บทที่ 21 บทที่ 5 พี่ชายที่แสนดี - 100%
"พี่โทร. ไปบอกผู้จัดการสาขาแล้วละว่าเราจะเข้าไปที่นั่น ที่พี่จะให้จันทร์ไปวันนี้ก็เพราะอีกหน่อยจันทร์จะต้องไปติดต่อกับที่นี่บ่อย ๆ และอีกอย่างคือหลายคนรู้แค่ว่าพี่เปลี่ยนเลขาฯ แล้วแต่พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็ถือเสียว่าไปแนะนำตัวเองละกัน"
"ค่ะ สิบโมงครึ่งใช่ไหมคะ"
"อืม เดินไปนะ เดินบนทางลอยฟ้านี่แหละ และถ้าจันทร์ไม่มีงานด่วน หรืองานไหนที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จภายในวันนี้พี่ก็จะพาเราไปที่ศูนย์บริการด้วย ไปดูขั้นตอนการทำงานจริงเวลาที่มีสินค้าส่งซ่อม จะได้รู้ว่าเขาทำกันยังไงบ้าง"
จันทร์เจ้าทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจได้
"คิดว่าไม่มีนะคะ ไปวันนี้เลยก็ได้"
ชินดนัยยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้าให้ "งั้นก็ตามนั้น สิบโมงครึ่งเข้ามาเตือนพี่อีกทีละกัน เผื่อพี่มัวแต่ทำนั่นทำนี่จนลืมเวลา"
"ค่ะ ขอตัวนะคะ" พูดจบจันทร์เจ้าก็หันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปโดยมีสายตาเจ้าเล่ห์ของผู้เป็นนายมองตามหลังไปตลอดจนกระทั่งประตูปิดลงเขาจึงละสายตาออกมา
ชินดนัยยิ้มกว้างเมื่อในที่สุดกวางน้อยก็ตกหลุมที่เขาดักไว้จนได้
"ไว้ไปวันหลังละกันนะหนูจันทร์ ศูนย์บริการน่ะ"
เรื่องอะไรเขาจะไปวันเดียวกันหมด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีโอกาสได้อยู่กับเธอแค่สองคน ฉะนั้นเขาจึงต้องทยอยพาจันทร์เจ้าไปตรงนั้นตรงนี้วันละที่ก็พอ
เขาไม่เคยพาเลขานุการส่วนตัวไปแนะนำตัวเองกับผู้จัดการสาขาอย่างที่กำลังจะพาจันทร์เจ้าไปวันนี้ เพราะตามหลักแล้วไม่ใช่หน้าที่ของผู้บริหารอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย เลขาฯ คนเก่าอย่างพริมา เขาก็เซ็นเอกสารแนะนำตัวให้แค่นั้น แล้วให้เจ้าตัวเดินทางไปเอง แต่เพราะนี่คือจันทร์เจ้า แม้จะมีเวลาแค่เล็กน้อยเขาก็ต้องการใช้กับเธอให้คุ้มค่าที่สุด
เมื่อถึงเวลานัดจันทร์เจ้าก็เดินไปเคาะห้องท่านประธานตามคำสั่งของเขา ครั้นพอได้ยินเสียงเจ้าของห้องอนุญาตเธอจึงเปิดประตูเข้าไป แต่ก็พบว่าเขายืนตรงหน้าประตูอยู่ก่อนแล้ว
"พร้อมแล้วใช่ไหม งั้นเราไปกันเถอะ" เสียงทุ้มของเขาฟังดูก็รู้ว่ากำลังอารมณ์ดีอย่างที่สุด
"ค่ะ" หญิงสาวรับคำสั้น ๆ ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเองเพื่อหยิบกระเป๋าสะพาย จากนั้นจึงเดินตามเขาไปหน้าลิฟต์ เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูลิฟต์เปิดออก ตามมาด้วยผู้หญิงวัยกลางคนในชุดทำงานดูภูมิฐานคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมหญิงสาวหน้าตาสะสวยรูปร่างดีในชุดเดรสเข้ารูปสีดำ
