บทที่ 11 บทที่ 3 (อดีต)เพลย์บอย - 50%

และคำตอบที่เขามีให้ตัวเองก็คือ...เขาพอใจแล้ว และเขาควรจะหยุดได้แล้ว

สี่ปีเต็มกับการทำตัวเหลวแหลกทำให้เขารู้สึกเต็มกลืนกับวิถีเพลย์บอย ดังนั้นเขาจึงเลิกทุกอย่างแบบหักดิบ แล้วตั้งหน้าตั้งตาฝึกงานเพื่อหาประสบการณ์ชีวิตอีกสองปีก่อนจะบินกลับเมืองไทยมารับช่วงดูแลบริษัทต่อจากบิดา

“ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมมึงไม่เอาเลยวะ” ภาวินยังคงถามต่ออย่างสงสัย

“กูก็บอกไม่ถูกว่ะไอ้วิน พูดไปมึงก็คงไม่เข้าใจหรอก แต่กูเชื่อว่าสักวันเมื่อถึงเวลามึงจะเข้าใจเองนั่นแหละ”

ชินดนัยตบบ่าเพื่อน ขณะที่ภาวินได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนจะลุกกลับไปนั่งที่เดิม ปล่อยให้เพื่อนผู้ปลงแล้วนั่งละเลียดสุราชั้นดีเคล้าเสียงดนตรีโดยไร้สาวสวยเนื้อนุ่มมาคลอเคลียข้างกายต่อไป

หลังจากที่จอดรถเข้าซองเสร็จเรียบร้อยจันทร์เจ้าก็ดับเครื่องแล้วเปิดประตูลงจากรถ ปิดประตูแล้วกดรีโมตล็อกรถแล้วหมุนตัวไปอีกด้านเพื่อเดินเข้าอาคาร เธอก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีร่างสูงสง่าของผู้เป็นเจ้านายยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงรออยู่ใกล้ ๆ จนเธอเกือบเดินชนเขา

หญิงสาวลอบถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยปากทักเขาตามมารยาท

"สวัสดีค่ะท่านประธาน"

ชินดนัยยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้าไปมาช้า ๆ "อย่าทำตัวห่างเหินนักสิ พี่อยากให้จันทร์เป็นเหมือนเมื่อก่อนมากกว่า"

"ขอโทษนะคะ ฉันลืมไปหมดแล้วค่ะ" พูดจบเธอก็เบี่ยงตัวแล้วเดินเลี่ยงออกมาจากเขา

"พี่ทบทวนให้ไหม" เขาเดินตามมาติด ๆ แต่จันทร์เจ้าคร้านจะต่อปากต่อคำกับเขาจึงทำเฉยเสีย

"ไม่ตอบแสดงว่าตกลง" เขายังคงเย้าแหย่ไม่เลิกจนหญิงสาวต้องหยุดเดินแล้วหันไปมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์

"ช่วยโฟกัสเฉพาะเรื่องงานดีกว่าค่ะ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง" เธอบอกเขาเสียงราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วในใจราวกับมีพายุลูกใหญ่หมุนวนอยู่ในนั้น

หากจะพูดว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลยก็ดูเป็นการโกหกเกินไป เขาคือรักแรก เป็นผู้ชายคนแรกในชีวิต และเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่สร้างบาดแผลเอาไว้ในใจอย่างเจ็บปวดที่สุด ต่อให้ผ่านมากี่ปีเธอก็ไม่มีทางลืมเขาได้ เขาทำให้เธอไม่กล้ามีรักครั้งใหม่ไม่ว่าจะมีชายหนุ่มคนไหนเข้ามาสานสัมพันธ์ เพราะกลัวความผิดหวัง กลัวว่าผู้ชายที่เข้าหาตนนั้นจะเป็นเหมือนเขาทุกคน

"พี่คงทำให้จันทร์เกลียดมากเลยสินะ" ท่าทางขี้เล่นหยอกเย้าของเขาหายไป มีเพียงสีหน้าและแววตาที่ดูจริงจังขึ้น

จันทร์เจ้าแค่นยิ้ม "แล้วคุณทำอะไรไว้กับฉันบ้างล่ะคะ แต่ฉันว่าคุณคงจำไม่ได้หรอกเพราะคู่ควงของคุณเยอะขนาดนั้น แต่ละคนชื่ออะไรกันบ้างคุณก็คงจำได้ไม่หมด"

"แต่พี่ก็จำจันทร์ได้" เขาพูดสวนขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวว่าเคยทำอะไรกับเธอไว้ แต่เพราะเขาไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องในอดีตได้ ตอนนี้จึงอยากขอให้เธอลองให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง

ตอนที่เขาเป็นหนุ่มคึกคะนอง เขาไม่เคยคิดว่าในช่วงชีวิตของคนหนึ่งคนจะสามารถอยู่กับผู้หญิงเพียงคนเดียวได้ตลอดชีวิต เขาจึงคบหาและมีเซ็กซ์กับผู้หญิงไปเรื่อย แล้วแต่ว่าใครจะยินยอมพร้อมใจ ซึ่งโดยส่วนใหญ่สาว ๆ เหล่านั้นก็ไม่ได้คิดคบหากับเขาจริงจังอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ที่ความพอใจ เพราะเขาถือว่าเซ็กซ์ก็แค่กิจกรรมบนเตียงอย่างหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนใช้ปลดปล่อยความต้องการตามธรรมชาติของตัวเอง

ตอนเขาคบกับจันทร์เจ้า แม้ว่าจะไม่ได้คบเธอแค่คนเดียวในช่วงเวลาเดียวกัน แต่จันทร์เจ้าก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขามักปรับทุกข์ด้วยเสมอเวลามีเรื่องไม่สบายใจ ขณะที่คนอื่นนั้นแค่เห็นหน้าก็รีบเข้ามาคลอเคลียสร้างความสุขให้เพราะอยากเอาใจเขา และสุดท้ายก็จบลงบนเตียงทุกครั้ง เหมือนคบไว้เพื่อระบายความใคร่ และเป็นตุ๊กตาหน้ารถไว้อวดเพื่อนเท่านั้นว่าเขามีสาว ๆ ในสังกัดมากมายแค่ไหน

เขาไม่ปฏิเสธเลยว่าตอนคบกับจันทร์เจ้านั้นมีเรื่องของความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่เพราะความอีโก้จัดของตัวเอง เขาจึงทำเป็นไม่แคร์ที่ถูกเธอบอกเลิก ทั้งที่ในใจนั้นแอบคิดถึงเธออยู่หลายครั้งโดยเฉพาะเวลาที่อยู่คนเดียว

"พี่ขอโทษ" เขาเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวอีกก้าวหนึ่งแล้วพูดต่อ

"พี่ติดค้างคำนี้ไว้กับจันทร์สินะ"

จันทร์เจ้ามองหน้าชินดนัยครู่หนึ่งก่อนจะเบนหน้าออกแล้วเดินไปกดลิฟต์โดยไม่พูดอะไร ทั้งสองคนจึงยืนรอเงียบ ๆ จนกระทั่งลิฟต์เปิดออกหญิงสาวจึงก้าวเข้าไปด้านในโดยมีชายหนุ่มเดินตาม

เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง ความเงียบก็ปกคลุมทั้งคู่อีกครั้งจนจันทร์เจ้าเกรงว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นกระหน่ำของตน แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็โบกมือไปมาอยู่ตรงแขนของเธอราวกับกำลังปัดไล่ยุงให้จึงถามเขาด้วยความสงสัย

"ทำอะไรคะ"

ชินดนัยเลิกคิ้วขึ้น สายตาที่มองมาดูหยอกเย้าเช่นเคย เขายิ้มบางๆ พลางตอบว่า

"เวลาเขาจุดไฟในเตาถ่าน เขาต้องพัดให้ไฟมันติดใช่ไหม พี่ก็เลยพัดสักหน่อยเผื่อถ่านไฟเก่ามันจะคุ"

ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขาหญิงสาวก็ส่งค้อนให้อย่างลืมตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์ถึงที่หมายพอดี ชายหนุ่มกดปุ่มให้ประตูเปิดค้างไว้แล้วผายมือให้เธอออกไปก่อน

"เชิญครับคุณเลขาฯ"

จันทร์เจ้าสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ค้อมศีรษะให้เขาอย่างเป็นการเป็นงาน

"ขอบคุณมากค่ะท่านประธาน" เธอฉีกยิ้มให้เขาอย่างไม่เป็นธรรมชาติก่อนจะเดินผ่านตัวเขาออกไปจากลิฟต์

ชินดนัยเดินตามหลังหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสเข้ารูปคอเต่าสีม่วงเข้ม คลุมทับด้วยเบลเซอร์สีชมพูอ่อน ที่คอสวมสร้อยเงินห้อยจี้รูปพระจันทร์เสี้ยว ผมปล่อยยาวสยายดูอ่อนหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว

เขายอมรับว่าในบรรดาผู้หญิงที่เคยคบด้วย จันทร์เจ้าจัดว่าเป็นคนที่แต่งตัวได้มีรสนิยมที่สุด เธอไม่ใช่คนฉูดฉาด ไม่ชอบแต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนัง เสื้อผ้าของเธอเน้นที่ความเรียบง่ายใส่ได้ทุกโอกาส แต่ในสายตาของเขาถือเป็นความเรียบหรูดูดีซึ่งเข้ากับบุคลิกของเธออย่างพอเหมาะพอเจาะ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป