บทที่ 6 เจ้าชีวิต

พายุ

หลังจากที่ผมฝากเรื่องของน้องเฟสให้ทอยกับไอ้ไอซ์ดูแล และจัดการลางานกับพี่สายฟ้าเรียบร้อย ผมก็ได้รับรายงานว่าจับตัวผู้หญิงที่ผมต้องการได้แล้ว และวันนี้ผมก็จะไปจัดการกับเธอ ให้เธอได้รู้ว่าความตายทั้งที่ยังหายใจมันรู้สึกยังไง

ผมพาเธอมาที่เกาะส่วนตัวของพ่อเองครับ ถึงที่นี่จะเป็นเกาะส่วนตัวแต่พ่อก็ได้แบ่งอีกส่วนให้ชาวประมงได้อาศัยอยู่กันที่นี่ เมื่อก่อนพวกเค้าอยู่กันที่อื่น แต่ถูกพวกนายทุนไล่ที่เพราะซื้อไปสร้างโรงแรมที่ท่องเที่ยว พ่อก็เลยอนุญาตให้มาอยู่ที่เกาะนี้ของท่าน พูดง่ายๆ ก็เหมือนกับว่ามีคนดูแลเกาะให้ด้วยนั่นแหละ แลกเปลี่ยนกัน

“คุณพาฉันมาที่ไหน” เสียงของผู้หญิงที่ผมจับตัวมาถามขึ้น

ผมจะเล่นเกมส์ประสาทกับเธอก่อน ผมเลือกที่จะมัดแขนและปิดตาเธอเก็บไว้เพื่อไม่ให้เธอได้รู้และเห็นอะไรทั้งนั้น แบบนี้มันน่าสนุกนะ

“ลงไป” ผมไม่ตอบคำถามของเธอ และเดินไปลากเธอมาขอบเรือ ไล่ให้เธอลงเมื่อถึงปลายทาง

“โอ๊ย!” รวงข้าวร้องออกมาเมื่อผมกระชากให้ลุกขึ้น แต่เธอทรงตัวไม่อยู่ ผมหลุบมองขาเธอก็เห็นว่ามันบวมและแดง น่าจะมาจากการล้มตอนที่เสือผลักเธอลงเรือ

แต่แล้วไงใครสน

“ลงไป อย่าสำออย” ผมไม่สนอาการของเธอแล้วจับแขนเธอลากให้ลงเรือ

“แต่ฉันมองไม่เห็น” รวงข้าวตอบและยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ

“ลงไปทั้งแบบนี้แหละ” เมื่อถึงขอบเรือผมก็บอกให้เธอลงไป จะให้ผมลงไปรับเธอคงไม่ใช่แน่นอน

“ฉันไม่กล้า” พูดออกมาเสียงสั่นๆ

“จะอะไรนักหนาวะ!” ผมพูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

“ก็ฉันมองไม่เห็นไม่รู้ว่าต้องทำยังไงนี่” รวงข้าวเถียงกลับมา ผมลืมไปเลยที่เธอจะไม่รู้ เพราะตอนลงเรือมามันมีฝั่งให้กระโดดลงเรือได้ง่ายแล้วที่สำคัญเธอถูกเสือผลักลง ส่วนตอนนี้ถ้าจะลงก็ต้องกระโดดลงไปด้านล่างเองไม่มีบันไดหรืออะไรมารับ สงสัยผมต้องผลักเธอลงไปเหมือนที่เสือทำสินะ

“ไม่เห็นจะยาก ทำแบบนี้ไง” ผมเดินเข้าไปใกล้แล้วพูดเสียงเรียบบอกเธอ

พลั่ก!

“ว๊ายยยย”

ตู้ม! ผมผลักเธอตกลงไปด้านล่าง มันมีน้ำอยู่ถึงมันจะไม่ลึก แต่ก็พอที่จะไม่ทำให้กระดูกเธอหักอ่ะ

“ทีนี้รู้วิธีลงแล้วใช่ไหม” ผมกระโดดลงตามไปแล้วถามเธอขึ้นด้วยความสมเพช

“แค่กๆๆๆ” เธอกระเสือกกระสนลุกและสำลักน้ำออกมา

น่าตลกชะมัด

“ลุกขึ้นแล้วตามมา” ผมบอกเธอก่อนจะเดินนำขึ้นไป แต่ก็ไม่ลืมจะหันมามองเธอ ไม่ได้มองเพราะเป็นห่วงหรอกนะ แต่มองดูว่าเธอทำตามที่ผมสั่งหรือเปล่า และเธอก็ทำ

“.....” เธอพยายามลุกอย่างยากลำบาก แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะได้ไปวะ

“เร็วๆ” ผมเดินกลับไปกระชากเธอให้เดินตามมาอีกครั้ง ที่ยอมกลับมากระชากไม่ได้เป็นห่วงหรอก แต่ถ้ารอให้เธอเดินไปเองไม่รู้ชาติไหนจะถึงสักที

“ให้ผมช่วยไหมครับนาย” ชัยหัวหน้าคนงานที่นี่เดินเข้ามาหาผมแล้วถาม

“ลากผู้หญิงคนนี้ไปที่กระท่อม ห้ามแก้มัดให้เธอ” ผมบอกชัยให้ลากตัวรวงข้าวไปที่กระท่อมของคนงาน แต่เป็นหลังที่ไม่มีคนอยู่ตอนนี้ ซึ่งมันอยู่ห่างจากหลังอื่นๆ พอสมควร

“ครับ” ชัยรับคำก่อนจะรับรวงข้าวไป แต่มันไม่ใช่แบบที่ผมต้องการ

“ไม่ต้องประคบประหงมขนาดนั้น เข้าใจคำว่าลากไหม” ผมบอกชัยอย่างขัดใจ แล้วบอกให้มันเข้าใจคำว่าลาก

“ครับๆ” เมื่อชัยรู้สิ่งที่ผมต้องการก็จัดการกระชากรวงข้าวให้เดินไป

“โอ๊ย!” เสียงรวงข้าวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกชัยกระชากให้เดินตามไป ผมเลยเลี่ยงกลับไปที่บ้านพักตัวเอง

“นายสวัสดีค่ะ” ป้าพรหัวหน้าแม่บ้านที่นี่ท่านเดินมาเรียกผมด้วยความดีใจที่เห็นผม

“สวัสดีครับ” ผมทักป้าพรไปตามมารยาท เพราะแกถือเป็นคนเก่าแก่ของที่นี่เหมือนกัน

“นายจะมากี่วันคะ” ป้าพรถามผม เมื่อก่อนผมพาเบลมาที่นี่บ่อยๆ เพราะเธอชอบ แต่หลังจากเธอไม่อยู่ผมก็ไม่เคยมาอีกเลย

“สักพักครับ” ผมตอบป้าพรไป

“จริงเหรอคะ งั้นไปพักเถอะค่ะมาเหนื่อยๆ” ป้าพรตอบกลับมาอย่างดีใจ ก่อนจะบอกให้ผมไปพัก ผมเลยเดินขึ้นไปด้านบนที่มีห้องนอนของคนในครอบครัวผมอยู่

รวงข้าว

“เธออยู่ที่นี่ไปก่อน” ผู้ชายที่ลากฉันมาจากผู้ชายที่น่าเป็นเจ้านายพูดขึ้นเมื่อมาถึงที่แห่งหนึ่ง หน้าจะเป็นกระท่อมตามที่เจ้านายเค้าสั่ง

“ค่ะ” ฉันตอบกลับไปอย่างจำนน จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหนแล้วไม่รู้จะหนีไปยังไง

“แล้วไปทำอะไรมาล่ะ ถึงถูกนายจับตัวมาแบบนี้” ผู้ชายคนนั้นถามฉันมา

“ฉันก็ยังไม่รู้เลยค่ะ ว่านายพี่เป็นใครแล้วเค้าจับตัวฉันมาทำไม” ใช่จนตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันไปทำอะไรให้เค้า

“ฉันชื่อชัยนะเป็นหัวหน้าคนงานที่นี่ ฉันไปก่อนนะ” คนชัยบอกฉัน ที่ฉันเรียกว่าพี่เพราะเป็นการให้เกียตริคนที่เรายังไม่รู้จักไง

“ฉันรวงข้าว ขอบคุณนะคะ” ฉันแนะนำตัวกลับคืน ก่อนจะขอบคุณพี่ชัย

ที่ต้องขอบคุณนี่ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะตอนที่พี่ชัยพาฉันมาที่นี่เค้าก็กระชากฉันเดินต่อแค่แป๊บเดียวเท่านั้น พอเดินได้สักพักพี่ชัยก็เดินช้าๆ ตอนแรกจะให้ฉันขี่หลังด้วยซ้ำเพราะขาฉันบวมมาก แต่ฉันเกรงใจเลยแค่ให้เดินช้าๆ ก็พอ

ตอนนี้เสียงเงียบแล้ว พี่ชัยน่าจะไปแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่คนเดียว มือก็ยังถูกมัด ตาก็ยังถูกปิด จะมองอะไรก็ไม่เห็น จะหยิบจับอะไรก็ไม่ได้ นี่อย่าบอกนะว่าเค้าจะเอาฉันมาฆ่าทิ้งที่นี่ จะให้ใครช่วยก็คงไม่ได้เพราะที่นี่เป็นที่ของเค้า

“เฮ้อ!” ฉันถอนหายใจออกมา แล้วก็นั่งนิ่งๆ ตอนนี้ขาฉันเจ็บมากเลยแหละแต่ทำอะไรไม่ได้ ตั้งแต่มันบวมฉันก็ต้องเดินไปเดินมา แล้วไหนจะตอนที่ถูกผลักอีก กลายเป็นเหมือนไปซ้ำแผลเดิม ก็ยิ่งหนักไปใหญ่เลย

แกรก! ฉันที่นั่งอยู่ก็ได้ยินเสียงคนดันประตูเข้ามา ฉันเลยหันไปตามเสียงก็

“ใคร!” ฉันถามอย่างร้อนรน

“คนที่สั่งจับตัวเธอมาไง”

“คุณจับฉันมาที่นี่ทำไม” ฉันถามเค้าไปอย่างไม่เข้าใจ อย่างน้อยให้ฉันได้รู้บ้างว่าฉันทำอะไรผิด

“เธอนี่ความจำไม่ดีเอาซะเลยนะ” ผู้ชายคนนั้นพูดออกมา แล้วฉันไปทำอะไรล่ะ ฉันจะไปรู้กับเค้าเหรอ

“คุณต้องการอะไรกันแน่”

“ชีวิตเธอไง” ว่าอะไรนะ! นี่เค้าจะฆ่าฉันจริงๆ เหรอ

“คุณเป็นใคร” ฉันถามออกไป อย่างน้อยให้ฉันได้รู้ว่าเค้าเป็นใครก็ยังดี เผื่อจะคิดออกว่าฉันไปทำอะไรให้เค้า

“เป็นเจ้าชีวิตเธอไง” แล้วสรุปฉันจะได้รู้ไหมล่ะว่าเค้าเป็นใครกันแน่

“ฉันไปทำอะไรให้คุณ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย” ตอนนี้ฉันกลัวมากเลยแหละ แต่ก็ยังพยายามที่จะถามเค้าให้รู้เรื่อง

“ลองคิดดูดีๆ สิ ว่าเธอทำอะไรกับฉัน” ก็ถ้าเห็นหน้าฉันก็อาจจะคิดได้ แต่นี่ไม่เห็นจะให้คิดยังไง

