บทที่ 12 บทที่ 3 (อดีต)เพลย์บอย - 75%
ชายหนุ่มรีบเก็บสายตากลับมาจากร่างระหงตรงหน้าอย่างแนบเนียนเมื่อได้ยินว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้ ครั้นพอหันไปมองจึงเห็นว่าเป็นนิธิ ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศกำลังเดินเข้ามาในออฟฟิศอย่างอารมณ์ดี
"หมดวันลาพักร้อนแล้วหรือ" ชินดนัยเอ่ยปากทักทายอีกฝ่ายทันที
"หมดแล้วสิครับเจ้านาย หรือจะอนุมัติให้ผมลาเพิ่มอีกก็ได้นะ" นิธิยิ้มกว้างตอบผู้ที่เป็นทั้งเจ้านายและญาติด้วยน้ำเสียงแจ่มใส แต่สายตากลับมองเลยไปที่หญิงสาวหน้าใหม่อย่างสนใจ
"แล้วนี่..." นิธิเบนสายตากลับมาที่ญาติผู้พี่โดยที่รอยยิ้มไม่เลือนหายไปจากใบหน้า
"คุณจันทร์เจ้า เป็นเลขาฯ คนใหม่ของฉันเอง คุณจันทร์ นี่คุณนิธิ เป็นผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ" ชินดนัยแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน เมื่อเห็นสายตากรุ้มกริ่มที่ญาติผู้น้องมองหญิงสาวจึงถลึงตาใส่เพื่อปรามอย่างอดไม่ได้
"สวัสดีค่ะ" จันทร์เจ้ายกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้บาง ๆ
"สวัสดีครับผม ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ ถ้ามีปัญหาอยากปรึกษาอะไรก็มาถามผมได้ทุกเรื่องเลยนะครับ ผมยินดี"
หญิงสาวอมยิ้มและรับคำเบา ๆ ขณะที่นิธิเห็นท่าทีสงบนิ่งและบุคลิกที่ติดจะเย็นชาจากเลขานุการคนใหม่ก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจพลางหันไปมองญาติผู้พี่
"แตกต่างจากคนเก่าลิบเลยเนอะ" นิธิพูดไปยิ้มไปอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวอีกครั้งแล้วคลี่ยิ้มกว้าง
"คุณจันทร์ครับ ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย คุณเบล เลขาฯ ของผมก็ยังไม่มา ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปคุณจันทร์ช่วยชงกาแฟเอาเข้าไปให้ผมที่ห้องหน่อยได้ไหม"
"ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเลขาฯ ของฉันมีหน้าที่ชงกาแฟให้นายด้วย ถ้านายหิวก็หิ้วท้องรอเลขาฯ ของนายต่อไป ถ้ารอไม่ไหวก็ไปชงเอง...คุณจันทร์ ผมขอกาแฟร้อนแก้วหนึ่งนะ ยกไปไว้ห้องผมเลย คุณเอาของคุณเข้ามาดื่มด้วยเลยก็ได้เพราะผมจะคุยเรื่องงานกับคุณหน่อย" ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับหญิงสาว จันทร์เจ้าจึงค้อมศีรษะรับคำแล้วเดินผละออกไป
คล้อยหลังจันทร์เจ้าแล้วชินดนัยก็ชี้หน้าญาติผู้น้องเป็นเชิงปราม ก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน
"คุณจันทร์ไม่เหมือนคุณพรีม เพราะฉะนั้นแกห้ามทำรุ่มร่ามกับเขาเด็ดขาด นี่ไม่ใช่แค่คำเตือนแต่เป็นคำสั่งด้วย และถ้าฉันรู้ หรือได้ยินระแคะระคายว่าแกก้อร่อก้อติกเลขาฯ ของฉันเมื่อไร ฉันจะสั่งตัดเงินเดือนแกครึ่งปี เจ้าไนต์!"
ชินดนัยขู่เสียงเข้ม เขาไม่บอกนิธิว่าจันทร์เจ้าเป็นอดีตคนรักที่เคยคบกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจนคนในออฟฟิศรู้ ซึ่งถ้าพนักงานคนอื่นรู้เมื่อไร เธอก็จะถูกเพื่อนร่วมงานเพ่งเล็งเมื่อนั้น
"อะไรว้า...จะหวงไว้กินเองก็บอกเหอะวะไอ้ชิน ทำมาเป็นห้าม แต่เลขาฯ ใหม่ของนายน่ารักดีนะ ดูเรียบร้อยเชียว ไม่รู้นิสัยจะน่ารักน่าคบเหมือนหน้าตารึเปล่า ขอฉันลองจีบหน่อยไม่ได้หรือพี่ชาย ถ้าจีบติดแล้วเข้ากันได้ เผื่อฉันจะได้เลิกลอยชายแล้วลงหลักปักฐานกับเขาบ้างไง"
เมื่ออยู่กันสองคนตามประสาลูกพี่ลูกน้อง ชินดนัยกับนิธิก็คุยแบบเป็นกันเองมากขึ้นเพราะความจริงแล้วทั้งคู่อายุเท่ากัน แต่ชินดนัยเกิดก่อนหกเดือน นิธิจึงมักชอบเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ชายเวลาต้องการหยอกเล่น
"ฉันก็เห็นแกเข้าได้กับผู้หญิงทุกคนนั่นแหละ" ชินดนัยเน้นที่คำว่า "เข้าได้" อย่างชัดถ้อยชัดคำจนนิธิได้แต่หัวเราะร่าเพราะเข้าใจความหมายดี
"ไสหัวเข้าห้องทำงานของนายไปได้แล้ว ฉันจะคุยงานกับเลขาฯ ของฉัน"
ชินดนัยบุ้ยหน้าไปทางห้องทำงานของนิธิ จากนั้นก็เดินไปทางห้องของตัวเองทันทีเมื่อเห็นจันทร์เจ้าเดินถือถาดกาแฟออกมาจากแคนทีน
นิธิเขม้นมองตามญาติผู้พี่อย่างสงสัย เพราะปกติแล้วชินดนัยจะไม่ก้าวก่ายเรื่องพวกนี้ แต่กับเลขานุการคนใหม่ เจ้าตัวถึงกับออกคำสั่งห้ามไม่ให้เขายุ่งอย่างเด็ดขาด เขาคิดว่ามันผิดปกติเกินไป
พลันนั้นเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเลขานุการคนใหม่นี้ ชินดนัยเป็นคนคัดเลือกด้วยตัวเองโดยไม่ต้องสัมภาษณ์
นิธิคลี่ยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลของญาติผู้พี่กับผู้หญิงคนนั้น
"งานนี้ต้องสืบ" เขาเดาะลิ้นเบาๆ อย่างนึกสนุก ก่อนจะรีบทำท่าทางให้เป็นการเป็นงานมากขึ้นแล้วละความขี้เล่นทิ้งไปเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาทางที่ตนยืนอยู่
จันทร์เจ้าเดินสวนชินดนัยออกมานอกห้องทำงานของเขาเพราะต้องไปเอาสมุดบันทึกกับปากกามาด้วย ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวพร้อมกับยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองแล้วจัดการย้ายแก้วกาแฟทั้งของเขาและของเธอไปวางไว้บนโต๊ะของชุดรับแขกที่ตั้งไว้มุมห้อง จากนั้นก็ถือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมานั่งรอบนโซฟา
เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องอีกครั้งแล้วเห็นว่าชายหนุ่มจัดการย้ายที่นั่งไปตรงชุดรับแขก เธอจึงเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวอีกตัวโดยไม่พูดอะไร แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นชินดนัยหยิบแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
"นั่นแก้วฉันค่ะ!" เธอรีบบอกเขาแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะชายหนุ่มดื่มมันลงไปเสียแล้ว
"งั้นหรือ ไม่เป็นไรหรอกพี่ไม่ถือ จะแก้วของพี่หรือแก้วของจันทร์ก็เหมือนกันนั่นแหละ" เขาพูดอย่างไม่ยี่หระ แต่เธอเห็นมุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก็รู้ทันทีว่าเขาจงใจหยิบผิด
แก้วกาแฟของเขาเป็นแบบสีขาวเรียบไม่มีลวดลาย ขณะที่แก้วของเธอมีลายเถากุหลาบอยู่รอบแก้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมองไม่เห็น เจตนาของเขาชัดเจนมากว่าต้องการยั่วเธอ
คนนิสัยไม่ดี!
"เมื่อก่อนยังกินหลอดเดียวกันได้เลย แค่สลับแก้วกันไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ตรวจโรคทุกปีไม่มีโรคติดต่อร้ายแรงแน่นอน คอนเฟิร์ม" เขายังคงลอยหน้าลอยตาพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา แต่แววตาพราวระยับอย่างพอใจที่ได้แกล้งเธอเล่น
จันทร์เจ้านั่งหน้าตูม หน้ากากเย็นชาที่ฉาบเอาไว้ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้อีก เรื่องราวเก่าก่อนย้อนเข้ามาในหัวฉากแล้วฉากเล่าทั้งที่คิดว่าลืมมันไปแล้ว แต่พอเขากวนตะกอนให้ขุ่นขึ้นมา เธอถึงเพิ่งรู้ตัวว่าแท้ที่จริงแล้วไม่เคยลืมเรื่องต่าง ๆ ที่เคยทำร่วมกับเขาได้เลย
"โรคบางโรคต่อให้ตรวจทุกเดือนก็หาไม่เจอหรอกค่ะเพราะมันฝังอยู่ในเส้นเลือดและกระดูก" เธอหมายถึงความกะล่อนเจ้าชู้และความไม่รู้จักพอของเขา
