บทที่ 4 ตอนที่4

อายุ18ปีค่ะ กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปลายโรงเรียนนานาชาติQ ฉันเป็นลูกคนสุดท้องน้องคนสุดท้ายค่ะคริๆที่จริงคุณแม่กับคุณพ่อมีลูกสองคน คนโตเป็นผู้ชายชื่อเจ้าชาย นาย อัธพัตฒ์ ราชนาโยวงศ์ติชัยอายุ20ปี พี่ชายของฉันอายุมากกว่าฉันสองปีค่ะ และตอนนี้เขาก็เรียนมหาลัยแล้ว มหาลัยของคุณพ่อฉันนะคะอยู่ปีสองคณะแพทยศาสตร์ พี่ชายฉันอยากเป็นคุณหมอเหมือนคุณแม่ของฉัน คุณแม่ของฉันท่านเองก็เป็นคุณหมอประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนJS หรือโรงพยาบาลของคุณพ่อของฉันนั่นเองแหละค่ะ ส่วนตัวของฉัน ฉันตั้งใจจะเรียนคณะบริหารธุรกิจค่ะ เพราะฉันเป็นคนกลัวเลือดมากเห็นเลือดไม่ได้เลย เห็นแล้วมือไม้อ่อนจะเป็นลมค่ะ ฉันก็เลยเลือกที่จะเรียนคณะบริหารธุรกิจเพื่อเอามาช่วยคุณพ่อบริหารธุรกิจของคุณพ่อ

วันต่อมา

คฤหาสน์ราชนาโยวงศ์ติชัย

7:00น.

“เจ้าหญิงครับ”เสียงนุ่มละมุนของพี่ชายเอ่ยเรียกฉันขึ้นจากทางข้างหลัง ฉันที่กำลังนั่งทานข้าวต้มอยู่ต้องละสายตาจากชามข้าวต้มไปมองเขา พี่ชายสวมเสื้อนิสิตสีขาวสะอาดตาผูกเนคไทสีดำอย่่ทงเรียบร้อยตามด้วยกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำรัดรูปทำให้พี่ชายของฉันดูดีขึ้นมาเป็นกอง จากปกติเขาก็หล่ออยู่แล้วยิ่งทำให้เขาดูดีขึ้นมากไปอีก

“ขาพี่ชาย^_^”ฉันขานรับพี่ชาย พี่ชายเดินยิ้มร่าเริงเข้ามาหาฉันและนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆฉัน

“พี่ดีใจจังที่จะได้ไปรับไปส่งน้องอีก^_^”พี่ชายเอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงดีใจและยื่นมือมาลูบผมฉันอย่างเอ็นดู ฉันก็ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าก้มตาเพื่อทานข้าวต้มต่อ เพราะฉันจะต้องไปโรงเรียนวันนี้โรงเรียนของฉันเพิ่งจะเปิดเทอมเป็นวันแรกหลังจากที่หยุดช่วงซัมเมอร์ไป ที่พี่ชายบอกว่าพี่ดีใจที่จะได้ไปส่งฉันที่โรงเรียนอีกครั้งก็คือเมื่อปลายเดือนก่อนพี่ชายพาฉันขับรถสปอร์ตด้วยความเร็วเกินทำให้โดนตำรวจเรียกหาผู้ปกครอง คุณแม่ตกใจและเป็นห่วงฉันมาก ท่านจึงไม่อนุญาตให้พี่ชายไปรับไปส่งฉันไปโรงเรียนอีกเป็นอันขาด แต่พี่ชายไปอ้อนวอนขอร้องคุณแม่ท่าไหนไม่รู้ท่านถึงอนุญาตให้ไปรับไปส่งฉันได้เหมือนเดิม

“น้องหญิงของพี่ยิ่งโตยิ่งน่ารัก พี่ชักจะอยากให้คุณพ่อย้ายน้องกลับไปเรียนโรงเรียนหญิงล้วนอีกซะแล้วสิ”พี่ชายแขนขึ้นมากอดอกพลางเอ่ยบอกฉัน ฉันก็ขมวดคิ้วงุนงงใส่เขา

