บทที่ 9 แกล้ง
คลื่น ซ่า คลื่น ซ่า
หลังจากเดินมาได้สักพักฉันก็ได้ยินเสียงน้ำทะเลกระทบฝั่ง และพอเดินต่อมาก็เป็นอย่างที่คิด เค้าพาฉันมาที่หาดที่ในตอนนี้มีคนกำลังพากันทำอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด
“ชัย” เมื่อเดินมาถึงหาด คุณพายุก็เรียกคนชื่อชัย น่าจะเป็นคนเดียวกับพี่ชัยที่ช่วยฉันเมื่อวาน เค้าดูอายุยังไม่มากเลยนะ น่าจะสามสิบต้นๆ แค่นั้นเอง
“นายมีอะไรหรือเปล่าครับ” พี่ชัยวิ่งมาหาคุณพายุแล้วถาม
“พาผู้หญิงคนนี้ไปทำความสะอาดท้องเรือ” คุณพายุตอบกลับไป
“เอ่อแต่นั่นหน้าที่ผู้ชายนะครับ” พี่ชัยตอบกลับ
“แล้วยังไง สอนไปเดี๋ยวก็เป็นเองถ้าไม่ได้โง่เป็นควาย” นี่คือคำตอบที่คุณพายุตอบกลับพี่ชัย
“แต่...” พี่ชัยเหมือนกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ต้องกลืนมันลงคอ
“ฉันสั่ง!” คุณพายุพูดออกไปเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ
“ครับๆ” พี่ชัยรับคำ ก่อนจะเดินนำฉันไป
“เดี๋ยว” คุณพายุเรียกพี่ชัยให้หยุด
“มีอะไรครับ” พี่ชัยถามคุณพายุอย่างต้องการคำตอบ
“จูงเธอไปด้วย” คุณพายุสั่งพร้อมยื่นปลายโซ่ที่ตัวเองถืออยู่ให้พี่ชัย
“.....”
“อ้อแล้วก็ห้ามใครช่วยเธอด้วย” คุณพายุสั่งเสร็จก็เดินไปนั่งใต้ต้นไม่ใกล้ๆ
“ตามมาครับ” พี่ชัยพูดแล้วก็จำใจจูงปลายโซ่ฉันเดินไป นี่คุณพายุเค้าเห็นฉันเป็นสัตว์เลี้ยงหรือยังไงนะ มันมากเกินไปแล้วนะ
ฉันเดินตามพี่ชัยมาที่เรือลำหนึ่งมันค่อนข้างใหญ่เลยแหละ และพี่ชัยก็สอนวิธีการทำความสะอาดให้ฉันไปเรื่อยๆ ฉันก็จำได้บ้างจำไม่ได้บ้าง ก่อนจะลงมือทำตามที่ได้เรียนมาเมื่อกี้
นี่ก็ผ่านไปชั่วโมงกว่าได้แล้วฉันยังทำไม่ถึงครึ่งเลย แดดก็ร้อน หิวก็หิว เท้าก็เจ็บ และที่สำคัญฉันยังป่วยอยู่ไงพอมาทำแบบนี้มันก็เริ่มจะไม่มีแรงหลงเหลืออยู่แล้ว
“พี่ชัย” ฉันที่เริ่มรู้ตัวว่าจะยืนไม่ไหวก็เรียกพี่ชัยที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ครับ...” พี่ชัยตอบแล้วเดินเข้ามาใกล้ฉัน
“ทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะ”
“ข้าว...” ฉันกำลังจะตอบพี่ชัยแต่
“เห้ย!” นั่นคือเสียงสุดท้ายของพี่ชัยที่ฉันได้ยิน
พายุ
“เห้ย!”
ผมที่นั่งพิงต้นไม้อย่างสบายอารมณ์อยู่ก็ได้ยินเสียงของชัยดังขึ้น เลยลืมตามาดู
“นายครับ นาย!” ชัยส่งเสียงเรือกผม ทำให้ผมจำต้องลุกเดินไปหามัน
“อะไร!” ผมตะโกนตอบกลับไป
“รวงข้าวเป็นลมครับ” ชัยบอกผม
“อะไรนะ!” ผมถามกลับ ถึงจะได้ยินคำตอบแล้วก็เถอะ
“รวงข้าวเป็นลมครับ ตัวร้อนมากด้วย” ชัยบอกผม
ตัวปัญหาชัดๆ
“อุ้มไปที่บ้านก่อนไป” ผมสั่งชัยไป
ให้ทำงานแค่นี้ก็เป็นลม แล้วจะทำอะไรได้วะ ผมบ่นแล้วเดินตามชัยที่อุ้มรวงข้าวไปที่บ้าน
“ป้าพร ป้าพร” เมื่อถึงในบ้านผมก็เรียกป้าพรเพื่อให้มาดูแลรวงข้าว
“ตายแล้ว! เกิดอะไรขึ้นคะ” ป้าพรถามอย่างตกใจเมือเห็นสภาพรวงข้าวที่ชัยวางบนโซฟา
“ช่วยดูแลเธอทีครับ” ผมบอกป้าพรไปแค่นั้นก่อนจะนั่งลงโซฟาอีกตัว
“ค่ะๆ” ป้าพรว่าแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างรีบร้อน ส่วนชัยก็ออกไปทำงานต่อแล้ว
ผมนั่งมองร่างเล็กที่นอนอยู่บนโซฟา ตอนนี้หน้าเธอซีดเหมือนกระดาษแต่แก้มก็แดงจากแดดที่โดนมา ตาเธอโตและหวานในเวลาลืมตา ขนตายาวงอน จมูกโด่งรั้นแสดงถึงความดื้อของเธอ ปากทรงกระจับเคยมีสีชมพูสดแต่ตอนนี้ซีดไปแล้ว เธอเป็นคนสวยมากคนหนึ่งเลยแหละ แต่เสียดายจิตใจแย่เกินคน
“มาแล้วค่ะ” ป้าพรที่มาพร้อมกับกาละมังใบเล็กและผ้าขนหนู เดินมาอย่างรีบร้อนตรงไปหารวงข้าวเพื่อเช็ดตัว
“.....”
“ตายแล้ว ทำไมตัวร้อนแบบนี้ล่ะคะ” ป้าพรอุทานออกมาอย่างตกใจ แล้วรีบลงมือเช็ดตัวให้เธอ ผมก็นั่งดูป้าพรทำจนเสร็จ ที่ดูนี่ไม่ได้เป็นห่วงหรือพิศวาสอะไรหรอกครับ แค่ดูให้แน่ใจว่ายังไม่ตาย
“เสร็จแล้วใช่ไหมครับ” ผมถามเมื่อเห็นป้าพรหันมาเก็บผ้า
“เสร็จแล้วค่ะ แต่ต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิดเพราะเธอตัวร้อนมากอาจจะช็อกได้ ยิ่งตอนนี้เธอไม่รู้สึกตัวด้วยจะป้อนยาก็ไม่ได้” ป้าพรตอบผมกลับมาแต่สายตายังมองยังรวงข้าวอยู่
“หนาว หนาว” เสียงเล็กละเมอออกมาพร้อมกับตัวที่สั่นระริกเหมือนลูกนกตกน้ำ
“.....” ป้าพรรีบยกผ้าห่มคลุมให้เธอจนถึงต้นคอ แต่เหมือนจะยังไม่พอกับความต้องการของเธอ
“หนาว ฮึก! ข้าวหนาว” เธอยังคงละเมอออกมาไม่หยุด พร้อมกับเนื้อตัวที่สั่นไม่หาย
“เอ่อ ป้าว่าพาเธอไปหาหมอไหมคะ ป้ากลัวเธอจะช็อกค่ะ” ป้าพรหันมาถามผม แต่ผมไม่เสียเวลาหรอก
“เธอไม่ตายหรอกครับ เดี๋ยวเช็ดตัวไปเรื่อยๆ แล้วให้กินยาก็ดีขึ้นเอง” ผมตอบป้าพรแต่ก็มองไปที่ร่างของรวงข้าว
เรื่องอะไรผมจะต้องพาเธอไปหาหมอด้วย ตายได้ก็ดีผมจะได้ไม่ต้องลงมือ ถึงจะไม่อยากให้ตายง่ายๆ ก็เถอะ
“แต่ป้าว่า...” ป้าพรที่จะพูดอะไรออกมาก็ต้องเงียบไป
“เดี๋ยวผมพาเธอไปข้างบน ป้าคอยตามไปดูก็แล้วกัน” ผมว่าจบก็ลุกอุ้มรวงข้าวขึ้นห้องข้างบนไป อย่างน้อยมันก็ยังมีผ้าให้ห่มอุ่นกว่านี้
“ค่ะ” ป้าพรว่าแล้วก็เดินออกไปเตรียมของเพื่อตามมาดูรวงข้าว
“ถ้าเธอไม่ช็อกจนใกล้ตายไม่ต้องเรียกผมนะครับ” ผมบอกเมื่อป้าพรตามเข้ามาในห้อง แล้วเดินออกไปห้องทำงานทันที วันนี้เสียเวลากับเธอมามากแล้ว หายเมื่อไหร่จะใช้งานให้เข็ด
รวงข้าว
“อื้อ!” ปวดหัว ความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้หลังจากรู้สึกตัว
“จะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไง” เสียงเข้มที่ฉันได้ยินไม่นานแต่จำได้ขึ้นใจดังขึ้น
“คุณ” ฉันเกิดอาการตกใจ เมื่อลืมตามาก็เห็นว่าคุณพายุยืนกอดอกมองฉันอยู่ แต่นี่ไม่ใช่กระท่อมที่ฉันอยู่นี่
“ตื่นแล้วก็ลุก” คุณพายุว่าให้เสียงแข็ง แต่ก็ไม่ได้เดินไปไหน
“ค่ะ” ฉันว่าแล้วก็ลุกลงจากเตียง
พรึ่บ! ไม่รู้อะไรลอยมากระทบหน้า
“นี่เสื้อผ้า เอาไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนซะ นอกจากใจจะเน่าแล้วตัวยังเน่าอีก”
“.....” ฉันก้มเก็บสิ่งที่ลอยมากระทบหน้าขึ้นมา แล้วเพราะใครล่ะที่ฉันต้องเป็นแบบนี้
“เสร็จแล้วรีบตามลงไปข้างล่างด้วย งานรอเธออยู่” คุณพายุพูดจบคราวนี้เค้าก็เดินออกไป ฉันเลยเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปชำระร่างกายสักที
มาที่นี่สองวันเข้าวันที่สามแล้วยังไม่ได้อาบน้ำกินข้าวเลย แต่ชุดที่ฉันได้นี่สิ มันเป็นชุดผ้าถุงกับเสื้อแขนตุ๊กตา ที่นี่เค้าใส่กันแบบนี้สินะ น่ารักดีแหะ
“กว่าจะลงมาได้” เมื่อขาแตะพื้นบ้านชั้นล่าง เสียงที่ไม่น่าฟังก็ดังขึ้น
“หนูข้าวใส่ชุดนี้แล้วน่ารักดีนะคะ” เสียงป้าคนหนึ่งพูดขึ้น
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยความเขิน เล่นมาชมซึ่งๆ หน้าแบบนี้ไม่เขินก็บ้าแล้ว
“ป้าชื่อพรนะคะ เป็นแม่บ้านที่นี่” ป้าพรแนะนำตัว
“ฉันชื่อรสนะ” ตามด้วยพี่รสแนะนำตัวให้ฉันรู้จัก ที่เรียกพี่ก็นั่นแหละ เพราะดูๆ แล้วเค้าอายุมากกว่าฉัน
“สวัสดีค่ะป้าพร พี่รส” ฉันยกมือไหว้ไป พวกเค้ารู้จักฉันแล้วเลยไม่ได้แนะนำตัว แต่รู้จักยังไงฉันก็ไม่รู้หรอกนะ
“แนะนำตัวกันเสร็จหรือยัง” เสียงที่ฉันคิดว่าเจ้าของเสียงไม่อยู่ตรงนี้แล้ว(ไม่อยู่ในสายตา)ดังขึ้น
“เสร็จแล้วค่ะ” ป้าพรตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“งั้นก็ฟัง ต่อไปนี้ป้าไม่ต้องทำงานบ้านแล้วนะ” คุณพายุสั่งป้าพรออกไป
