บทที่ 18 บทที่ 5 พี่ชายที่แสนดี - 25%
หลังเลิกงาน ชินดนัยขับรถถึงบ้านในเวลาหนึ่งทุ่มเล็กน้อย ชายหนุ่มเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงพลางฮัมเพลงเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดี ก่อนเสียงเพลงจะหยุดลงเมื่อเห็นผู้เป็นมารดาปรี่เข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
"ตาชิน กลับมาแล้วหรือลูก"
"มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับคุณแม่" เขาถามท่านกลับไป ในใจเริ่มกังวลถึงอาการป่วยของน้องสาวเพราะมีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ทำให้คนในบ้านต่างพากันเป็นห่วง
"ยายนุชน่ะสิ ปิดประตูเงียบอยู่แต่ในห้องตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน แม่เรียกลงมากินข้าวเย็นก็บอกว่ายังไม่หิว นี่พ่อเราก็กำลังเกลี้ยกล่อมให้ออกมานั่งเล่นข้างนอกบ้าง ไม่อยากให้อยู่ในห้องคนเดียวนานนัก เพราะกลัวว่าจะ..."
ท่านหยุดพูดไว้เพียงแค่นั้น เขาจึงยื่นมือไปบีบมือท่านเบา ๆ อย่างปลุกปลอบ
"เดี๋ยวผมคุยกับน้องเองครับคุณแม่" พูดจบเขาก็เดินขึ้นบันไดไป
หน้าห้องนอนของชญานุชซึ่งอยู่เยื้องกับห้องนอนของเขา มีร่างสูงโปร่งของบิดายืนนิ่งอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าอมทุกข์ ครั้นพอเห็นเขาเดินเข้าไปใกล้ ท่านจึงหันมามองพลางถอนหายใจแผ่ว
"คุณพ่อไปพักผ่อนเถอะครับ ให้ผมคุยกับยายนุชเองดีกว่า" เขารู้ว่าบิดารักและเป็นห่วงบุตรสาวเพียงคนเดียวมากแค่ไหน ตั้งแต่เล็กจนโต ท่านเลี้ยงดูทะนุถนอมบุตรสาวราวกับไข่ในหิน
"พ่อฝากหน่อยนะตาชิน" ผู้เป็นบิดาพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะหันหน้าเข้าหาประตูอีกครั้ง
"นุชเอ๊ย...พ่อจะนั่งดูทีวีรอหนูอยู่ข้างล่างนะลูก ถ้าหนูยังไม่อยากนอนก็ลงมานั่งดูหนังกับพ่อนะ"
พูดจบท่านก็เดินคอตกกลับไป ชินดนัยมองตามแผ่นหลังของบิดาแล้วก็อดเป็นห่วงสุขภาพของท่านไม่ได้ แม้ภายนอกจะดูเหมือนท่านแข็งแรงดี แต่ความจริงแล้วสารพัดโรคภัยกำลังรุมเร้าอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ ความดันสูง และเบาหวาน ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานหนัก และละเลยสุขภาพมาตั้งแต่ยังอยู่ในช่วงวัยหนุ่ม
ชินดนัยยกมือเคาะประตูห้องของน้องสาวไม่ดังนัก เขารู้ว่าชญานุชได้ยิน แต่เจ้าตัวจะมาเปิดประตูให้เมื่อไรนั้นไม่อาจรู้ได้ เขาทำได้แค่ยืนรออยู่หน้าห้องอย่างใจเย็น
"นุช พี่ชินเองนะ เปิดให้พี่เข้าไปหน่อยได้ไหมคะ พี่มีเรื่องอยากปรึกษานุชหน่อยน่ะ เป็นเรื่อง...เอ่อ...ปัญหาหัวใจ พี่ไม่รู้จะปรึกษาใครก็เลยคิดถึงนุชเป็นคนแรกเลย นุชช่วยพี่หน่อยได้ไหม"
เขาจำเป็นต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาอ้าง ทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องหัวใจนั้นเขาไม่จำเป็นต้องปรึกษาคนอื่นเพราะค่อนข้างมั่นใจว่าตนเอาอยู่ สำหรับจันทร์เจ้าแล้ว เธอต้องเห็นหน้าเขาทุกวัน หากเขาหมั่นเติมเชื้อไฟบ่อย ๆ วันละนิดละหน่อย เขาเชื่อว่าไม่ช้าถ่านไฟเก่าก็จะคุขึ้นมาได้ไม่ยาก อีกทั้งเขาในตอนนี้ก็เลิกนิสัยกินทิ้งกินขว้างแบบเมื่อก่อนแล้ว ถ้าเขาแสดงความจริงใจให้เธอเห็น จันทร์เจ้าก็คงเปิดโอกาสให้เขาเข้าไปนั่งในใจเธออีกครั้ง
ชายหนุ่มยืนรออยู่นานจนคิดว่าจะลองเคาะประตูอีกครั้ง แต่แล้วเสียงจากด้านในก็ดังขึ้นแผ่วเบา
"นุชน่ะหรือคะจะช่วยพี่ได้"
"ได้สิคะ นุชเป็นน้องสาวของพี่นี่นา ถ้าพี่ไม่ปรึกษานุชแล้วจะให้พี่ไปปรึกษาใคร นุชเปิดประตูให้พี่เข้าไปหน่อยนะ"