“ไม่เอานะคะพี่ชาย น้องหญิงไม่อยากห่างจากคุณพ่อคุณแม่อีกแล้ว”ฉันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงงอแงเพราะโรงเรียนประจำที่คุณพ่อกับพี่ชายส่งฉันไปอยู่มันอยู่ต่างจังหวัดถึงโรงเรียนนั่นไม่มีผู้ชายกเลยสักคนแม้กระทั่งภารโรงยังเป็นผู้หญิงเลย ฉันร้องไห้คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกวันและดูเหมือนคุณพ่อกับคุณแม่และพี่ชายเองก็คิดถึงฉันพวกท่านจึงไปรับฉันกลับ ทำให้ฉันเรียนโรงเรียนนั่นได้แค่มัธยมต้นแค่นั่นเอง

“ได้เวลาแล้วค่ะเจ้าหญิง”เสียงคุณแม่เอ่ยขัดสนทนาของฉันกับพี่ชาย

“ค่ะคุณแม่”ฉันเอ่ยขึ้นและลุกขึ้นยืนและกำลังจะเก็บชามข้าวต้มแต่ก็โดนป้าพันห้ามไว้ซะก่อน

“แหะๆๆน้องหญิงลืมค่ะ^_^”ฉันหันไปบอกป้าพันและยกมือขึ้นไหว้ท่าน

“สวัสดีนะคะป้าพันน้องหญิงไปโรงเรียนก่อนนะคะ^_^”

“ค่ะคุณหนู^_^”

“ไปครับน้องหญิง^_^”

“ค่ะพี่ชาย^\^”

“กระโปรงสั้นไปรึป่าวลูก?”ทันทีที่ฉันกับพี่ชายเดินออกมาถึงหน้าบ้านก็พบกับคุณแม่และคุณพ่อที่มายืนรอส่งเราทั้งสองคนไปโรงเรียน ฉันก็ก้มมองสำรวจกระโปรงของฉันทีาเป็นเครื่องแบบยูนิฟอร์มของโรงเรียนนานาชาติที่ฉันเรียน เสื้อนักเรียนสีขาวแขนยาวผูกโบว์ลายสก๊อตกับกระโปรงลายสก๊อตเหมือนกันและมีเสื้อสูทของโรงเรียนสีชมพูสวมทับอีกทีแต่ตอนนี้อยู่ที่พี่ขายของฉัน เขาเป็นคนอาสาถือออกมาให้ฉัน

“ไม่หนิคะคุณพ่อ สงสัยเจ้าหญิงสูงขึ้นมั่งคะ”ฉันตอบคุณพ่อไป

“แล้วเสื้อละลูก เสื้อรัดไปรึป่าว?”คุณพ่อยืนกอดอกพิจารณาชุดเครื่องแบบนักเรียนของฉัน

“หนูผิงว่าไม่นะคะท่านเพราะชุดของลูกก็เป็นแบบนี้ทุกปีและท่านเองก็ถามแบบนี้ทุกปี”คุณแม่หันไปเอ่ยบอกคุณพ่อทำให้คุณพ่อของฉันรีบหันไปมองคุณแม่ทันที

“แต่ปีนี้ลูกเป็นสาวแล้วนะหนูผิง”คุณพ่อเอ่ยขึ้น ทำให้คุณแม่บกมือขึ้นมาปิดปากแล้วหัวเราะคิกคัก

“ลูกก็เป็นสาวขึ้นทุกปีนั่นแหละคะท่าน”คุณแม่เอ่ยบอกคุณพ่อ คุณพ่อก็หน้างอใส่คุณแม่ ฉันจึงหันไปมองพี่ชายที่ตอนนี้เขาก็มองฉันเช่นกัน

