บทที่ 1 เด็กฝาก

@ ROV Pub

‘เดี๋ยวพออะตอมไปถึงที่นั่นก็เอาจดหมายฉบับนี่ให้กับคุณธีนะ’

‘อยู่ที่นั่นต้องเป็นเด็กดีนะ เชื่อฟัง แล้วก็อย่าดื้อกับพวกพี่เขานะ รู้ไหม?’

‘ทำตัวให้น่ารัก แล้วรักษาตัวเองให้ดีนะครับ อาเชื่อว่าอะตอมอยู่ได้’

นั่นคือสิ่งที่อาแทนบอก ก่อนที่ผมจะเดินทางมาถึงที่นี่.. ROV Pub

“ใช่ที่นี่สินะ” ผมก้มลงไปมองดูกระดาษในมืออีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะตอนแรกผมคิดว่ามันคงจะหายาก แต่ความจริงเพียงแค่ลงจากรถเมล์ที่ป้ายแล้วเดินต่อมาอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้ว

ป้ายไฟ LED ที่ถูกดัดให้เป็นชื่อผับขนาดใหญ่กะพริบเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ รถที่จอดเต็มลานล้วนแล้วแต่ราคาไม่ธรรมดา ผมเคยรู้มาว่าสถานที่แบบนี้จะไม่อนุญาตให้คนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไป แต่ผมไม่ได้มาเที่ยว ผมแค่ต้องการมาพบคุณธีตามที่อาแทนบอกเท่านั้นคงจะเข้าไปได้มั้ง? อีกอย่างที่หน้าประตูก็ไม่มีการ์ดคอยเฝ้าด้วย จึงเป็นโอกาสให้ผมรีบเดินเข้าไปข้างใน

ทันทีที่เข้ามาข้างในได้ ผมก็ต้องรีบยกมือขึ้นมาอุดหูตัวเอง เพราะเสียงเพลงที่ดังอยู่นั้นมันดังจนแสบแก้วหู แถมแสงไฟหลายสีที่สาดส่ายไปมานั้นยังทำเอาผมลายตาด้วย

ผมพยายามตั้งสติแล้วปรับสายตาให้คุ้นชิน ก่อนจะกวาดสายตามองหาใครสักคนที่พอจะช่วยให้ผมได้เจอกับคุณธี แต่ในระหว่างนั้นผมไม่รู้เลยว่าตัวเองได้กลายเป็นจุดสนใจของการ์ดคุมผับแล้ว

แต่ก่อนที่ผมจะถูกรวบตัวโยนออกไปนอกผับ พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งก็เข้ามาถาม สงสัยเขาจะคิดว่าผมเป็นนักเที่ยวที่กำลังมองหาเพื่อนๆ อยู่ละมั้ง

โชคดีจัง..

“คุณลูกค้ามีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ?”

“ผะ..ผมมาหาคุณธีครับ” หลังจากที่บอกไปสายตาที่พนักงานคนนี้มองผมก็เปลี่ยนไป มือขวาเลื่อนไปจับคางตัวเองอย่างใช้ความคิด ก่อนจะดีดนิ้วมือเหมือนกับว่าคิดอะไรออกได้

“อ๋อ! ที่แท้นายก็เด็กของเฮียธีซินะ” เพราะประโยคนี้เลยทำให้การ์ดคุมผับที่เดินมาถึงตัวผมแล้วไม่กล้าจับตัวผมโยนออกไปข้างนอก ผมจึงรอดได้อย่างหวุดหวิด แต่รอยยิ้มแปลกๆ ของพนักงานเสิร์ฟคนนี้ซิ มันหมายความว่ายังไงนะ?

