บทที่ 4 ต้องจำไปตลอดชีวิต

“น้องเฟส!” ลูกชายของผมนอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้าผม

ผมทรุดตัวลงไปหาลูกชาย แต่ไม่กล้ายกขึ้นเพราะกลัวมันจะพลาด

“มีใครเรียกรถโรงบาลหรือยัง!” ผมตะโกนถามพวกที่เอาแต่ยืนดูเหตุการณ์ก่อนหน้า

“เราเรียกให้แล้วค่ะ” มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตอบแทนกลับมา

“ใครขับรถชนลูกกู!” พอรู้ว่ามีคนเรียกรถโรงบาลมาแล้วบวกกับผมยังแตะลูกไม่ได้ ผมก็หันมาหาคนที่มันเป็นคนขับรถชนลูกผมทันที

“เอ่อ...” มีผู้ชายคนหนึ่งมีท่าทีอึกอัก มีพิรุธ ผมเลยตรงไปหามันทันที

“มึงใช่ไหมที่ขับชนลูกกู มึงขับรถประสาอะไร!” ผมกระชากคอเสื้อมันมาถามด้วยความโมโห

“ผะ...ผมไม่ได้ตั้งใจ” มันตอบกลับมาเสียงสั่นๆ แต่ไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอวะ

“ไม่ได้ตั้งใจ แล้วลูกกูเป็นแบบนี้ได้ยังไง!” นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจ แล้วถ้าตั้งใจล่ะ

“กะ..ก็ผู้หญิงคนนั้นผลักเด็กออกมา ผะ...ผมเบรกไม่ทัน” มันตอบพร้อมชี้ไปที่ผู้หญิงคนหนึ่ง

ผมหันตามไปก็พบว่าเป็นผู้หญิงที่ยืนช็อกอยู่ก่อนหน้านี้ ผมจึงผลักไอ้ผู้ชายคนนี้แล้วเดินไปหาผู้หญิงคนนั้น

“เธอทำลูกฉันทำไม!” ผมบีบไหล่เธอทั้งสองข้างอย่างแรงแล้วถามเธอออกไป

“ฉันไม่ได้ทำ” ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมาเสียงเรียบ แต่ใบหน้าซีดและมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ได้ทำแล้วทำไมลูกฉันถูกรถชน ห๊ะ!” ลูกผมก็เล่นอยู่ข้างในร้านดีๆ แต่อยู่ๆ แกจะออกมาเล่นข้างนอกทำไมกัน

“ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ทำไง” เธอยังคงแก้ตัวให้กับตัวเองอยู่ แต่ใครจะไปเชื่อในเมื่อไอ้คนขับรถมันเห็น

“ถ้าเธอไม่ได้ทำแล้วผู้ชายคนนั้นจะบอกว่าเธอทำทำไมกัน!” ถ้าไม่มีมูลหมามันไม่ขี้หรอก

“แล้วคุณดูลูกยังไงให้ออกมาเล่นข้างทางคนเดียวแบบนี้ ฉันบอกว่าไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ!” เธอยังเถียงกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้

“นายครับ รถโรงบาลมาแล้วครับ” เสือตะโกนบอกผม ทำให้ผมที่กำลังจะเอาผิดกับเธอต้องหยุด ตอนนี้ลูกผมสำคัญที่สุด

“สืบประวัติผู้หญิงคนนี้ให้ฉันให้เร็วที่สุด!” ผมหันไปบอกเสือก่อนจะวิ่งขึ้นรถโรงบาลตามลูกไป แต่ไม่ลืมสั่งให้เสือจัดการหาประวัติของเธอ

ตอนนี้ผมได้แต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉิน ตั้งแต่ที่ลูกผมเข้าไปในนั้นตอนนี้มันกินเวลามานานแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาสักคน

พลั่ก!!!

เสียงประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกมาพร้อมกับไอ้ไอซ์เพื่อนของผมเอง แต่สีหน้าของมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ ผมรีบพุ่งตัวไปหามันทันที

“ไอ้หมอ ลูกกูเป็นยังไงบ้าง” ผมถามหมอออกไปอย่างร้อนรน ต่างจากไอ้ไอซ์ที่มีท่าทางไม่น่าไว้ใจ

“มึงทำใจดีๆ ก่อนนะ” ไอ้ไอซ์พูดกับผมออกมาอย่างลำบากใจ

“มึงรีบบอกกูมา” ผมถามออกไปเสียงเบา

“ร่างกายของน้องเฟสได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง ด้วยความที่แกยังเด็กทำให้อวัยวะภายในที่ถูกแรงกระแทกได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก” แล้วลูกผมจะทรมานแค่ไหนกันนะ

“มึงพูดตรงๆ ดิวะ ไม่ต้องหลักการ!” ผมบอกออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

“คืออาการน้องเฟสตอนนี้ยังหน้าเป็นห่วง น้องเฟสต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และอยู่ในความดูแลของแพทย์ตลอดเวลา” คำตอบของไอ้ไอซ์มันทำอะไรไม่ถูก เหมือนถูกฟ้าผ่าลงมากลางหัวใจ

