บทที่ 9 9

อณัศยาเสียงแหบแห้ง ความเจ็บปวดจากคำหยามเหยียดเหมือนยาพิษที่แล่นไปทั่วร่าง นัยน์ตาของทศรัสมิ์อัดแน่นด้วยความแค้นเคียดซึ่งแม้แต่ลมหายใจของเขาเธอก็ยังรู้สึกถึงความรุ่มร้อนราวกับเพลิงเผาที่กำลังจะผลาญตัวเธอ น้ำหยดหนึ่งถั่งจากดวงตาของหญิงสาวหากก็ไม่ช่วยให้ความแข็งกร้าวและกักขฬะของเขาลดน้อยลง

“คุณเป็นของผม...อณัศยา...อิสรภาพของคุณหมดสิ้นลงแล้วตั้งแต่ตอนที่คุณเซ็นชื่อลงในใบทะเบียนสมรส มันจะผูกพันตัวคุณไว้กับผมตลอดชีวิตและอย่าได้คิดที่จะให้ใครหรือผู้ชายคนไหนมาช่วย”

“คุณทศ...ทำไมคุณถึงได้ใจร้ายกับแยมอย่างนี้ ถ้าคุณเกลียดแยมกับแม่ทำไมไม่ปล่อยพวกเราไป บางทีชีวิตของคุณอาจจะมีความสุขมากกว่านี้”

“ผมไม่ได้บังคับพวกคุณ!” ทศรัสมิ์ขบกรามแน่น “แม่ของคุณต่างหากที่อยากจะให้ผมช่วย และนี่ไง ผมช่วยพวกคุณแล้ว คุณไม่พอใจอย่างนั้นหรือ”

หญิงสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตา “ด้วยการกักขังพวกเราไว้ทรมานอย่างนั้นใช่มั้ยคะ”

“ไม่ชอบหรือไง อณัศยา...กับการได้เป็นเมียมหาเศรษฐีหมื่นล้าน มันเป็นความต้องการของคุณอยู่แล้ว...ผมรู้ หึ! คุณก็ไม่ต่างอะไรกับแม่คุณ”

ชายหนุ่มดันร่างหญิงสาวจนหลังชนบานประตู ร่างสูงใหญ่เบียดเข้าหาและโน้มใบหน้าลงไปใกล้ เขาหายใจหนักรดใบหน้าของเธอ อณัศยาหลับตาลงแต่แล้วก็ต้องลืมตามองใบหน้าคร้ามเข้มอีกหนเพราะคางเรียวถูกมือหนาหนักบีบแน่นจะกลีบปากอิ่มเผยอออก เขาจ้องเธอนิ่งก่อนพูดเสียงลอดไรฟัน

“แม่เป็นยังไงลูกก็ต้องเป็นอย่างนั้น นิสัยผู้หญิงชั้นต่ำเป็นยังคุณก็เป็นอย่างนั้น!”

อณัศยาไม่ทันได้ร้องออกมาก็ถูกทศรัสมิ์กดริมฝีปากของเขาครอบครองกลีบปากอิ่มไว้แน่น เขาบดบี้ด้วยอารมณ์รุนแรง จ้วงลิ้นหนาเข้าไปและรุกรานปากเล็กจนหญิงสาวถึงกับสั่นเหมือนจับไข้ จะปิดปากก็ไม่ได้เพราะเขาบีบคางของเธอไว้แน่น ร่างเล็กแทบสำลักลมหายใจจนเขาถอนริมฝีปากและผลักเธอออกจากอกกว้างอย่างไร้เยื่อใยอีกครั้ง

“อย่าคิดว่าผมยังพิศวาสในตัวคุณ! ระหว่างผมกับคุณมันก็แค่ทะเบียนสมรสใบเดียวเท่านั้น ระหว่างเราไม่มีความผูกพันอะไรกัน อย่าแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและยุ่งย่ามกับเรื่องส่วนตัวของผมโดยเด็ดขาด!”

อณัศยาขยับตัวออกจากตรงนั้นเมื่อเห็นว่าทศรัสมิ์กำลังจะออกไปจากห้อง แต่ก่อนที่เขาจะผลักบานประตูออกไปก็หันกลับมายังร่างบอบบางที่ยืนก้มหน้าอีกครั้ง

“อ้อ...ไอ้งานที่รุ่นพี่ของคุณหาให้น่ะโทรไปบอกยกเลิกซะ คุณต้องไปช่วยงานผมที่บริษัท พรุ่งนี้จะให้คนขับรถมารับ ส่วนคืนนี้...ผมจะกลับไปนอนที่คอนโด”

สิ้นเสียงดุดันเสียงปิดประตูดังปังก็ตามมา ตอนนั้นเองที่อณัศยาถึงกับปล่อยสะอื้น หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งหลังพิงผนังและคุกเข่าร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว ความผูกพันที่เธอและเขาเคยมีต่อกัน หากแต่ความรักต่างหากที่ยังฝังลึกอยู่ที่ใต้บึ้งของเธอ

บทที่ 4 ความฝันอันเดียวดาย

ลีลากลับมาถึงบ้านตอนค่ำก็ต้องแปลกใจที่ยังเห็นอณัศยานั่งอยู่เพียงลำพังในห้องรับแขก สาวใหญ่ในชุดผ้าไหมสีดำเดินเข้าไปหาบุตรสาวขณะวางกระเป๋าลงบนโต๊ะรับแขกและหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่พลางหันไปมองรอบ ๆ บ้าน

“อ้าว...แยม...ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว แล้วทศรัสมิ์ไปไหนแล้วล่ะ เขาไปงานศพของคุณธนาดลอย่างนั้นหรือ แต่นี่แม่ก็พึ่งกลับมาจากฟังสวดอภิธรรมก็ไม่เห็นเขาอยู่ที่นั่นนะ”

“คืนนี้คุณทศไม่ได้นอนที่นี่ค่ะ เขาคงกลับคอนโดของเขาไปแล้ว”

“ว่ายังไงนะ!” ลีลาชักสีหน้าประหลาดใจ “อะไรกัน...นี่เขาจดทะเบียนสมรสกับลูกแล้วนะ แล้วทำไมเขาไม่นอนที่นี่ล่ะ”

“คุณแม่คะ...จริง ๆ แล้วแยมก็เห็นว่ามันถูกต้องแล้วล่ะค่ะ”

“ทำไมหนูพูดอย่างนั้นล่ะ คนแต่งงานกันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ นี่อะไร ปล่อยเมียให้อยู่บ้านคนเดียว”

อณัศยามองสีหน้าของผู้เป็นแม่ที่แสดงความไม่พอใจออกมา หญิงสาวประสานมือไว้บนตักกับความรู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก

“แม่คะ...งานศพของคุณลุงยังไม่ทันจะเรียบร้อยแล้วคุณแม่คิดว่าคุณทศจะมีแก่ใจคิดเรื่องแต่งงานหรือคะ ตอนนี้เขาอาจจะกำลังคิดเรื่องพ่อของเขาอยู่จนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเลยก็ได้”

“แต่เขาแต่งงานกับหนูแล้ว!” ลีลายังดื้อแพ่งและพยายามโต้แย้งด้วยความรู้สึกว่าอยากรวบรัดทุกอย่างให้เสร็จสิ้น “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเผาศพคุณธนาดล นี่แม่ก็ไปดูฤกษ์ยามมาให้หนูกับเขาเรียบร้อยแล้ว ฤกษ์แต่งก็คือกลางเดือนหน้า”

“แม่คะ...ทำไมแม่ไม่รอให้งานศพของคุณลุงธนาดลเรียบร้อยเสียก่อนล่ะคะ ทำแบบนี้ก็เท่ากับแม่ไปเร่งรัดคุณทศ แล้วคนอื่นเขาจะคิดยังไงคะแม่”

“แม่คุยกับทั้งทศรัสมิ์และทนายพิธานแล้วว่าจะออกทุกข์วันสิ้นสุดการจัดงานบำเพ็ญกุศล หลังจากนั้นแม่จะเตรียมจัดงานแต่งของหนูกับทศรัสมิ์ในโรงแรมหรูกลางกรุง นี่แม่ติดต่อบริษัทเวดดิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยเพื่องานแต่งของหนูโดยเฉพาะเลยนะจ๊ะ...โอเค...คุยกันเข้าใจแล้วนะ หลังเสร็จสิ้นงานศพของคุณธนาดลหนูก็เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวแสนสวยไว้ได้เลย อยากได้ชุดแต่งงานของดีไซเนอร์ชาวไทยหรือต่างประเทศก็บอกแม่นะ เพราะมันจะต้องเป็นงานแต่งที่เลิศหรูอลังการที่สุดเลยล่ะจ้ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป