บทที่ 16 บทที่ 4 เรื่องที่พูดไม่ได้ - 75%
จันทร์เจ้าคลี่ยิ้มให้เขาพลางวางบัตรซึ่งเป็นการ์ดแข็งสีดำและปั๊มชื่อของชายหนุ่มเป็นภาษาอังกฤษด้วยสีทองลงตรงหน้าชินดนัย จากนั้นก็กางแผ่นโฆษณาซึ่งมีรูปบันนี่เกิร์ลสุดเซ็กซี่ในชุดเสื้อเอวลอยกับกางเกงขาสั้นรัดรูปสีขาวเด่นหราอยู่ตรงกลาง ในแผ่นนั้นมีรายละเอียดเกี่ยวกับรายการแสดงโชว์ของเดือนล่าสุด รวมไปถึงสิทธิพิเศษต่าง ๆ สำหรับสมาชิกวีไอพี
ตอนแรกที่เธอเห็นซองจดหมายเรียบหรูสีดำ มีโลโก้ของคลับปั๊มสีทองอยู่ด้านหน้า เธอก็รู้แล้วว่าเป็นที่ไหน เพราะผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่บริษัทเก่าก็เป็นสมาชิกอยู่เช่นกัน เขาพาลูกค้าคนสำคัญไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เธอเองก็เคยเข้าไปที่นั่นหนึ่งครั้งจึงพอรู้ว่าเป็นสถานที่แบบไหน
"อะแฮ่ม! เอ่อ...พี่ไม่ได้สมัครเองนะ เพื่อนพี่มันสมัครให้น่ะ ออกเงินให้อีกต่างหาก"
ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนพลางหยิบบัตรสมาชิกใบนั้นมาเก็บในกระเป๋าเสื้อ จะทำทีเป็นโยนทิ้งถังขยะให้เธอเห็นแล้วค่อยเก็บคืนมาทีหลังก็กระไรอยู่ เพราะดูเหมือนเป็นการหลอกลวงเสียเปล่า ๆ อย่างไรเสียเขากับเพื่อนสนิทก็ต้องไปพบปะสังสรรค์ที่นั่นกันบ้างอยู่แล้ว อีกทั้งบัตรใบนี้ก็มีมูลค่าถึงห้าหมื่นบาทที่ปกเกล้าต้องจ่ายไป ฉะนั้นไหน ๆ ก็เสียเงินไปแล้วจึงต้องใช้สิทธิพิเศษจากบัตรใบนี้ให้คุ้ม
จันทร์เจ้าอดยิ้มมุมปากไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าอิหลักอิเหลื่อของเขา ความจริงแล้วคลับแห่งนี้ก็จัดว่าเป็นสถานบันเทิงที่หรูหราและมีระดับมากแห่งหนึ่ง ไม่มีการโชว์ลามกอนาจาร ไม่มีพวกกักขฬะหยาบคายเนื่องจากคนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจมีระดับ หรือไม่ก็บรรดาเศรษฐีกระเป๋าหนักที่ชมชอบของสวย ๆ งาม ๆ เพราะหญิงสาวที่นี่จะคัดเลือกมาเป็นอย่างดี
และแม้ผู้จัดการที่บริษัทเก่าจะเคยบอกว่าไม่มีการขายบริการ หรือออฟหญิงสาวออกไปข้างนอก แต่เธอเชื่อว่าน่าจะมีการตกลงกันนอกรอบที่ไม่เกี่ยวกับงานในคลับระหว่างลูกค้ากับสาว ๆ บางคน เพราะตอนขากลับเธอเคยเห็นหญิงสาวหลายรายขึ้นรถของลูกค้าหนุ่มที่มาเที่ยว ซึ่งคงไปต่อกันที่อื่นเป็นแน่
"ใกล้เที่ยงแล้ว พี่ว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่าไหม"
ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วช่วยเธอแยกจดหมายโดยคัดฉบับที่เขาไม่สนใจเอาไปไว้อีกกองหนึ่ง ซึ่งในนั้นมีซองสีดำจากคลับฮาร์ดเพลย์บอยด้วย
"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ เที่ยงนี้ฉันนัดเพื่อนไว้ที่ห้างใกล้ ๆ นี่เอง"
เธอบอกไปตามตรงพลางรวบกองจดหมายที่จะทิ้งมาถือไว้ที่มือซ้าย ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองเขาแล้วเอ่ยถามยิ้ม ๆ
"ท่านประธานจะฝากซื้ออะไรไหมคะ หรือจะเอาอะไรก็ได้เหมือนเดิม"
ชินดนัยหรี่ตามองหญิงสาวอย่างจับผิด จากนั้นก็ยกนิ้วชี้ไปทางเธออย่างคาดโทษ "ถ้าแกล้งกันอีก คราวนี้จะลากไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันทุกวันเลยคอยดูสิ"
จันทร์เจ้าเม้มปากกลั้นขำ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางประตู แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเขาบอกไล่หลังมา
"เอาข้าวแกงกะหรี่แฮมเบอร์เกอร์ใส่ผักโขมกับเห็ดรวม ความเผ็ดระดับสาม เอาเงินนี่ไปนะหนูจันทร์"
เมื่อหญิงสาวหันกลับไปมอง ก็เห็นเขากำลังเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ล้วงธนบัตรใบสีเทาออกมายื่นให้เธอจึงเดินไปรับ
"ขอโค้กเย็นจัดสักกระป๋องด้วยนะ ที่เหลือจันทร์อยากกินอะไรก็ซื้อเอาละกัน มื้อนี้พี่เลี้ยง"
ได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวก็เผลอตัวเบะปากด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว แต่คนตาดีที่มองหน้าเธออยู่ก่อนแล้วนั้นกลับเห็นเต็มสองตา และอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมาด้วยความขบขัน
เมื่อได้เงินแล้วจันทร์เจ้าก็เดินไปที่ประตู ยังไม่ทันที่มือจะแตะถูกลูกบิด ชายหนุ่มเจ้าของห้องก็เรียกเธอไว้อีกครั้ง
"หนูจันทร์"
หญิงสาวหันกลับไปมองพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม "คะ"
"พี่กับดาด้าไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่คิดนะ เราสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนเมืองนอกแล้ว"
จันทร์เจ้าขมวดคิ้วแล้วมองเขาทางหางตา ปากพึมพำเบา ๆ
"ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย"
ชินดนัยยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะเขาได้ยินเต็มสองหู
"ก็พี่อยากบอก กลัวถูกเข้าใจผิดแล้วถ่านไฟเก่าจะไม่ยอมคุน่ะ"
หญิงสาวส่งค้อนให้เขาวงใหญ่ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องทำงานของผู้เป็นนายโดยมีสายตาแพรวพราวของชายหนุ่มที่นั่งยิ้มเต็มวงหน้ามองตามไปจนกระทั่งประตูปิดลงตามเดิม
จันทร์เจ้าเดินออกจากอาคารสำนักงานไปตามทางเชื่อมลอยฟ้าเพื่อไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ละแวกเดียวกัน ใช้เวลาไม่นานนักหญิงสาวก็มาถึงบริเวณทางเข้าออกของห้างฯ ซึ่งเป็นจุดนัดพบ ตรงนั้นมีหุ่นขี้ผึ้งของนักร้องชายชื่อดังตั้งอยู่ เธออดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเด็กสาววัยรุ่นหลายคนพากันถ่ายรูปคู่กับหุ่นขี้ผึ้งเสมือนจริงจนเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว
เห็นแล้วคิดถึงตอนที่ตนยังเป็นนักเรียนและนิสิต เธอยอมรับว่าชอบชีวิตในตอนนั้นที่สุดเพราะนอกจากเรียนหนังสือแล้วก็ไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล เธอโชคดีที่ได้ใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นอย่างคุ้มค่า หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอก็อยากกลับไปสัมผัสกับชีวิตช่วงนั้นอีกครั้ง และที่สำคัญ เธอจะกลับไปแก้ไขเรื่องบางอย่างด้วยโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับชินดนัย
แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะเวลาไม่เคยเดินถอยหลัง สิ่งที่เธอทำได้จึงมีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
"ยิ้มอะไรยะหล่อน อยากไปถ่ายรูปคู่กับจัสตินรึไง"
น้ำเสียงติดจะแหบพร่าเล็กน้อยที่ดังอยู่ข้างหู ทำให้จันทร์เจ้าต้องหันไปหาเจ้าของเสียงพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
"ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้นล่ะยายปุ้ย เมื่อคืนตอนคุยกันก็ยังดี ๆ อยู่เลยนี่"
"ติดหวัดมาจากพี่เอน่ะสิ พอฉันเป็นปุ๊บพี่เขาก็หายปั๊บเลย แย่ชะมัด" ไปรมาบ่นอุบเมื่อพูดถึงอรรถวิทแฟนหนุ่ม แต่แววตากลับอ่อนโยนลง
ทั้งสองสาวเดินไปคุยไปจนกระทั่งลงบันไดเลื่อนมาถึงชั้นล่าง ซึ่งเป็นชั้นที่มีร้านอาหารมากมายหลายชาติหลายชนิดให้เลือก และเนื่องจากเป็นเวลาพักเที่ยงคนจึงค่อนข้างหนาแน่นเป็นพิเศษ
"ว่าแต่เราสองคนจะกินอะไรกันดี" ไปรมามองไปรอบ ๆ แล้วก็ทำหน้าง้ำบ่นออกมาอีกครั้ง "คนเยอะว่ะแก แต่ละร้านต้องรอคิวนานแน่เลย แล้วจะกลับไปเข้างานช่วงบ่ายทันไหมเนี่ย"
"กินในฟู้ดคอร์ตก็ได้นี่นา มีให้เลือกตั้งเยอะแยะ ไว้วันหลังเราค่อยนัดมากินกันตอนเลิกงานก็ได้ จะได้มีเวลานั่งคุยกันยาว ๆ"
จันทร์เจ้ายิ้มพลางมองไปยังศูนย์อาหารที่อยู่ไม่ไกลนัก จะว่าไปแล้วอาหารในศูนย์อาหารแห่งนี้อร่อยหลายร้าน และราคาก็พอกันกับศูนย์อาหารตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป
"เอางั้นก็ได้" ไปรมาพยักหน้าตกลงแล้วเดินย้อนกลับไป สายตาก็สอดส่ายมองหาที่นั่งว่างไปด้วย
"จันทร์! ตรงนั้นว่างอยู่ แกรีบไปนั่งจองที่ไว้เลยนะเดี๋ยวฉันจะไปแลกบัตรมาให้"
ไปรมารุนหลังเพื่อนพลางชี้ไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ จันทร์เจ้าจึงเดินไปที่โต๊ะนั้นแล้วนั่งรอเพื่อนซื้อข้าวให้เสร็จเรียบร้อย ตนจึงค่อยไปซื้อทีหลัง รอไม่นานนักไปรมาก็ถือถาดใส่อาหารเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ยื่นบัตรแทนเงินสดมาให้
"นี่บัตรของแกนะจันทร์ ฉันแลกไว้สองร้อย ถ้าไม่พอก็ไปเติมเองละกัน"
"ตั้งสองร้อย แกจะให้ฉันกินอะไรนักหนา" จันทร์เจ้าค้อนให้เพื่อนก่อนลุกขึ้นเดินไปยังร้านอาหารที่เล็งไว้ตั้งแต่ตอนนั่งรอ ใช้เวลารอคิวไม่นานหญิงสาวก็ถือถาดอาหารของตัวเองมานั่งที่เดิม
"พักหลังนี่แกเจอยายวีวี่บ้างไหม" ไปรมาเปิดปากพูดทันทีที่เห็นจันทร์เจ้านั่งเรียบร้อยดีแล้ว
