บทที่ 19 บทที่ 5 พี่ชายที่แสนดี - 50%
ชินดนัยส่ายหน้าก่อนตอบ "ไม่ใช่ค่ะ พี่เคยคบกับเขาตอนเรียนมหา'ลัยน่ะ แต่ก็คบได้ไม่นานก็เลิกกันไปแล้วพี่ก็ไปเรียนต่อพอดี ตอนนี้เขามาทำงานเป็นเลขาฯ ของพี่ พี่ก็พยายามจะรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ กับเขาอยู่แต่ยังไม่สำเร็จ"
"แปลว่าจบไม่สวยเท่าไรใช่ไหมคะ" เมื่อถูกน้องสาวถามจี้ใจดำ เขาก็ได้แต่ทำหน้าประดักประเดิดเพราะเป็นเรื่องจริง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับอย่างไม่มีทางเลี่ยง
"พี่ไม่ดีเองแหละ ช่วงนั้นมั่นใจในความหล่อของตัวเองมากไปหน่อย"
เขาพยายามใช้คำพูดที่ฟังติดตลก เพราะความจริงแล้วการที่เขาควงสาวไม่ซ้ำหน้า คบผู้หญิงซ้อนกันหลายคนในช่วงนั้นเป็นเพราะฮอร์โมนความเป็นชายมันพลุ่งพล่าน โดยเฉพาะการได้ลากสาวสวยมาเล่นสนุกกันบนเตียงเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับเขาเหลือเกิน ยิ่งเขาสามารถปิดบังบรรดาสาว ๆ ที่คบอยู่ และให้เจ้าหล่อนเชื่อว่าเขาคบเธอแค่คนเดียวได้นานเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมากเท่านั้น
"แล้วทำไมพี่ชินถึงอยากกลับมาคบกับคนนี้อีกครั้งล่ะคะ"
ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่ว มีมากมายหลายสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไรให้คนฟังเข้าใจสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่ แต่สุดท้ายเขาก็เลือกใช้คำพูดที่ฟังเข้าใจง่ายและคิดว่าผู้หญิงอย่างชญานุชน่าจะเข้าใจดี
"พี่ก็บอกไม่ถูกหรอกนะนุช ถึงแม้ว่าพี่กับจันทร์จะคบกันไม่นานเท่าไร แต่ตอนที่คบกับเขาพี่รู้สึกสบายใจที่สุด ตอนนั้นเวลาที่พี่อยากปรับทุกข์กับใครสักคน พี่จะนึกถึงจันทร์เป็นคนแรก ตอนที่เลิกกัน พี่เคยคิดจะไปขอคืนดีกับเขาอยู่หลายครั้ง แต่ก็ติดที่ตอนนั้นอีโก้ลูกผู้ชายมันบังตา"
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเวลาที่มีคนเอ่ยถึงการมีแฟนหรือคนรัก ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของเขาก็คือจันทร์เจ้า ตอนที่เขาเรียนต่อต่างประเทศ แม้จะมีหญิงสาวมากหน้าหลายตาผลัดกันขึ้นเตียงเขา แต่ทุกครั้งที่ได้อยู่คนเดียวแล้วเขาถูกความเหงาเข้าเล่นงาน คนที่เขาคิดถึงเพียงหนึ่งเดียวก็คือผู้หญิงที่ชื่อจันทร์เจ้าเช่นเคย
"แต่การที่เขายอมมาทำงานเป็นเลขาฯ ให้พี่ชิน ก็แสดงว่าเขาก็ไม่ได้โกรธเกลียดพี่ไม่ใช่หรือคะ" เมื่อน้องสาวพูดเช่นนั้นเขาก็ได้แต่ยิ้มแหย ก่อนจะสารภาพด้วยน้ำเสียงจืดเจื่อน
"ความจริงแล้วตอนแรกเขาไม่รู้ว่าต้องมาทำงานกับพี่น่ะ พี่โชคดีที่บังเอิญได้ไปเห็นเรซูเม่ของเขาตอนส่งมาสมัครงานพี่ก็เลยบอกให้ฝ่ายบุคคลรับไว้โดยไม่ต้องสัมภาษณ์ แล้วก็เล่นตุกติกกับรายละเอียดในสัญญานิดหน่อย เพื่อป้องกันเขาชิงลาออกหลังจากที่รู้ว่าต้องมาทำงานให้พี่"
ชญานุชเบิกตากว้าง ปากสีซีดเผยอเล็กน้อยอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะมองค้อนเขา
"น่าเกลียดที่สุดเลยค่ะพี่ชิน สมควรแล้วค่ะที่เขาไม่ยอมคืนดีด้วย"
ชินดนัยหัวเราะร่า ก่อนจะยื่นมือไปยีผมน้องสาวเล่นเบา ๆ
"อ้าว ไม่เข้าข้างพี่สักหน่อยหรือ เราเป็นพี่น้องกันนะคะนุช"
"ไม่ละค่ะ นุชเข้าข้างผู้หญิงด้วยกันมากกว่า" ชญานุชยู่หน้าใส่พี่ชาย ชายหนุ่มเห็นว่าอารมณ์ของน้องสาวเริ่มสดใสขึ้นมาบ้างแล้วจึงลองตะล่อมถามเรื่องของอีกฝ่ายบ้าง
"แล้วนุชล่ะคะ พักนี้เป็นยังไงบ้าง"
เธอหันมายิ้มให้บาง ๆ ก่อนตอบ "ก็เรื่อย ๆ ค่ะ พี่ชินก็รู้ว่านุชอยู่แต่ในบ้านทั้งวันไม่ได้ออกไปไหน ชีวิตประจำวันของนุชก็เป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ ไม่มีอะไรแตกต่างหรอก"
"วันเสาร์นี้นุชไปดูหนังกับพี่หน่อยสิ ได้ไหมคะ ไปดูเป็นเพื่อนพี่หน่อย พี่อยากดูเรื่องนี้มากเลย จะไปดูคนเดียวก็รู้สึกแปลก ๆ จะชวนเพื่อนไปเดี๋ยวคนก็จะมองว่าเป็นคู่เกย์กันอีก"
ชินดนัยรีบเข้าจุดประสงค์หลักของตัวเองทันที แม้ว่าคำตอบที่ได้รับกลับมาจะเป็นสิ่งที่เขาคาดเดาได้อยู่แล้ว
“นุชไม่อยากออกไปไหนค่ะ ทำไมพี่ชินไม่ลองชวนแฟนเก่าของพี่ล่ะคะเผื่อถ่านไฟเก่าจะคุ”
“เฮ้อ...ถ้าเขายอมไปกับพี่ก็ดีน่ะสิคะ พี่คงไม่ต้องมานั่งปรึกษานุชหรอก” เขายิ้มพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะน้องสาวอย่างอ่อนโยน สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงความรักและเอ็นดูอย่างไม่มีเงื่อนไข
“ความจริงแล้วพี่อยากควงน้องสาวสุดที่รักของพี่ไปดูหนังมากกว่า จะว่าไปแล้วเราสองคนไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันนานมากแล้วนะคะ”
ชญานุชหลุบตาลงมองมือตัวเอง ปากซีดเซียวของเธอเม้มแน่นราวกับกำลังสะกดกลั้นกับอารมณ์บางอย่าง เขาเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารน้องสาวจับใจ อยากช่วยแบ่งเบาความทุกข์มาบ้าง แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเธอถึงจะยอมระบายสิ่งที่อยู่ในใจให้เขาได้รับรู้
“นุชคะ นุชฟังพี่นะ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และไม่ว่านุชกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่ พี่อยากให้นุชรู้ว่าพี่จะอยู่ตรงนี้ อยู่ข้าง ๆ นุชเสมอ ตอนนี้นุชอาจจะยังไม่สะดวกเล่าหรือระบายให้พี่ฟังก็ไม่เป็นไร พี่รอได้ พี่ยินดีรับฟังนุชทุกเรื่อง นุชเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่ เพราะฉะนั้นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพี่นอกจากคุณพ่อคุณแม่แล้วก็มีนุชอีกคน”
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงสะอื้นจากคนตรงหน้าก็ดังขึ้นเบา ๆ ชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อมาเช็ดน้ำตาให้น้องสาวอย่างนุ่มนวลโดยไม่พูดอะไรอีก เพราะต้องการให้เวลาชญานุชได้คิดและไตร่ตรอง อีกทั้งเขาไม่ต้องการกดดันอีกฝ่ายมากเกินไป ตอนนี้จิตใจของหญิงสาวเปราะบางมาก เขากลัวว่าหากพูดอะไรออกไปแล้วกระทบจิตใจของเธอเข้า ทุกอย่างอาจจะยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
“ดื่มนมอุ่น ๆ สักแก้วไหมคะ พี่จะลงไปเอามาให้ หรือนุชอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม พี่ชายคนนี้พร้อมบริการเจ้าหญิงน้อยทุกอย่างเลย” เขาพูดอย่างเอาอกเอาใจเหมือนเมื่อครั้งที่อีกฝ่ายยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ และเพราะคำเรียกขาน “เจ้าหญิงน้อย” ของเขานี่เองที่เรียกรอยยิ้มจากเธอได้ แม้ว่าจะเป็นการยิ้มทั้งน้ำตาก็ตาม
“ขอนมสักแก้วละกันค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ชิน”
“ได้ครับเจ้าหญิงน้อย”
ชินดนัยลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องของชญานุชเพื่อลงไปอุ่นนมในครัว เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง เขาเห็นบิดามารดาลุกขึ้นจากโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วปรี่เข้ามาหาอย่างร้อนใจ
“น้องเป็นยังไงบ้างลูก” นภวรรณผู้เป็นมารดาเอ่ยถามขึ้นก่อน
“ยายนุชไม่เป็นอะไรหรอกครับคุณพ่อคุณแม่ น้องก็แค่อยากอยู่คนเดียวเท่านั้นเอง นี่ผมลงมาเอานมไปให้น้องดื่มสักแก้ว เสร็จแล้วก็จะให้น้องกินยานอนแล้วครับ อย่ากังวลเลย” ชายหนุ่มบีบมือมารดาเบา ๆ ก่อนผละไปทางห้องครัว
ใช้เวลาไม่นานนักชินดนัยก็เดินถือแก้วนมสดพร้อมขวดน้ำดื่มขึ้นมาบนห้องชญานุช เธอยังคงนั่งอยู่ที่เดิม แต่สายตามองเหม่อไปทางหน้าต่างห้องซึ่งขณะนี้ด้านนอกมืดสนิทเนื่องจากเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว
