บทที่ 10 บทที่ 3 (อดีต)เพลย์บอย - 25%
ทันทีที่ชินดนัยก้าวเข้าไปในฮอลล์ขนาดใหญ่ เสียงเพลงสากลจังหวะเร้าใจก็ดังกระหึ่ม เบื้องหน้าของเขาเป็นโต๊ะกลมวางตั้งเรียงรายแต่ไม่ชิดติดกันเกินไปเหมือนผับบางที่ โดยแต่ละโต๊ะมีผู้นั่งจับจองอยู่ก่อนแล้ว ถัดไปเป็นเวทีขนาดใหญ่ มีสาวสวยระดับนางแบบหลายสิบชีวิตนุ่งน้อยห่มน้อยเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงอย่างมีชั้นเชิง
ชายหนุ่มละสายตามาจากหน้าเวทีแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองอย่างคุ้นเคย เพราะบริเวณชั้นสองกั้นเป็นห้องวีไอพีที่แยกกันเป็นสัดส่วน สามารถมองเห็นโชว์จากหน้าเวทีได้โดยไม่ต้องมีใครมาบดบังทัศนียภาพ ทั้งยังมีกระต่ายสาวแสนเซ็กซี่มาคอยบริการเครื่องดื่มให้อีกด้วย
เขาเดินตรงไปยังห้องที่เพื่อนสนิททั้งสองคนนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อไปถึงก็เห็นบันนี่เกิร์ลแสนสวยสี่นางนั่งประกบเพื่อนเขาฝั่งละคน เขาจึงหย่อนตัวนั่งบนโซฟาที่ว่างอยู่อีกตัว
"โถ...เพื่อนกู กว่าจะเสด็จมาได้ เหล้าพร่องไปครึ่งขวดแล้วเนี่ย" ภาวิน นักบินหนุ่มรูปหล่อแซะเพื่อนทันทีที่เห็นอีกฝ่าย
"ถ้ามึงไม่ขู่ว่าจะตัดเพื่อนมันก็คงไม่มาหรอก เดี๋ยวนี้มันเป็นคนดีแล้วมึงยังไม่ชินอีกหรือวะ ตั้งแต่กลับจากเมืองนอกมานี่ ถ้าไม่ติดว่ามันยังจำเพื่อนฝูงได้กูคงนึกว่าเป็นไอ้ชินตัวปลอม" ปกเกล้า นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของร้านขายอุปกรณ์แต่งรถซูเปอร์คาร์พูดขึ้นบ้าง ก่อนจะหันไปบอกสาวสวยข้างกายให้เรียกบันนี่เกิร์ลมาเพิ่มอีกสองคนสำหรับชินดนัย
“เฮ้ย! เอามาทำไมเยอะแยะ เรียกมาคนเดียวก็พอ หรือไม่ต้องเรียกมาก็ได้” ชินดนัยบอกปกเกล้าเมื่อได้ยินอีกฝ่ายให้กระต่ายสาวเรียกเพื่อนมาอีกสองคน
ภาวินหัวเราะแบบไม่มีเสียงพลางหันไปพยักหน้ากับปกเกล้าเป็นเชิงบอกว่า ‘กูว่าแล้ว’
“มึงจะบวชรึไงวะไอ้ชิน ก่อนไปนอกก็บวชแล้วนี่หว่า ปกติเรื่องสาวสวยมึงไม่เคยปฏิเสธเลยนี่” ภาวินพูดพลางยกแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบสองสาวทั้งซ้ายและขวา
“นั่นสิ ตั้งแต่กลับมาเมืองไทยมึงแทบหายหน้าหายตาไปจากกลุ่มเลยนะ ช่วงสองสามเดือนแรกพวกกูก็เข้าใจว่ามึงยุ่งอยู่กับการรับช่วงดูแลบริษัทต่อจากพ่อ แต่นี่ปาเข้าไปหนึ่งปีแล้วนะเว้ย ในหนึ่งปีที่มึงกลับมา นี่เป็นครั้งที่หกที่มึงมากินเหล้ากับพวกกูตามนัด เฉลี่ยสองเดือนครั้ง ทั้งที่เมื่อก่อนแทบทุกอาทิตย์” พูดจบปกเกล้าก็ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
“ไม่ได้เป็นอะไร กูก็แค่เบื่อ ๆ เท่านั้นเอง” ชินดนัยตอบพลางเอื้อมหยิบแก้วสุราที่บันนี่สาวชงไว้ให้ขึ้นมาดื่มไปอึกหนึ่ง ไม่มีท่าทีสนใจกระต่ายสาวเซ็กซี่ในชุดบอดี้สูทรัดรูปสีดำที่เว้าตรงโคนขาขึ้นสูงจนดูเหมือนชุดว่ายน้ำ แม้แต่เรียวขาขาวได้รูปของเจ้าหล่อน เขาก็แค่มองผ่าน ๆ ไม่ได้มองด้วยสายตาวาววามเหมือนเมื่อก่อน
“จะเบื่ออะไรนักหนาวะเพื่อน กูอุตส่าห์ชวนมาคลุกวงในกับสาว ๆ ที่นี่ มึงรู้ไหมว่ากูเสียค่าสมาชิกปีละห้าหมื่นเชียวนะเว้ย เพราะฉะนั้นพวกมึงต้องมากับกูบ่อย ๆ อย่าให้กูเสียเงินฟรี” ปกเกล้าชี้หน้าเพื่อนทั้งสองคนอย่างหมายมาด ขณะที่ชินดนัยส่ายหน้าให้พร้อมกับแค่นยิ้ม
“แค่ห้าหมื่นมาทำเสียดาย ทีคราวก่อนมึงเลี้ยงดริงก์สาว ๆ หมดเป็นแสนในคืนเดียวไม่เห็นบ่น”
ปกเกล้ายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเบนสายตามองไปที่หน้าเวทีครู่หนึ่งแล้วหันมาคุยกับเพื่อนต่อ
“คืนนี้พวกมึงจะไปต่อกันรึเปล่า” ปกเกล้าพูดพลางบุ้ยหน้าไปทางสาวข้างกาย ซึ่งชินดนัยกับภาวินนั้นเข้าใจดีว่าหมายถึงอะไร ภาวินนั้นยิ้มพราย แววตาระยิบระยับ ถามเพื่อนกลับอย่างสนใจ
“คุยแล้วหรือวะ น้องเขาโอเคหรือ”
คนถูกถามยกแขนขึ้นโอบไหล่กระต่ายสาวข้างตัวทั้งสองคนแล้วหันไปถามเจ้าหล่อน
“น้องแอมมี่กับน้องกระแตตอบพี่เขาให้ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะว่าโอเครึเปล่า”
สองสาวพยักหน้าแล้วพากันหัวเราะคิกคัก ขณะที่ปกเกล้านั้นมองไปทางชินดนัยแล้วยักคิ้วให้ทีหนึ่งอย่างท้าทาย
“แล้วมึงล่ะไอ้ชินเอาด้วยรึเปล่า กล้ารึเปล่ามึงน่ะ เกิดเป็นเสือก็ต้องอยู่อย่างเสือสิวะ จะมาสิ้นลายตอนนี้ได้ยังไง เสียชื่อเพลย์บอยนักรักหมด”
คนถูกท้าทายแค่นหัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ สายตามองเลยไปที่หน้าเวทีเมื่อเริ่มมีการแสดงดนตรีสดจากนักร้องชื่อดัง ส่วนเพื่อนทั้งสองคนนั้นได้แต่หันมองหน้ากัน สุดท้ายก็เป็นภาวินที่ลุกขึ้นยืนแล้วโบกมือบอกหญิงสาวที่นั่งประกบชินดนัยให้ถอยออกไป จากนั้นก็นั่งลงแทนที่แล้วยื่นหน้าไปกระซิบเบา ๆ ข้างหูเพื่อน
“กูถามจริง ๆ เหอะวะไอ้ชิน ที่มึงเลี่ยงไม่ไปสนุกกับสาว ๆ เลยตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกนี่เป็นเพราะน้องชายมึงไม่แข็งใช่ไหมวะเพื่อน เฮ้ย เรื่องแบบนี้มันต้องปรึกษาหมอนะเว้ย ปล่อยไว้ไม่ได้”
“ส้นตีนเหอะไอ้วิน มึงคิดได้ไงวะเนี่ย ไม่ใช่เว้ย!” ชินดนัยทั้งขำทั้งฉุนที่ถูกเพื่อนกล่าวหาว่าเป็นเพราะอาวุธประจำตัวของเขาอ่อนปวกเปียกเป็นมะเขือเผาจึงไม่ยอมลากสาวขึ้นเตียงอย่างที่เคยทำทุกครั้งเวลามาท่องราตรี
จะว่าไปแล้ว การที่เพื่อนทั้งสองคนจะสงสัยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้าที่เขาจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เขากับเพื่อนกลุ่มนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักล่าสาว ๆ เลยก็ว่าได้ พวกเขาท่องราตรีกันทุกอาทิตย์ และทุกครั้งก็จะหิ้วสาวมาเล่นสนุกตลอด บางวันแค่ไปกินข้าวหรือเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า เขาก็ได้เบอร์โทรศัพท์ของนิสิตสาวต่างสถาบันมาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากนัดเจอกันเพื่อกินข้าวดูหนัง ตอนท้ายก็ต้องไปจบที่เตียงทุกรายไป
วิถีเพลย์บอยของพวกเขาเป็นอย่างนี้เสมอ แม้กระทั่งตอนที่เขาไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ เขาก็ยังทำตัวแบบนั้นอยู่ ยิ่งอยู่ต่างบ้านต่างเมือง พบเจอหญิงสาวหลากหลายเชื้อชาติเขาก็ยิ่งสนุกสนานกับการวิจัยเรือนร่างของพวกหล่อนว่าสาวชาติไหนลีลาจะเร้าใจที่สุด
แต่นานวันเข้าเขาก็เริ่มเบื่อกับชีวิตประจำวันที่ทำอยู่ ในแต่ละวันของเขามีแค่ตอนเช้าไปเรียน ตกค่ำมีปาร์ตี้ และจบลงด้วยเซ็กซ์กับหญิงสาวมากหน้าหลายตาซึ่งบางคนเขาไม่รู้ชื่อหล่อนด้วยซ้ำ เป็นอย่างนี้แทบทุกวันจนเขาเริ่มถามตัวเองว่าทำไปเพื่ออะไร เขาจะทำตัวล่องลอยไร้หลักแหล่งแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนทั้งที่เรียนจบปริญญาโทตามเป้าหมายแล้วแท้ ๆ เขาพอใจแล้วหรือยังกับจำนวนหญิงสาวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