เขารีบพูดเอาใจให้น้องสาวเห็นว่าเธอเป็นคนสำคัญตามที่รมิดาเคยให้คำแนะนำเอาไว้ ว่าพยายามพูดให้กำลังใจ และทำให้อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองมีค่า และเป็นที่ต้องการของทุกคนในครอบครัว
เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นในเวลาต่อมา ซึ่งสำหรับชินดนัยแล้วรู้สึกราวกับเป็นเสียงสวรรค์ เขาคลี่ยิ้มกว้าง สายตาอ่อนโยนที่มองคนตรงหน้ามีแต่ความเอื้อเอ็นดู
ชายหนุ่มรีบก้าวเท้าเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูไว้ให้ตามเดิม โดยที่รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา เขาพยายามมองข้ามใบหน้าซีดเซียวหม่นหมองของเจ้าของห้อง แม้ว่าลึก ๆ แล้วจะอดสะท้อนในใจไม่ได้ ชญานุชจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยและดูดีที่สุดคนหนึ่ง สมัยที่น้องสาวของเขายังเรียนมหาวิทยาลัย เจ้าตัวเคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ในงานฟุตบอลประเพณีด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่ช่วงเวลานั้นเขาอยู่ต่างประเทศ จึงไม่ค่อยได้รับรู้ความความเคลื่อนไหวและความเป็นไปของน้องสาวเท่าไรนัก จะรู้แค่เพียงที่เจ้าตัวบอกเล่าให้ฟังตอนแชต หรือโทรศัพท์คุยกันเท่านั้น เขาจึงไม่รู้ว่าชญานุชมีเรื่องอะไรปิดบังอยู่
"ขอบคุณค่ะที่เปิดประตูให้พี่ แปลว่านุชยินดีจะเป็นศิราณีให้พี่แล้วใช่ไหมคะ"
ชญานุชยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาเบดที่อยู่ปลายเตียง ชายหนุ่มจึงเดินตามไปนั่งข้างน้องสาวพลางลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก คราแรกเขานึกว่าเมื่อประตูเปิดออกมาแล้วจะเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของน้องสาวเหมือนครั้งก่อน
"ฮอตปรอทแตกอย่างพี่ชินยังต้องการที่ปรึกษาด้วยหรือคะ ไม่น่าเชื่อ" ชญานุชกระเซ้าพี่ชาย
"ฮอตอะไรกัน นั่นมันอดีตไปแล้ว ตอนนี้มีแต่ผู้ชายธรรมดาที่กำลังพยายามจุดถ่านไฟเก่าให้ติดอยู่ แต่ยังไม่สำเร็จ"
เขาเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องของตัวเองก่อน ทั้งที่เมื่อก่อนเรื่องส่วนตัวแบบนี้เขาไม่เคยนำมาพูดกับน้องสาวเลยสักครั้ง ชญานุชก็เช่นกัน ไม่เคยนำเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพี่ชายอย่างเขาแม้แต่ครั้งเดียว
คิดแล้วก็น่าแปลก เป็นพี่น้องคลานตามกันมาแท้ ๆ ยามที่คนภายนอกมองมาล้วนมีแต่คนพูดว่าเขากับน้องสาวรักใคร่สนิทสนมกันดี แต่ความจริงแล้วต่างคนต่างมีโลกส่วนตัวของตัวเอง และต่างคนต่างสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน เขาไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของน้องสาว กลุ่มเพื่อนสนิทของชญานุชมีใครบ้างเขาก็จำชื่อไม่เคยได้ เธอคบหากับผู้ชายคนไหนบ้างเขาก็ไม่เคยรู้ ชญานุชเองก็เช่นกันที่ไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของเขาเลย เพื่อนสนิทของเขาเสียอีกที่ดูจะรู้มากกว่าน้องสาวแท้ ๆ อย่างเธอด้วยซ้ำ
แต่วันนี้เขาจะพยายามทำลายกำแพงนั้นลงเสีย เขาต้องทำให้ชญานุชไว้เนื้อเชื่อใจเขาในฐานะพี่ชายร่วมสายเลือดให้ได้ก่อนที่อะไร ๆ จะแย่ไปกว่านี้
"อย่าบอกนะคะว่าตอนนี้พี่โสดอยู่ เป็นไปได้หรือ" เธอหันมามองเขาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
"พี่โสดมาตั้งนานแล้วค่ะ ตั้งแต่กลับจากเมืองนอกพี่ก็ไม่เคยคบใครเลย นี่คือเรื่องจริง ทุกวันนี้พี่ทำแต่งาน ไปดื่มสังสรรค์พบปะเพื่อนฝูงบ้างนาน ๆ ที นอกนั้นก็กลับมาอยู่บ้าน นุชก็เห็นนี่คะ"
ชญานุชทำท่าครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ จากนั้นก็หันมาถามเขาต่อ
"แล้วถ่านไฟเก่าที่ว่านี่ล่ะคะ คบกันตอนที่พี่ไปเรียนเมืองนอกหรือ"