“พี่ว่าสั้นไปจริงๆนั่นแหละน้องหญิง เอาอย่างนี้ครับคุณพ่อคุณแม่เดี๋ยววันนี้หลังเลิกเรียนผมไปรับน้องและจะพาน้องไปซื้อเครื่องแบบที่ไม่รัดกุมแบบนี้ครับ!”พี่ขายเอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงมั่นใจ ฉันจึงพูดอะไรไม่ได้นอกจากทำตาปริบๆมองคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายที่พากันพิจารณาเสื้อผ้าของฉัน

“เอาแบบนั้นก็ได้ตามชายเลย แต่พ่อขอให้ยาวถึงตาตุ่มน้องไปเลยได้ก็ยิ่งดี”คุณพ่อเอ่ยบอกพี่ชาย นั่นทำให้ฉันหันไปมองคุณแม่ด้วยความตกใจ ที่โรงเรียนของฉันกระโปรงนักเรียนของฉันยาวกว่าเพื่อนแล้วน่ะ

“โอเคครับคุณพ่อ!”พี่ชายเอ่ยขึ้นและเขาก็ก้มหน้ามองนาฬิกาที่ข้อมือของเขา

“ใกล้ได้เวลาแล้วครับน้องหญิง”พี่ชายหันมาบอกฉันฉันก็พยักหน้าเข้าใจและเดินเข้าไปหาคุณพ่อคุณแม่และกอดท่านทั้งสอง

“ตั้งใจเรียนนะลูกรัก”คุณแม่เอ่ยบอกฉัน ฉันก็ยกมือขึ้นไหว้สวัสดีคุณแม่

“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณแม่สวัสดีค่ะคุณพ่อ”ฉันยกมือไหว้สวัสดีคุณพ่อกับคุณแม่

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”พี่ชายเองก็ยกมือไหว้ท่านทั้งสองเช่นกัน

“ขับรถดีๆนะลูก”คุณแม่เอ่ยกำชับพี่ชาย พี่ชายก็ยกมือขึ้นมาทำท่าตะเบ๊ะ

“รับทราบครับคุณหญิงแม่!”พี่ชายเอ่ยขึ้นเสียงดังและหนักแน่นทำให้คุณแม่ยิ้มขำ

“โชคดีลูกทั้งสอง”คุณพ่อเอ่ยขึ้นบ้าง ฉันก็ยิ้มให้ท่านและพยักหน้าให้ท่านเช่นกัน

“น้องหญิงไปก่อนนะคะ”ฉันเอ่ยบอกคุณแม่และโบกมือบ๊ายบายท่าน

“จ้าลูก^_^”คุณแม่ก็ยกมือขึ้นมาบ๊ายบายฉัน ฉันเดินขึ้นรถสปอร์ตราคาเหยียบสิบล้านบาทสีนำ้เงินแดงของพี่ชายโดยที่ทีพี่ขายของฉันเป็นคนเปิดประตูให้

“คาดเบลท์ด้วยครับเจ้าหญิง”พี่ชายหันมาบอกฉัน ฉันจึงมองหน้าพี่ชายอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ไหนพี่ชายบอกว่าจะไม่ขับเร็วยังไงละคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่ชายไปและก็เอื้อมมือไปจับสายเบลท์มาคาดรัดตัวให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัย พี่ชายหันมายิ้มให้ฉัน

“ไม่เร็วครับพี่สัญญา^-^”พี่ชายเอ่ยบอกฉันและเขาก็ค่อยๆขับรถออกมาจากบ้านคุณพ่ออย่างช้าๆตามที่เขาพูด แต่พอพ้นรั้วบ้านคุณพ่อพ้นสายตาคุณแม่เท่านั้นแหละ

“กรี๊ดดดดดดดดพี่ชายยยยยยย”ฉันกรี๊ดร้องด้วยความกลัวเมื่อพี่ชายเหยียบคันเร่งมิดและใส่เกียร์อย่างแรงเหมือนในหนังเดอะฟาสยังไงยังงั้น แต่นี้มันคือชีวิตจริงน่ะพี่ชายไม่ใช่ในหนัง น้องหญิงจะตายไหมคะ?

บทก่อนหน้า
บทถัดไป