“ฉันไม่เคยทำอะไรให้ใครฉันมั่นใจ” อันนี้ฉันมั่นใจจริงๆ นะ เพราะฉันไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับใครเลย

“ถ้าเธอไม่เคยทำอะไรฉันคงไม่จับเธอมาแบบนี้หรอก” เค้าพูดออกมาเสียงแข็ง ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเค้าทำหน้ายังไง แต่เสียงเค้าดูน่ากลัวมาก

“คุณจะฆ่าฉันเหรอ” ต้องการชีวิตฉันก็มีอย่างเดียวนี่แหละ คือฆ่าฉัน

“ใช่ แต่ไม่ต้องกลัวนะ เพราะฉันไม่ฆ่าให้เธอตายแน่นอน” ไม่ฆ่าให้ตาย

“คุณหมายความว่ายังไง”

“คนเลวๆ อย่างเธอมันไม่เหมาะกับความตายหรอก” นี่เค้าต้องการจะบอกอะไรฉันกันแน่

“ฉันไม่เข้าใจ” ไม่เข้าใจจริงๆ

“หึ! อีกไม่นานเธอก็จะได้เข้าใจแล้วล่ะสาวน้อย” เค้าพูดพร้อมกับไล้มือลงที่ต้นแขนฉัน ฉันบิดสะบัดตัวหนีออกมาอย่างเร็ว

“คุณปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรให้คุณจริงๆ” ฉันยังคงพยายามต่อ เผื่อเค้าจะเห็นใจหรือจำคนผิด

“ไม่ต้องกลัว ไม่นานฉันจะปล่อยเธอแน่”

“ฉันขอร้องนะคะ ปล่อยฉันไปเถอะ” ตอนนี้นอกจากอ้อนวอนก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ

“อย่าเสียเวลาเลย เพราะต่อให้เธอนั่งร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด ฉันก็ไม่ปล่อยเธอ จนกว่าจะได้เห็นเธอทรมาน!” เสียงที่แสนจะเย็นยะเยือกดังออกจากปากเค้า ขนาดไม่ได้เห็นหน้าฉันยังกลัวขนาดนี้ แล้วถ้าเห็นหน้าล่ะ

“ฮึก! ปล่อยฉันเถอะนะคะ ได้โปรด” ฉันไม่ไหวแล้วนะที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แล้วยังต้องถูกมัดมือปิดตาแบบนี้ด้วย มันไม่รู้อะไรสักอย่างเหมือนรอเวลาและลุ้นกับสิ่งที่ต้องเจอตลอดเวลา

“จุ๊ๆๆ เธอกลัวเหรอ” เสียงผู้ชายคนเดิมถามออกมาคำถามที่เหมือนเป็นห่วงแต่น้ำเสียงไม่ต่างจากโรคจิตเลย

“ฉันกลัวแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ” ฉันกลัวจริงๆ ไม่ว่าใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ต้องกลัวเหมือนฉันนั่นแหละ

“กลัวเหรอ งั้นเอาคนมาปลอบไหมล่ะ จะเอาหนึ่ง สอง หรือสามคนดี” ผู้ชายคนนั้นถามฉันกลับมา

“ไม่นะ ฉันไม่เอา ฮึก! อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ” ฉันเข้าใจความหมายของเค้านะ ขอร้องเถอะ อย่าทำอย่างที่พูดเลย ถ้าทำแบบนั้นก็ฆ่าฉันเลยเถอะ

“แต่ฉันเป็นห่วงเธอนี่หน่า ถ้าได้คนมาปลอบเธออาจจะหายกลัวก็ได้” มันจะกลัวมากกว่าเดิมน่ะสิ

“ไม่ ฉันไม่ต้องการ”

“โอเค ฉันไม่พาใครมาก็ได้ งั้นก็อยู่คนเดียวไปนะสาวน้อย” เค้าว่าแล้วก็ลูบหัวฉันแล้วลุกไป

บทก่อนหน้า
บทถัดไป