บทที่ 6 6
“อย่าทำเป็นไม่เข้าใจ อย่าทำเป็นไร้เดียงสาดีกว่าอณัศยา ในเมื่อเรื่องนี้คุณกับแม่ของคุณรู้ดี!”
เสียงนั้นเข้มเหมือนนัยน์ตาสีสนิทเหล็กลุ่มลึกที่เปลี่ยนเป็นขุ่นข้น อณัศยาเจ็บแปลบที่หัวไหล่เมื่อชายหนุ่มบีบมันไว้ด้วยมือหนาหนัก
“คุณทศ...ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณพูดมานะ อย่ามาปรักปรำฉันแบบนี้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ฟังไว้...วันนี้ผมไปที่บริษัทพร้อมแม่คุณเพื่อฟังการเปิดพินัยกรรมทั้งหมดของคุณพ่อจากทนายพิธาน ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพีรพัชรสกุลตกเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว”
“ก็ดีแล้วนี่คะ...คุณไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ หลังจากนี้ฉันกับแม่จะออกจากบ้านของคุณลุงธนาดลโดยไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น”
“นี่คุณอยากไปจากบ้านหลังนั้นจริง ๆ หรือแกล้งพูดให้ตัวเองดูน่าสงสารกันแน่ อณัศยา...และไม่ใช่ว่าคุณขอร้องให้แม่ของคุณมาขอร้องให้ผมช่วยหรอกหรือ”
“ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“ถ้าอย่างนั้นก็ฟังไว้!”
เสียงของทศรัสมิ์เข้มขึ้นและมันทำให้หญิงสาวชะงักกึก เขาเบียดตัวเข้าหาและโน้มใบหน้าลงไปจนชิดโดยไม่สนใจสายตาของคนในร้านว่าจะมองมาอย่างไร
“พอแม่ของคุณรู้ว่าตัวเองไม่ได้ทรัพย์สมบัติอะไรสักอย่างก็วิ่งแร่มาขอความช่วยเหลือจากผม ซึ่งข้อตกลงระหว่างผมกับแม่ของคุณน่ะไม่ได้อยู่ในการรับรู้ของทนายประจำตระกูลหรอกนะ แม่ของคุณอยากให้ผมช่วยเหลือ ให้ได้ส่วนแบ่งจากมรดกของพ่อโดยไม่เกี่ยงงอนว่าผมจะให้มากน้อยสักแค่ไหน ผมยอมรับข้อเสนอของแม่คุณ แต่ต้องแลกกับการที่...”
เขาละคำพูดไว้ขณะจ้องดวงหน้างามที่เต็มไปด้วยความหวั่นกลัว รอยยิ้มของทศรัสมิ์นั้นน่าหวาดหวั่นและแฝงไว้ด้วยความอำมหิต เขาทำให้อณัศยาเกิดความกระหายใคร่รู้จนต้องถามว่า
“อะไร...คุณทศจะแลกเปลี่ยนอะไรกับแม่”
“แลกกับการที่คุณต้องเป็นเมียของผม...โดยจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย!”
บทที่ 3 กรงขังใจ
อณัศยาไม่รู้ว่าเธอหูฝาดหรือตกอยู่ในความฝัน ถ้าหากเป็นความฝันมันก็คงเป็นฝันร้ายที่สุดเพราะแท้จริงทศรัสมิ์ไม่ได้หลงเหลือความรักที่มีต่อเธอ หญิงสาวชาไปหมดทั้งตัว สักครู่ก็รู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าเพราะยิ่งขัดขืนร่างสูงใหญ่ก็ยิ่งเบียดเนื้อตัวเข้าหา
“คุณทศ...ปล่อยค่ะ! ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ คุณจะมาทำกับฉันในสถานที่แบบนี้ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้...เดี๋ยวผมก็จะพาคุณไปจดทะเบียนสมรสด้วยกันที่อำเภอ”
“แต่ฉันยังไม่ได้คุยกับแม่เรื่องนี้นะคะ มันเป็นเรื่องใหญ่มาก แม่ไม่เห็นบอกอะไรฉันเลย หรือว่าคุณบังคับแม่ของฉันให้ท่านต้องรับข้อเสนอของคุณ”
“มันเป็นข้อเสนอของแม่คุณต่างหาก!”