“อ้าวทำไมล่ะคะ” ป้าพรถามอย่างไม่เข้าใจ
“ผู้หญิงคนนี้จะทำงานบ้านทุกอย่างแทนป้า ส่วนป้าก็แค่บอกเธอว่าต้องทำอะไรบ้างก็พอ” คุณพายุขยายความให้ป้าพรหายสงสัย
“เอ่อ แต่งานบ้านมันเยอะนะคะ ทำคนเดียวจะไหวเหรอ” ป้าพรถามออกมา
“ไม่ไหวก็ต้องไหว แล้วห้ามใครช่วยเธอทำเด็ดขาด” คุณพายุสั่งเสียงแข็งออกมาอีกครั้ง
“ค่ะ/ค่ะ” ป้าพรกับพี่รสตอบกลับพร้อมกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เริ่มจากวันนี้เลย ปล่อยให้นอนเล่นมาสองวันแล้ว” คุณพายุพูดอีกครั้ง ก่อนจะเดินขึ้นไปด้านบน
“ว่าแต่หนูข้าวทำไมได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ” ป้าพรถามฉันด้วยความสงสัย
“มีเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะค่ะ ก็เลยถูกจับตัวมา” ฉันตอบกลับไปตามตรง เพราะฉันไม่ได้เต็มใจมา
“จับตัวมา!” ป้าพรอุทานออกมาอย่างตกใจกับคำตอบของฉัน
“มีเรื่องอะไรนายถึงต้องจับตัวเธอมาที่นี่เหรอ” เป็นพี่รสที่ถามฉัน
“เรื่องมันยาวน่ะค่ะ” ฉันไม่อยากเล่าออกไป เพราะไม่รู้ว่าพวกเค้าจะเชื่อฉันหรือเปล่า
“อืมๆ ช่างมันเถอะ เอาเรื่องงานดีกว่า” ป้าพรพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี
“นั่นสิงานที่บ้านจะว่าไม่หนักก็ไม่ใช่เพราะมันเยอะ ปกติฉันก็ทำกับป้ากันสองคน แล้วนี่เธอทำคนเดียวจะไหวเหรอ” พี่รสบอกออกมาและถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะ ในเมื่อเค้าสั่งหนูแล้ว” นั่นสิ ใครจะกล้าขัดคำสั่งเค้ามาช่วยฉันล่ะ
“เอาเป็นว่าป้าจะบอกว่าหนูข้าวต้องทำอะไรบ้างนะ แต่อันไหนที่ป้ากับรสทำเองได้ก็จะช่วยอีกแรง” ป้าพรบอกฉันออกมา แต่คุณพายุสั่งห้ามแล้วนี่หน่า
“มันจะดีเหรอคะ ถ้าคุณพายุรู้ป้ากับพี่รสจะเดือดร้อน” ฉันพูดออกไปอย่างเป็นห่วง ไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะตัวเอง
“ไม่เป็นไรหรอก ถึงนายจะเป็นคนใจร้อน โมโหร้าย แต่นายก็มีเหตุผลนะ” ป้าพรบอกฉันออกมา
มีเหตุผลเหรอ ตั้งแต่ฉันรู้จักเค้ามาฉันยังหาไม่เจอเลยไอ้ความมีเหตุผลของเค้าน่ะ
“มาๆ เริ่มงานกันเลย” พี่รสบอก ก่อนที่จะเริ่มสอนงานและบอกสิ่งที่ฉันต้องทำ
หน้าที่ก็งานบ้านทั่วๆ ไป หุงข้าว ทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง ยกเว้นห้องทำงานเค้า ทำความสะอาดผ้าต่างๆ รวมถึงกระจกหน้าต่างทุกบาน
ฟังดูก็เหมือนง่ายนะ แต่มันหนักตรงที่ต้องทำทุกวันทั้งหลังคนเดียวไง นี่เค้าต้องการแกล้งฉันชัดๆ อ้อฉันรู้มาว่าคุณพายุไม่ค่อยทานของเผ็ด คอยดูนะฉันจะแกล้งคืนให้ดู