“คือว่าอาแทนให้ผมมาหา..” พนักงานเสิร์ฟคนนั้นไม่ได้รอให้ผมพูดอธิบายให้จบก่อนด้วยซ้ำก็ตบไหล่ผม

“ไป เดี๋ยวพี่จะพาไปหาเฮียเอง”

จากนั้นผมก็เดินตามเด็กเสิร์ฟคนนั้นขึ้นไปที่ชั้นสองซึ่งดูไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนกับข้างล่างแถมออกจะดูเป็นส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะพาผมเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะหนึ่งที่เหมือนกับว่ากำลังมีมหกรรมอะไรสักอย่าง เพราะทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยสาวๆ ห้าหกคนที่กำลังรุมอะไรบางอย่างอยู่

“เฮียครับ” ไม่มีสัญญาณใดๆ ตอบกลับมา

“เฮียธี!!” คราวนี้คนที่พาผมมาตะโกนเรียกเสียงดังขึ้นกว่าเดิม

“อะไรของมึงวะไอ้เซน? มึงนี่ชอบขัดความสุขกูจริงๆ เลยนะ” แล้วร่างของคนที่ถูกเรียกก็โผล่หน้าขึ้นมาจากกลุ่มสาวๆ เผยให้เห็นใบหน้าหล่อที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะต้องฝ่าด่านเต้านมหลายคู่ออกมา

“ผมเอาเด็กมาส่งครับ!”

“เด็กไหนวะ?” อีกฝ่ายถามกลับเสียงขุ่น ก่อนที่สายตาคมจะตวัดมามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“เออ..ผมชื่ออะตอมครับ อาแทนบอกให้ผมมาหาคุณธีที่นี่” ผมรีบแนะนำตัวเอง พร้อมกับยื่นซองจดหมายที่อาแทนเขียนมาส่งให้กับคุณธี ก่อนที่คุณเขาจะรับไว้ แต่กลับโยนมันไว้บนโซฟาข้างๆ ตัวโดยไม่ได้สนใจจะเปิดอ่านเลยสักนิด

“มึงเป็นหลานเฮียแทนใช่ไหม?”

“ครับ”

“โอเค! เฮียแทนบอกกูล่ะว่าจะขอให้หลานมาอยู่ด้วย”

“ระ รบกวนด้วยครับ” คุณธีพยักหน้ารับรู้

“ไอ้เซน เดี๋ยวมึงพามันไปรอที่ห้องทำงานกูก่อนนะ ส่วนมึงก็รออยู่ในนั้น เดี๋ยวผับปิดแล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกู อย่าเพ่นพ่าน หรือวุ่นวาย เข้าใจไหม?” ประโยคแรกคุณธีสั่งพี่เซน ส่วนประโยคหลังคุณธีหันมาสั่งกำชับผม

“ครับ” ผมรับคำอย่างว่าง่าย จริงๆ ผมก็ไม่ใช่เด็กดื้ออยู่แล้ว อาแทนก็กำชับว่าอย่าดื้อกับพวกคุณเขาอีก

“แล้วนี่กินข้าวมารึยัง? ถ้าหิวก็บอกไอ้เซนมันได้เลย ถ้าหมดธุระ พวกมึงก็ไปได้ล่ะ!” คุณธีสั่งการเสร็จก็โบกมือไล่พวกผม ก่อนจะฝังตัวเองกลับลงไปเหมือนเดิม

“หิวไหม?” พี่เซนหันมาถามผมระหว่างที่พาผมเดินไปที่ห้องทำงานของคุณธีที่อยู่ชั้นสาม

“ครับ ตั้งแต่เช้าผมยังไม่ได้กินข้าวเลย”

“โอเคเดี๋ยวพี่จัดการให้ ยังไงเดี๋ยวอะตอมก็รอเฮียเขาอยู่ที่นี่แหละ อีกสามชั่วโมงผับถึงจะปิด เดี๋ยวพี่ไปเอาข้าวมาให้กินรอล่ะกัน”

ผมไหว้ขอบคุณพี่เซน ก่อนพี่เซนจะยิ้มแล้วปล่อยให้ผมเดินเข้าไปในห้องทำงานของคุณธีเพียงลำพัง ภายในห้องถูกตกแต่งให้คุมโทนด้วยสีดำและเทาแถมยังมีกีตาร์โปร่งหลายตัวที่วางเรียงโชว์บนขาตั้ง ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าคุณธีต้องเป็นคนที่รวยมากแน่ๆ

ผมเลือกที่จะนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ตัวเล็กๆ แทนที่จะเป็นโซฟาหนังราคาแพงเพราะดูแล้วมันไม่ค่อยจะสมฐานะของคนอย่างผมเท่าไหร่ ก่อนที่จะหยิบหนังสือในกระเป๋าเป้ออกมานั่งอ่านเพื่อฆ่าเวลา

โดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงเงาทะมึนบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามา

.............

Tee Talks;

ภายในห้องควบคุมเล็กๆ ที่ตอนนี้ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในห้องทำงานของผมกำลังถูกเปิดขึ้นบนจอมอนิเตอร์ขนาดหนึ่งร้อยนิ้วที่ทั้งคมชัดและเต็มตา

“ใช้ได้เลยนี่หว่า งั้นไอ้เด็กนี่กูขอเลยนะ” ไอ้ซีซ่าร์เพื่อนสนิทและหุ้นส่วนผับของผมเอง มันพูดขอกันดื้อๆ ตามนิสัย

“ไม่! มึงอย่าได้คิดจะมายุ่งกับเด็กในปกครองของกู? เฮียแทนเขาไว้ใจกูถึงส่งมาให้กูดูแล!” ผมพูดดักคอไอ้ซีซ่าร์มัน เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นผมก็แทบจะโยนสาวๆ พวกนั้นทิ้งแล้ว แต่เพราะไม่ต้องการให้ไก่ตื่นผมเลยต้องแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วบอกให้มันไปรอในห้องทำงาน แต่ใครจะรู้ว่าไอ้หมอหมามันจะจมูกดีรู้เรื่องนี้เข้าจนได้

“เฮ้อ! เถียงกันไปก็เท่านั้น มึงก็รู้ว่าเราสามคนมันเทสเดียวกัน” แล้วไอ้ธันเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนผับอีกคนที่ยืนนิ่งมาตลอดก็พูดขึ้นมาบ้าง ทีแรกก็นึกว่ามันจะไม่สนใจเด็กนี่ซะอีก

แค่ไอ้หมาหมอคนเดียวก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังจะไอ้โหดวิศวะลงมาร่วมวงอีก อย่าให้กูรู้นะว่าใครเป็นคนคาบข่าวไปบอกไอ้สองตัวนี่ จะตบให้กะโหลกร้าวเลย

“ฮัดเช้ย!” ในจอมอนิเตอร์อีกตัวผมเห็นตอนที่ไอ้เซนมันจามออกมา ก่อนที่มันจะหายเข้าไปในห้องน้ำ แค่นี้ผมก็พอจะรู้แล้วว่าหมาตัวไหนคาบข่าวไปบอกมันสองตัวนี่

“ไอ้เซน! ไอ้อสรพิษ”

ครับมาถึงตรงนี้แล้วก็คงไม่ต้องบอกนะว่าพวกเราทั้งสามคนมีรสนิยมทางเพศที่เหมือนกัน คือเอาได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายโดยเฉพาะเด็กผู้ชายหน้าหวานๆ ตัวเล็กๆ ท่าทางซื่อๆ อย่างหลานเฮียแทนด้วยแล้ว ยิ่งตรงสเปค และยิ่งถ้าได้ยินเสียงน้องมันมานอนครางอยู่ใต้ร่างด้วยนะ มันคงจะเป็นอะไรที่สุดยอดเอามากๆ เลย  เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกผมทั้งสามคนจะมานั่งแย่งเด็กผู้ชายตัวเล็กนั่นอยู่แบบนี้

“ในเมื่อพวกเราสามคนต่างก็สนใจน้องมัน ถ้าอย่างงั้นเรามาแข่งกันดีกว่า เอาแบบแฟร์ๆ ไม่โกง ไม่กัก ใครดีใครได้ โอเคมั้ย?” ไอ้หมอหมามันยื่นข้อเสนอ