ทศรัสมิ์เสียงเข้ม แล้วหญิงสาวก็หยุดขยับตัวเพราะยิ่งขยับเขาก็ยิ่งบีบไหล่ของเธอแรงขึ้น รอยยิ้มหยันเหยียดขึ้นบนริมฝีปากหยักหนา
“แม่คุณไม่ได้บอกให้ผมแต่งงานกับคุณหรอกอณัศยา เพียงแต่บอกว่าให้ผมช่วยเหลือ ผมก็แค่เสนอสิ่งนี้กลับไป แม่ของคุณดีใจจนเนื้อเต้นและตอบรับข้อตกลงในทันที”
“แต่ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรกับคุณ...คุณน่าจะถามฉันสักคำว่าเต็มใจหรือเปล่า”
“ไม่จำเป็น!...สิ่งที่คุณทำได้ตอนนี้คือไม่สามารถต่อรองกับผมได้ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งนั้น คุณต้องทำตามความต้องการของผม ของผมคนเดียวเท่านั้น”
“มันไม่ใช่การแต่งงานหรอกค่ะคุณทศ ฉันรู้ว่าคุณมีแผนที่จะแก้แค้นฉันกับแม่ ฉันไม่จดทะเบียนสมรสกับคุณเด็ดขาด!”
“อยากให้แม่คุณลำบากก็ตามใจ”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้ร่างแน่งน้อยที่สะบัดไหล่หลุดจากแขนแกร่งและกำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ต้องชะงักแทบจะในทันที อณัศยาจ้องใบหน้าคร้ามเข้มที่เต็มไปด้วยความสะใจ ทศรัสมิ์ทำเหมือนกำลังถือไพ่เหนือกว่าเธอ
“คุณจะปฏิเสธข้อเสนอของผมก็ได้ แต่แม่ของคุณจะต้องพบกับปัญหาที่แก้ไม่ตกอย่างแน่นอน”
“นี่คุณทศพูดเรื่องอะไร”
อณัศยาเสียงอ่อนลง ร่างบางค่อย ๆ นั่งกลับลงบนเก้าอี้เหมือนเดิม เขายักไหล่ขณะพาดแขนทั้งสองบนพนักพิง ยิ้มหยันใส่เธอก่อนพูด
“ถ้าตอนนี้คุณคิดว่าอยู่ในสถานะที่จะทำอะไรก็ได้คุณกำลังคิดผิด อณัศยา...รู้ไว้ด้วยว่าแม่ของคุณเป็นหนี้ในบ่อนการพนันเกือบห้าสิบล้านบาท อย่าบอกว่าคุณไม่เคยรู้เรื่องที่แม่ตัวเองติดการพนันจนเป็นหนี้สินมากขนาดนี้ ถ้าไม่มีเงินไปคืนเจ้าของบ่อนภายในเวลาที่กำหนดคุณอาจไม่ได้เห็นหน้าแม่ของคุณตลอดชีวิต”
“ไม่จริงใช่ไหมคะ...คุณทศ...คุณแกล้งพูดให้ฉันรับข้อเสนอของคุณอย่างนั้นใช่ไหมคะ”
เสียงนั้นเริ่มสั่น อณัศยาร้อนรุ่มและรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกหนักอึ้งในทันใด เรื่องที่ลีลาเล่นการพนันนั้นเธอก็รู้มาก่อนแต่ไม่คิดว่าแม่ของเธอจะติดงอมแงมจนเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวขนาดนี้ หากตอนนี้ธนาดลยังอยู่อาจช่วยแก้ปัญหาให้ได้ ทุกอย่างดูเหมือนจะสายไปเพราะตอนนี้เธอกับแม่ไม่มีใครคอยช่วยเหลืออีกแล้ว
“คุณรู้ว่าแม่ของคุณติดการพนัน...ถึงวันนี้คุณไม่เป็นเมียผมสักวันหนึ่งก็คงต้องไปเป็นเมียน้อยเศรษฐีเพื่อเอาเงินมาใช้คืนให้แม่ของคุณอยู่ดี!”
ทศรัสมิ์เค้นเสียงลอดไรฟัน อณัศยาไม่รู้ความคิดที่แท้จริงของเขา เขาเกลียดเธอจนล้นพ้นอกแต่กลับหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้มารดาโดยมีตัวเธอเป็นเดิมพัน เขากำลังเล่นเกมอะไรอยู่ แต่ที่รู้ตอนนี้คือเธอกำลังถูกตีกรอบและแทบไม่มีทางดิ้นหนี ชายหนุ่มยิ้มหยันขณะดึงข้อมือบางไปกุมไว้
“ผมรู้ว่าคุณเองก็คงไม่อยากลำบากหรอก...ไม่ได้รู้สึกดีหรือที่ตอนนี้คุณมีค่าตัวตั้งห้าสิบล้านบาท”
“แต่นั่นมันเป็นหนี้ของแม่...ถ้ามันเป็นเรื่องจริง”
