บทที่ 2 ตอนที่2
สวัสดีครับ ผมชื่อแทนคุณ ธนาธิป กิจโภชัยหรือนามสกุลเดิมของผมคือโรจน์จนาชน ครอบครัวของผมและชีวิตของผมเคยอยู่อย่างสุขสบายแต่ถามว่าผมชอบชีวิตแบบนั้นไหม คำตอบคือไม่เลยครับ ผมชอบชีวิตที่ธรรมดาๆมากกว่าไม่ต้องรวยเกินไปไม่ต้องมีหน้ามีตาในสังคม ตอนนี้ผมกำลังทำงานและดำรงตำแหน่ง นายแพทย์สูตินารีเวช อยู่ภายในโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งของเอกชนโรงพยาบาลQ ตอนนี้ผมอยู่ตัวคนเดียวไม่สิ ผมอยู่ตัวคนเดียวมา20ปีแล้วหนิครับ ครอบครัวของผมเสียทุกคนผมเองก็ด้วย ผมไม่เหลือใครเลยในชีวิตของผมทั้งคุณพ่อคุณแม่พี่สาวพี่ชายผมไม่เหลือใครเลย แต่ครอบครัวของผมจะต้องไม่ตายฟรี ใครที่ทำกับครอบครัวผม ผมสัญญา ผมจะเอาพวกมันมาลงโทษให้ได้!!!!!!
20:30น.
“เดี๋ยวครับ!”เสียงผู้ชายเอ่ยขึ้นจากทางข้างหลังผม ผมจึงต้องหยุดฝีเท้าลงและหันไปมองเสียงนั้นทันที ก็พบกับชายวัยกลางคนแต่งตัวดูภูมิฐานน่าจะมีฐานะข้างกายเขามีนักศึกษาชายสวมเครื่องแบบมหาลัยของเอกชนชื่อดังทั้งคู่กำลังยืนยิ้มมาให้ผมอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีครับ คุณหมอแทนใช่ไหมครับ?”ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเขาโค้งหัวให้ผม ผมจึงโค้งหัวให้เขาคืนเพื่อทำความเคารพกัน
“สวัสดีครับ ผมหมอแทนครับ”ผมตอบเขาไปด้วยนำ้เสียงเป็นมิตร
“สวัสดีครับคุณหมอแทน”ชายในชุดนักศึกษาเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ผม
“สวัสดีครับ”ผมยกมือขึ้นรับไหว้เขา
“พอดีลูกชายผมจะมาฝึกงานที่นี้ ผมขอฝากให้คุณหมอแทนดูแลลูกชายของผมด้วยนะครับ”ชายวัยกลางคนพูดเปิดประเด็นทันที ผมก็หันหน้ากับไปมองเด็กหนุ่มที่แต่งตัวเรียบร้อยน่าจะเรียนเก่งน่าดูถึงขั้นสอบติดหมอที่โรงพยาบาลนี้
“ยินดีครับ^_^”ผมเดินเข้าไปยื่นมือตรงหน้าของชายวัยกลางคนและเอ่ยขึ้น เขาหันไปยิ้มให้ลูกชายของเขาทั้วคู่มองดีใจ
“ขอบคุณครับ^_^”ชายวัยกลางคนยื่นมือมาจับมือของผมและเอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงดีใจ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”ผมเอ่ยขึ้น ทำให้สองคนพ่อลูกที่หันไปยิ้มให้กันคนเป็นพ่อตบบ่าลูกชายด้วยความภาคภูมิใจ ภาพนี้ทำให้ผมนึกถึงพ่อของผม ถึงผมกับท่านจะไม่ค่อยพูดกันแต่ผมก็รักและเคารพท่านเสมอมา
“ครับขอบคุณครับ!!”ทั้งคู่ผสานเสียงตอบกันมาพร้อมกันพลางโค้งตัวลงผมก็โค้งตัวกลับไปให้เขาสองคนและหันหลังเดินออกมา มุ่งหน้าไปยังห้องทำงานส่วนตัวของผมที่อยู่ชั้น5ของโรงพยาบาล
“เชี้ย!น่ารักสัดดดดด”เสียงคนไข้ผู้ชายสองคนเดินเช้ามาในลิฟต์ตัวเดียวกับผมและสองคนนั้นก็เอ่ยพูดขึ้น อะไรของเด็กพวกนี้ พูดคำด่าคำ
“เนอะๆๆอยากได้เป็นแฟนแต่ไม่กล้าจีบว่ะ”
“ทำไมว่ะ?”