"อุ๊ย! เจอพี่ชินพอดีเลยค่ะคุณแม่ พี่ชินคะสวัสดีค่ะ"
หญิงสาวคนนั้นฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับยกมือไหว้ชินดนัย แววตาที่มองชายหนุ่มเต็มไปด้วยความชื่นชอบหลงใหล ซึ่งจันทร์เจ้าเห็นแล้วก็เข้าใจได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คงแอบรักเจ้านายตนอยู่แน่
"สวัสดีครับคุณน้า สวัสดีครับน้องเกรซ" ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้อาวุโสก่อน จากนั้นก็หันไปพยักหน้าให้คนอ่อนวัยกว่า
"อ้าวตาชิน จะไปไหนล่ะ วันนี้น้าพาน้องเกรซมาคุยกับเราด้วยนะเรื่องตำแหน่งเลขาฯ ส่วนตัวของเราที่ยังว่างอยู่ ดูสิเนี่ย พอลูกสาวน้ารู้ว่าเรากำลังหาเลขาฯ คนใหม่ น้องก็รีบบินกลับจากทริปทัวร์ยุโรปกับเพื่อนเพื่อมาสมัครงานกับเราทันทีเลย"
หญิงวัยกลางคนคนนั้นปรายตามองจันทร์เจ้าเพียงเล็กน้อยแล้วก็ไม่สนใจอีก แต่หญิงสาวที่มาด้วยกันกลับจ้องจันทร์เจ้าเขม็งด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด คราแรกจันทร์เจ้างุนงงไม่น้อยเพราะมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายมาก่อน ทว่าพอสังเกตดี ๆ แล้วก็เข้าใจทันทีว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงชักสีหน้าใส่ตน
"ผมต้องขอโทษคุณน้าด้วยนะครับเพราะผมรับเลขาฯ ใหม่มาแล้ว"
ชินดนัยหันไปหาหญิงสาวที่ยืนเยื้องไปทางด้านหลังตนเล็กน้อยแล้วแนะนำเธอให้ทั้งสองคนได้รู้จัก
"นี่จันทร์เจ้าครับ เลขาฯ คนใหม่ของผม คุณจันทร์ครับ นี่คือคุณรัมภา เคยทำงานที่นี่ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบัญชีสมัยที่คุณพ่อผมยังบริหารอยู่น่ะ ส่วนนี่คุณระรินดา หรือคุณเกรซ เป็นลูกสาวของคุณรัมภา"
ชินดนัยแนะนำทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นทางการ เขาจงใจไม่บอกจันทร์เจ้าว่ารัมภากับระรินดาเป็นญาติห่าง ๆ ของเขาเพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจสองคนนั้นมากเกินไป และจันทร์เจ้าก็ทำได้ดี เพราะเธอแค่ยกมือไหว้ทั้งคู่ตามมารยาทเท่านั้น ไม่ได้มีท่าทีนอบน้อมให้อีกฝ่ายแต่ก็ไม่ดูเย่อหยิ่งจองหองจนเกินไป
เขาไม่ค่อยชอบสองแม่ลูกคู่นี้เท่าไรนัก ตอนที่รัมภายังทำงานกับบิดาของเขาก็ชอบทำตัวเจ้ายศเจ้าอย่าง ในหนึ่งอาทิตย์มาทำงานแค่วันสองวัน ชอบชี้นิ้วสั่งพนักงานคนอื่นให้ทำงานส่วนตัว หรือเรื่องอื่นที่นอกเหนือไปจากงานที่รับผิดชอบอยู่เป็นประจำโดยถือตัวว่าตนเป็นญาติกับเจ้าของบริษัท ขณะที่บิดาของเขาก็น้ำท่วมปากพูดอะไรมากไม่ได้นอกจากทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
