวพูดอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะลุกจากเตียงเดินตรงไปยังอีกห้อง
“พ่อจ๋า ขุนศึกไม่น่ารักเลย ชอบเอางูปลอมมาแกล้งหนู วันนี้ก็เอาแมลงสาบ แถมชอบหอมแก้ม ชอบกอดหนูด้วย หนูไม่ชอบเลย” เด็กน้อยในอ้อมกอดพ่อ ได้ทีก็ฟ้องพ่อยกใหญ่ แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติของพี่น้องบ้านนี้ที่ทั้งพ่อและแม่ถึงกับต้องถอนหายใจ เวลารักก็รักกัน เวลาแกล้งก็แกล้งจนพี่ร้องไห้
“พี่ภูผาอีกคนแทนที่จะช่วยหนู กลับเอาแต่ถอนหายใจ เวลาหนูร้องวิ่งไปห้องพี่ภูผานะ พี่ภูผาก็เอาแต่ดุ ภูพิงค์น้องอย่าเสียงดังได้มั้ยพี่อ่านหนังสืออยู่ คนหรือหนอนก็ไม่รู้วัน ๆ เอาแต่อ่านหนังสือ” ภูพิงค์ทำหน้าล้อเลียนพี่ชายที่ชอบทำหน้าดุใส่
“เห้อ...แต่ละคนไว้พ่อจ๋าจะจัดการให้ ว่าแต่เป็นไง ตกลงจะเข้าเรียนที่ไหนแต่ถ้าจะไปต่อต่างประเทศเหมือนพี่ญี่ปุ่นพ่อไม่อนุญาต” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นจ้องหน้าลูกสาวสุดที่รัก
“พ่อจ๋าก็แบบนี้ตลอดแหละ ภูพิงค์ไม่ไปหรอก ไปไกลขนาดนั้นเวลาโดนแกล้งใครจะช่วย อยู่ที่นี่สบายจะตาย มีพ่อจ๋า แม่จ๋า พี่ภูผา แล้วก็ขุนศึกถึงจะชอบแกล้งแต่เวลามีเรื่อง ขุนศึกช่วยหนูตลอดเลย”
ภูพิงค์ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตจะมีพี่ชายและน้องชายคอยปกป้อง ถ้าต้องไปอยู่ต่างที่ แล้วใครล่ะจะมาปกป้องเธอได้ แค่คิดว่าต้องห่างจากครอบครัว ใบหน้าหวานก็เบ้ปากจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“แต่ช่วงนี้หนูรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีคนตามอยู่ตลอดเลยค่ะ พ่อจ๋าภูพิงค์กลัว” เด็กสาวสวมกอดพ่ออีกครั้ง และมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเองแน่นอน และยิ่งช่วงนี้เพื่อน ๆ ผู้ชายในห้องพอเห็นหน้าก็พากันวิ่งหนี ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคุยเล่นกันอยู่
“มีคนตาม?” สไนเปอร์จ้องหน้าลูกทวนคำถาม และทำให้นึกถึงใครบางคน
'อย่าบอกนะว่าเป็นมึง' แต่เขาก็ได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าเอ่ยอะไรกับลูกสาวเพราะกลัวเธอจะตกใจ
“แล้ววันนี้ที่หน้าโรงเรียน มีคนแอบถ่ายรูปหนูด้วย พ่อจ๋าภูพิงค์กลัว เขาจะมาทำอะไรภูพิงค์รึเปล่าคะ” เด็กสาวทำหน้ากังวล เมื่อนึกถึงตอนที่เดินออกมาจะขึ้นรถแล้วสายตาคู่สวยเหลือบไปเห็นชายชุดดำตัวโตสองคน กำลังถ่ายภาพเธออยู่
“ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพ่อให้ลุงเทวาไปรอรับหนูทุกวันเลยดีมั้ย กลับกับโมจิ พี่ภูผา ขุนศึก ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย พ่อว่าเรากลับห้องกันดีกว่า ไปดูสิว่าขุนศึกโดนแม่จ๋าตีก้นรึยัง” เขาพูดปลอบลูกสาวแต่ในใจกลับคิดกังวลอยู่ไม่น้อย กลัวว่าน้องชายตัวแสบจะกลับมา...แล้วทำตามที่พูดไว้
“ก็ได้” พอได้ยินพ่อพูดแบบนั้นเด็กสาวมีรอยยิ้มบนใบหน้าขึ้นมาทันที แค่คิดว่าน้องโดนดุก็สะใจแล้ว แต่ถ้าโดนตีด้วยคงจะดีกว่านี้ไม่น้อย...
“แม่!! ศึกเปล่าแกล้งนะ ภูพิงค์โกหก!!”