“เพราะน้องเขาน่ารักเกินไปไม่เหมาะกับผู้ชายหน้าตาเหี้ยๆอย่างกูหรอก!”
“เอ่อใช่ๆฮ่าๆๆๆ”เด็กหนุ่มสองคนวัยประมานยี่สิบต้นๆน่าจะใช่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้สนใจผมที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิด
ติ๋งง
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดผมก็เดินออกมาจากลิฟต์ทันทีมุ่งหน้าไปเก็บของที่ห้องทำงานของผมเพื่อจะไปสนามแข่งรถในคำ่คืนนี้
“เห้ยๆๆๆไอแทนๆๆ!”ทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้องทำงานของผมก็เจอหน้าไอ้นอฟเพื่อนซี้คู่เวรคู่กรรมของผมที่มันถือวิสาสะนั่งบนเก้าอี้ทำงานของผม
“อะไร?”ผมเอ่ยถามมันไปพลางถอดเสื้อกาวน์สีขาวออกเพื่อจะแขวนไว้บนที่แขวนอย่างเรียบร้อย
พรึบ
“อะไรว่ะน่ะ?”ไอนอฟเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่ดีๆก็มีกระดาษสีขาวร่วงลงจากกระเป๋าเสื้อกาวน์ของผมตกสู่พื้นอย่างสวยงาม
“เห้ย!ไอ้ห่าหนิจะแอบไปกินเด็กอีกล่ะ!!!”ไอนอฟเมื่อมันก้มลงไปหยิบกระดาษสีเหลี่ยมสีขาวขึ้นมาและมันรู้ว่าเป็นเบอร์ห้องพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ของผู้หญิงเด็กนักศึกษาก็เอ่ยขึ้นอย่างเสียงดัง ผมจึงส่ายศีรษะไปมาด้วยความระอาเพื่อนตัวเอง
“มึงรีบขนาดนั้นเลย อดอยากปากแห้งมากเหรอมึงอ่ะ กูเห็นไม่กลับห้องสักกะวัน!!”ไอนอฟโวยวายขึ้นอีกเมื่อผมรีบเก็บเอกสารงานสรุปผลตรวจของคนไข้ลงกระเป๋าถือสีดำ ที่ผมรีบผมมีแข่งรถสามทุ่มครึ่งกว่าจะไปสนามแข่งก็เกือบๆจะครึ่งชั่วโมงไม่ให้รีบได้ไง
“เห้ย!นี่กูเพื่อนมึงน่ะ นี่เพื่อนมึงไงมึงเป็นใบ้เหรอว่ะ ช่วยตอบให้กูชื่นใจหน่อยเถอะ”ไอนอฟโอดครวญขึ้นอย่างน่ารำคาญผมจึงหันไปมองหน้ามันด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรำคาญสุดๆของผม ไอนอฟจึงเงียบและยกมือขึ้นมาทำท่ารูดซิปปากตัวเอง
“กูมีแข่งรถจบป่ะ!”ผมบอกมันและถือกระเป๋าเดินออกมาจากห้องทำงานอย่างไว เวลาประชุมกินเวลาของผมไปมาก ประชุมแต่เรื่องเดิมๆผมว่าเป็นหมอท่าใจไม่รักจริง ทำไม่ได้เด็ดขาดครับ!
“กูไปด้วยยยยยยยย”เสียงร้องตะโกนเหมือนเด็กน้อยร้องตามพ่อแม่ดังมาจากข้างหลังผม ผมจึงกรอกตามองบนอย่างปลงๆกับความปัญญาอ่อนของเพื่อนตัวเอง แต่ผมก็ได้มันนี้แหละที่คอยช่วยเหลือผมและพ่อของมันก็มีพระคุณกับผมมาก ถ้าไม่มีพ่อดำรงคงไม่มีหมอแทนคุณในวันนี้ ผมคงจะเป็นบุคคลที่ตายไปแล้ว และทุกคนก็คิดว่าผมนั้นตายไปแล้วจริงๆ เพราะผู้ชายคนนั้นคนเดียวที่ทำให้ผมสูญเสียทุกอย่างไปแม้กระทั่งครอบครัวของผมเองและแม้กระทั่งผู้หญิงที่ผมรัก เจ้าสัว จักรภัทร และสักวันผมจะทำให้มันได้รู้ถึงความเจ็บปวดแบบที่ผมได้รับเช่นกัน