“.....” มือผมที่จับไหล่ไอ้หมออยู่ร่วงลงมา ตอนนี้มันหมดแรงไปหมด

“มึงไปพักก่อนดีกว่าไหม” ไอ้ไอซ์ถามผมอย่างเป็นห่วง

“ไม่ กูอยากไปดูลูก” ผมตอบกลับมันไปเสียงเบาอย่างอ่อนแรง

“อืม” ไอ้ไอซ์บอกแล้วพาผมไปเปลี่ยนชุด เพื่อเข้าไปดูลูกข้างใน จริงๆ ก็เข้าไม่ได้หรอกครับ แต่เพราะไอ้ไอซ์มันเป็นคนพาเข้าไงเลยไม่มีปัญหา

ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมถึงกับน้ำตาแทบร่วงออกมา สายอะไรก็ไม่รู้อยู่เต็มลูกผมไปหมด น้องเฟสตัวแค่นี้เองแล้วจะเจ็บแค่ไหน ลูกจะทรมานแค่ไหน

“พ่อขอโทษที่ดูแลลูกไม่ดี” ผมพูดออกไป มันเป็นความผิดของผมเองที่ผมปล่อยลูกไว้แล้วมัวแต่สนใจงาน

“.....” ไอ้ไอซ์ยื่นมือมาตบบ่าผมอย่างต้องการให้กำลังใจ

“หนูเจ็บมากไหมลูก”

ผมถามน้องเฟสไปถึงแม้จะรู้ว่าไม่มีคำตอบใดๆ

“ไม่ต้องห่วงนะลูก พ่อจะเอาคนที่มันทำหนูเจ็บมารับโทษให้ได้” ผมให้คำสัญญากับลูกออกไป คนที่มันทำลูกผมเจ็บมันต้องเจ็บกว่าเป็นร้อยเท่า

“ที่คุณพายุให้ผมสืบมาครับ” เสือยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผม ผมเปิดดูอย่างไม่รอช้า

“นางสาวรวงข้าว บุญธำรงค์...” ผมนั่งอ่านประวัติของผู้หญิงคนนั้นจนหมด

“เธอเคยมาสมัครงานที่บริษัทเราแต่ไม่ผ่านสัมภาษณ์ครับ” เสือบอกผม และผมก็จำเธอได้แล้ว เด็กที่ว่าผมทัศนคติแคบ มิน่าล่ะถึงว่าหน้าคุ้นๆ

“แล้วกล้องวงจรปิดล่ะ ไปดูมาหรือยัง”

“ครับ แต่ตรงที่เกิดเหตุเป็นมุมที่กล้องของทางร้านกาแฟและละแวกนั้นไม่อยู่ในองศาที่เกิดเรื่อง ทำให้เราไม่เห็นเหตุการณ์ตอนเกิดเรื่องครับ” ไม่รู้ว่าเป็นโชคร้ายของผมหรือโชคร้ายของผู้หญิงคนนั้นกันแน่ที่ซวยไม่มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติม

“.....” ในเมื่อไม่มีหลักฐานเพิ่มเติม ผมก็ต้องเชื่อในหลักฐานที่ผมมีอยู่แล้ว คือสิ่งที่ชายคนนั้นพูด

“คุณพายุจะเอายังไงต่อครับ” เสือถามผมเมื่อเห็นผมเงียบไป

“ส่งคนไปสั่งสอนไอ้คนที่ขับรถชนลูกฉันให้มันไม่กล้าขับรถไปอีกทั้งชีวิต ส่วนผู้หญิงคนนั้นจับตัวเธอไปไว้ที่เกาะให้เร็วที่สุดฉันจะเป็นคนไปคิดบัญชีกับเธอเอง!” ผมสั่งเสือออกไป

ไม่ว่ายังไงพวกมันสองคนก็ต้องได้รับโทษที่ทำให้ลูกผมต้องเป็นแบบนี้ และจะต้องได้รับโทษที่ทำให้ต้องจำไปตลอดชีวิตด้วย

“ครับ” เสือรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไปทำในสิ่งที่ผมสั่ง

“พวกมึงจะต้องเจ็บกว่าที่ลูกกูต้องเจ็บ...”

“พี่ขอโทษนะเบล พี่ดูแลลูกไม่ดีพอ” ผมพูดพร้อมกับเอามือไปลูบที่รูปของเบลที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะทำงานของผม

น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เท่าที่ผมจำได้ผมเสียน้ำตาครั้งสุดท้ายก็เมื่อสามปีที่แล้ว ตอนที่เบลจากผมไป แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่เคยเสียน้ำตาอีกเลย แต่ครั้งนี้ผมไม่ไหวจริงๆ ลูกผมต้องอยู่ในสภาพนี้ ผมสงสารแก ถ้าเลือกได้ให้ผมเจ็บแทนแกยังดีกว่า

บทก่อนหน้า
บทถัดไป