“ต้องแข่งเหี้ยอะไรล่ะ! ก็เฮียแทนเขาฝากให้กูดูแลไม่ใช่พวกมึงซักหน่อย” ถ้าผมเห็นด้วยก็บ้าล่ะ ไม่ใช่ว่ากลัวแพ้พวกมันหรอกนะ แต่ผมจะเหนื่อยโดยไม่จำเป็นไปทำไมล่ะ

“เหรอ? ไหนกูขอดูจดหมายเฮียแทนหน่อยสิ” ไอ้ธันแบมือขอ

อ้าว! ฉิบหายล่ะ ถ้าขืนให้พวกมันเห็นจดหมายมันก็รู้หมดสิว่าเฮียแทนก็ฝากน้องมันไว้กับพวกมันด้วยเหมือนกัน

“กูทิ้งไปแล้ว!!” ผมรีบบอกปัดไป ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าตัวเองดันลืมวางทิ้งไว้ที่โต๊ะข้างๆ ตัวไอ้ธันนั่นแหละ

คุณเคยเป็นไหมเวลาที่เรากลัวว่าใครจะหาเจออะไรซักอย่างที่เราปิดบังอยู่  สายตาของเราก็จะมองไปที่ตรงนั้นเสมอ นั่นแหละคือผมตอนนี้ที่สายตาเจ้ากรรมดันมองไปดูจดหมายนั่นจนไอ้ธันมันไล่สายตามองตามไปจนเจอ

“แล้วนี่อะไรวะ?” ไอ้ธันหยิบจดหมายนั่นขึ้นมาแล้วชูให้ผมดู แล้วทำหน้าเหนือใส่ ผมคิดว่ามันต้องรู้อยู่แล้วว่าเฮียแทนก็ฝากมันดูแลด้วยเหมือนกัน

“เออๆ กูยอมรับแล้วก็ได้ว่าเฮียแทนเขาฝากพวกมึงช่วยดูแลมันด้วย” สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนด้วยหลักฐาน

“นั่นไงล่ะ! กูว่าแล้ว คนอย่างมึงนี่มันไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ นะไอ้พระรอง” ไอ้ซีซ่าร์ทำหน้าขึงขังใส่

“งั้นก็เอาตามนี้ พวกเรามาแข่งกันอย่างแฟร์ๆ” ไอ้ธันพูดขึ้นแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะไอ้คำว่า ‘แฟร์’ ในพจนานุกรมของเราสามคนมันเคยมีบัญญัติไว้ที่ไหนล่ะ

“กูเห็นด้วย” ไอ้ซีซ่าร์พยักหน้าหงึกหงัก

“เดี๋ยวมึงไปพาเด็กนั่นกลับบ้านได้แล้ว” ไอ้ธันบอก หลังจากที่เห็นว่าเด็กนั่นกินข้าวที่ไอ้เซนเอามาให้จนหมด ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก ตอนที่มันหันซ้ายหันขวาเพราะไม่รู้ว่าจะเอาจานข้าวที่กินเสร็จแล้วไปไว้ที่ไหน ตาโตๆ แก้มแดงๆ ปากนิดๆ แบบนั้น มีใครเห็นแล้วไม่ใจละลายบ้างวะ?

“แต่กูบอกมันว่าจะกลับตอนผับปิดนี่หว่า”

“งั้นมึงก็ให้ไอ้นอสมันดูไปซิวะ เรื่องแค่นี้เสือกคิดไม่ได้นะมึง” ไอ้ธันด่าผมอีกครั้ง จนผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมมันต้องด่าผมจังเลยวันนี้

“นั่นดิ! ชักช้าฉิบหาย แค่เห็นหน้ากูก็อยากขึ้นมาแล้ว”

“มึงควรหัดระงับสติอารมณ์บ้างนะไอ้หมอหมา หื่นขนาดนี้น้องแม่งตื่นหมด” ผมหันไปด่าไอ้หมอหมาหน้าหม้อ เพราะความหื่นของมันนี่แหละจะทำให้อดกันหมด

“คร๊าบบ! ไอ้เพื่อนเลว ตอนนี้มึงรีบไปเถอะ ก่อนที่กูจะช่วยถีบมึงออกไปแทน”

บทถัดไป