“เราไม่ต้องมาพูดเลยตัวแสบ หลักฐานเต็มตายังจะมาแก้ตัวอีก ไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน!” นับดาวถึงกับต้องถอนหายใจ เมื่อเดินเข้าห้องนอนลูกสาวทั้งงูปลอม จิ้งจก ตุ๊กแก ตะขาบ แมลงสาบ วางเกลื่อนเต็มพื้นห้อง ไหนจะบนที่นอนอีก
“จากพ่อไงแม่ พ่อเลย” ขุนศึกทำหน้าทะเล้นวิ่งเข้าไปหาพ่อกับพี่สาวทันทีที่เห็นทั้งสองเดินเข้ามา
“ขุนศึกมาเก็บให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้!” นับดาวพูดเอ็ดลูกชาย ที่วิ่งหาตัวช่วย
“แม่ศึกเมื่อยแล้ว ไว้พรุ่งนี้ศึกมาเก็บให้” แต่แทนที่ลูกชายตัวแสบจะฟังกลับทำหน้าทะเล้นใส่ ทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับต้องถอนหายใจมองหน้าลูกชายอย่างเอือมระอา
“ส่วนนี่ ของตัวเองเค้าให้”
ฟิว~~~
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด” ภูพิงค์กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อน้องชายตัวแสบ โยนตุ๊กแกปลอมใส่หน้า ก่อนจะวิ่งกลับไปยังห้องนอนตัวเอง
“ฮื่อ ไอ้ขุนศึกบ้า!!” เด็กสาวร้องไห้ โผเข้ากอดแม่ด้วยความตกใจ
“เห้อ...” ส่วนคนเป็นพ่อก็ได้แต่ถอนหายใจ ก้มหน้าก้มตาเก็บของที่วางเกลื่อนห้อง
ตึบ ตึบ ตึบ
“พ่อครับ!! แม่ครับ!! ช่วยศึกด้วยพี่ภูผาจะฆ่าศึก!!!!!”
“......” แต่ไม่ทันจะได้เก็บห้องเสร็จ ขุนศึกก็วิ่งหน้าตื่น ตะโกนลั่นบ้านวิ่งเข้ามาในห้องด้วยความเร็ว
“แม่ครับช่วยศึกด้วย พี่ภูผาจะฆ่าศึก! ศึกกลัว” ขุนศึกวิ่งไปหลบหลังแม่ ปากบอกกลัวแต่หน้ากลับยียวนกวนประสาทพี่ชาย ที่เดินถืออะไรบางอย่างเข้ามาในห้อง ด้วยสีหน้าท่าทางที่เอาเรื่อง
พรึบ!
“พี่ภูผา มาตีเลยหนูจับให้!” ภูพิงค์เมื่อได้โอกาสจับตัวน้องชายไว้ร้องเรียกให้พี่ชายที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาอย่างใจเย็น ก่อนที่ภูผาจะฟาดฝ่ามือลงที่ก้นน้องชายอย่างแรง
“อ๊ากกกกก พี่ภูผาเจ็บนะ ตีศึกทำไม!!!” ขุนศึกแหกปากร้องลั่น
“.......” ภูผาไม่พูดอะไรฟาดฝ่ามือลงที่ก้นน้องชายอีกครั้ง เพราะไอ้ตัวแสบวิ่งพุ่งเข้าหาจนทำให้งานที่กำลังทำพังแตกเสียหาย
“สมน้ำหน้า” ภูพิงค์เอ่ยขึ้น ยิ้มเยาะน้องชายที่ร้องโอดโอย ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย
“สมน้ำหน้าเหรอพี่เหรอ...น้อง? เจอพี่จูบหน่อยเป็นไง” ขุนศึกยิ้มร้ายดีดตัวลุกขึ้นจ้องหน้าพี่สาวพร้อมทำท่าจะจูบ
“พี่ภูผาช่วยหนูด้วย อี๋!!ขุนศึกหยุดนะ หยุดเลย!!” ภูพิงค์รีบวิ่งไปหลบหลังพี่ชายทันที
“มามะ มาให้พี่จูบซะดี ๆ ” ขุนศึกที่เห็นพี่สาวกลัวก็ยิ่งได้ใจ เดินตรงเข้าไปใกล้ พร้อมสีหน้าท่าทางที่ยียวนกวนประสาท
“พี่ภูผา ช่วยหนูด้วย คืนนี้หนูขอนอนกับพี่นะ นะคะพี่ภูผา ฮื่อ ไอ้ขุนศึก ไอ้บ้า!!”
“กรี๊ดดดดดดด ไอ้บ้า หยุดนะ” ภูพิงค์วิ่งหนีน้องชายสุดแสบ ส่วนภูผาก็ได้แต่ถอนหายใจยกมือขึ้นปิดหู เมื่อเสียงแหลมแสบแก้วหูกรีดร้องออกมา พร้อมกับคนตัวเล็กที่วิ่งหอบมาหลบอยู่ด้านหลังพี่ชาย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ขุนศึกหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งพี่ ๆ
“พอเลยเหนื่อยแล้ว พี่ภูผาคืนนี้หนูขอนอนด้วยนะ ไอ้ขุนศึกบ้า!!!” ภูพิงค์ทำหน้าอ้อนพี่ชาย แล้วหันไปแยกเขี้ยวใส่น้องชายตัวแสบ
“ปากดีแบบนี้จูบสักที ดีมั้ย” ขุนศึกทำหน้าจริงจังเดินเข้าไปใกล้พี่สาว
“ฮื่อ พี่ภูผาช่วยหนูด้วย”
“เห้อ...ดาวเข้าห้องก่อนแล้วกัน ดูลูกด้วย” ทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับต้องถอนหายใจอีกครั้ง ก็ลูก ๆ เล่นกันแบบนี้แทบทุกวันจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“หึ...ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ เราไปหาอะไรทำดีกว่า...” สไนเปอร์มองลูก ๆ ทั้งสามเล่นกัน ก่อนจะเดินโอบเอวเมียรักกลับเข้าห้องนอน..