พอเขามารับหน้าที่แทนบิดา เขาจึงหาทางบีบให้อีกฝ่ายเกษียณตัวเองออกไปด้วยการนำระบบบัญชีสมัยใหม่เข้ามาใช้กับบริษัท รวมถึงปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานขององค์กรใหม่ทั้งหมดเพื่อลดขั้นตอนยุ่งยากของระบบเก่าที่ล้าหลังเป็นเต่าล้านปี ซึ่งแน่นอนว่ารัมภารับกับระบบใหม่ไม่ได้จึงลาออกจากบริษัทไปด้วยตัวเอง
แต่ดูเหมือนรัมภาจะยังไม่ยอมวางมือจากบริษัทนี้เสียทีเดียว เพราะเจ้าตัวพยายามยัดเยียดบุตรสาวมาให้เขาทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเขาไม่ชอบเอาเสียเลย
"อะไรกัน จะรับเลขาฯ ทั้งคนทำไมไม่ปรึกษาน้าก่อนล่ะตาชิน เดี๋ยวก็ไปคว้าใครที่ไหนมาก็ไม่รู้เหมือนคราวที่แล้วอีก ทำงานไม่ได้เรื่องได้ราว ดีแต่แต่งตัวโป๊ส่งสายตายั่วยวนผู้ชายไปทั่ว"
"ผมเป็นผู้บริหารของที่นี่นะครับคุณน้า ดูแลพนักงานตั้งหลายสิบชีวิต แค่เรื่องเลือกเลขาฯ ผมทำเองได้ครับไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณน้าเลย เลขาฯ คนเก่าผมไม่ได้เป็นคนเลือก ฝ่ายบุคคลเขาเลือกมาให้ผม แต่สำหรับคุณจันทร์เจ้า ผมเป็นคนคัดเลือกด้วยตัวเองครับ เพราะฉะนั้นผมค่อนข้างมั่นใจสายตาของผมว่าเลือกคนไม่ผิด"
พูดจบเขาก็หันไปมองหน้าเลขานุการส่วนตัวด้วยหวังว่าหญิงสาวจะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ ครั้นพอหันไปมองสองแม่ลูกคู่นั้นอีกครั้ง จึงเห็นว่ารัมภาชักสีหน้าไม่พอใจที่ถูกเขาตอกกลับนิ่ม ๆ อย่างเห็นได้ชัด ส่วนระรินดานั้นเอาแต่จ้องเขม็งไปทางจันทร์เจ้าราวกับโกรธเกลียดกันมาแต่ชาติปางไหน
"ผมกับเลขาฯ มีธุระด่วนต้องไปข้างนอก ขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวจะไปไม่ทัน"
ชายหนุ่มกดปุ่มเรียกลิฟต์ทันทีโดยไม่สนใจว่าสองคนนั้นจะทำหน้าอย่างไร เมื่อลิฟต์เปิดออกเขาจึงเบี่ยงตัวให้จันทร์เจ้าเดินเข้าไปก่อน จากนั้นตัวเองค่อยตามเข้าไปทีหลังแล้วกดปุ่มปิดลิฟต์
เมื่อได้อยู่ตามลำพังชินดนัยก็ถามจันทร์เจ้าถึงเรื่องที่เขาสงสัยทันที
"หนูจันทร์รู้จักเกรซมาก่อนหรือ"
"เปล่าค่ะ ไม่รู้จัก ไม่เคยเจอกันเลยด้วยซ้ำ" เธอหันมาตอบเขา
"อ้าว แล้วทำไม..." เขาอดสงสัยไม่ได้ ถ้าไม่เคยรู้จักกันแล้วทำไมระรินดาถึงได้ทำกิริยาอย่างนั้นใส่เธอ และดูเหมือนจันทร์เจ้าก็เข้าใจว่าเขาสงสัยเรื่องไหน เธอจึงเฉลยให้เขารู้
"วันนี้ฉันกับคุณเกรซใส่ชุดเหมือนกัน ยี่ห้อเดียวกันค่ะ ต่างแค่สีเท่านั้นเอง" เธอตอบพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ขณะที่คนฟังอย่างเขาได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ
"พวกผู้หญิงนี่บางทีก็มีเรื่องเขม่นกันแปลก ๆ เนอะ"
