บทที่ 6 6
หญิงสาวอุทานออกมาเมื่อเห็นผู้มาใหม่ เอริณ เพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ลูกครึ่งสาวอเมริกันไทยที่จบทางด้านมัณฑนากร แม้รู้มาก่อนหน้าว่าเอริณรับงานตกแต่งภายในของบริษัทนี้แต่ก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกัน ร่างระหงของสาวลูกครึ่งเดินเข้ามาหาและดึงมือมษยาไปจับไว้แน่น
“ยะหยา...สวัสดีจ้ะ...นี่เธอมาเริ่มงานที่นี่แล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่...ใช่จ้ะเอริณ ยะหยาพึ่งมาเริ่มงาน และพึ่งได้พบกับ...เคน”
มษยาเหลือบมองบุรุษผู้ซึ่งตอนนี้อยู่ในอีกสถานะนอกเหนือจากคนที่เธอเคยรู้จักขณะเดียวกันที่เอริณก็หันไปมองเคนซึ่งยืนอยู่หลังโต๊ะทำงาน
“สวัสดี เอริณ...ขอบคุณมากที่คุณมาตามนัด”
ชายหนุ่มกล่าวกับสาวลูกครึ่งไทยอเมริกันซึ่งวันนี้เธออยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินขับผิวขาวผ่องบนร่างระหงให้ยิ่งดูงดงาม เอริณยิ้มละไม
“เอไม่เคยผิดนัดใครหรอกนะคะ ว่าแต่...น่าดีใจมากเลยนะคะที่เราได้มาเจอกันและอยู่พร้อมกันที่นี่เพราะตอนแรกเอก็ไม่รู้เลยว่าเคนเป็นประธานของนอร์ธเทิร์นซี”
เอริณเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ยังแช่มชื่นทั้งที่เธอก็รู้เบื้องลึกระหว่างทั้งสองคนว่าเคยเป็นคนรักกันมาเก่าก่อน ทั้งก็รู้ดีว่าบัดนี้ทั้งมษยาและเคนต่างก็แปรเปลี่ยนสถานะของกันและกันไปนานแล้ว และตามความจริงเธอรู้มาก่อนล่วงหน้าด้วยซ้ำว่าประธานกรรมการบริหารสูงสุดของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้คือ เคน คลีฟตัน เขายกยิ้มมุมปากก่อนพูด
“ผมดีใจที่ได้พบคนเคยรู้จัก ดีใจที่ได้พบกับ...เพื่อนเก่าอีกครั้ง”
“เอไม่รู้เลยจริง ๆ นะคะว่าคุณอยู่ในตำแน่งผู้บริหารสูงสุด น่าดีใจมากจริง ๆ ที่เราได้กลับมาพบกันและทำงานร่วมกัน”
“ผมยินดีเสมอ คนของผมบอกว่าคุณมีผลงานที่โดดเด่นมากเลยติดต่อให้มาตกแต่งภายในสำนักงานใหญ่และอีกหลายสาขาของนอร์ธเทิร์นซี”
“เอไม่เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่คุณพูดน่ะทำให้เอเกือบตัวลอยอยู่แล้ว”
“ผมพูดความจริงเสมอ ผมไม่เคยโกหกใคร”
เคนพูดคุยกับเอริณจนทำให้มษยารู้สึกอึดอัดขึ้นมา เธอแทรกขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะคุยกันต่อ
“เอ้อ...ท่านประธานคะ...ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวกลับไปที่แผนกก่อนนะคะ”
“อย่าพึ่งรีบไปสิจ๊ะยะหยา อยู่คุยกันก่อน วันนี้ยะหยาแค่มารายงานตัวใช่มั้ย เดี๋ยวเราค่อยกลับไปพร้อมกันนะ”
“เอ้อ...เอ้อ...”
“โดโรธีคงไม่ว่าอะไรคุณหรอก มิสดารินทรา...ถ้าผมจะให้คุณอยู่ต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง”
เคนแทรกขึ้นด้วยสีหน้าที่ยังเยียบเย็นขณะมองเพื่อนสนิททั้งสองที่ยืนจับมือกัน มษยาแค่พยักหน้ารับเพราะไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปเช่นไร
“ค่ะ”
แล้วเธอก็ต้องอยู่ฟังการสนทนาของเอริณ มัณฑนากรสาวที่รับงานของเคน ประธานบริษัทในฐานะผู้ว่าจ้างอย่างไม่อาจขัดข้อง ทั้งที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้ลึก ๆ จะยินดีอย่างที่สุดที่ได้พบหน้าเขาอีกครั้งแต่เธอก็ต้องนั่งปั้นหน้าอยู่ท่ามกลางคนทั้งสองที่สนทนากันเรื่องงานและเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขในเวลาที่เธอแค่ยิ้มเวลาที่ทั้งสองพูดเรื่องที่คิดว่าสนุกสนานกัน
“ยะหยา...เอดีใจด้วยจริง ๆ นะที่ยะหยาได้งานที่นี่”
เอริณกล่าวขึ้นหลังออกจากห้องของประธานใหญ่พร้อมกับมษยาและเดินมาหยุดที่ระเบียงด้านหนึ่งของตึกบนชั้นที่หกสิบ
“ขอบใจมากจ้ะ” มษยาตอบด้วยรอยยิ้ม “ยะหยาคิดว่ามันเป็นโชคดีที่จะได้เงินเดือนดี ๆ จะได้เลี้ยงดูแม่บ้าง”
“ยะหยาคงดีใจมากใช่มั้ยที่ได้พบ...เขา”
เอริณถามและทำให้สีหน้าคนคนถูกถามเปลี่ยนไป เขา ที่เพื่อนสนิทของเธอเอ่ยถึงก็คือเคน ผู้อยู่ในสถานะของเจ้านายเธอ มษยาถอนหายใจเบา ๆ
“ยะหยาก็ดีใจ แต่...เรื่องระหว่างยะหยากับเขามันจบไปนานแล้ว”
“แต่ดูท่าทางเหมือนเคนยัง...อืม...ไม่รู้สินะ เอเห็นแววตาของเขาที่มองยะหยาเหมือนเขายังลืมไม่ได้”
“เขาคงลืมไปหมดแล้วล่ะเอ”
“แล้วถ้าเขายังรักยะหยาอยู่ล่ะ ตอนนี้เขาก็ยังไม่มีใครเลยนะ”
“เอ...รับปากกับยะหยาเรื่องหนึ่งได้มั้ย”
มษยาดึงมือของเพื่อนมากุมไว้และจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีอำพันงดงามคู่นั้น
“เรื่องอะไรล่ะที่อยากให้เอรับปาก”
“เออย่าบอกเหตุผลที่ยะหยาไปจากชีวิตของเขาเมื่อห้าปีที่แล้วนะ ได้โปรด....ยะหยาไม่อยากให้เขารู้ว่าเหตุผลที่ครั้งนั้นยะหยาต้องหันหลังให้เขามันคืออะไร ตอนนี้เขาเป็นถึงท่านประธานมีหน้ามีตาในบริษัท เขาคงไม่นึกถึงผู้หญิงต่ำต้อยคนหนึ่งที่จะดึงชีวิตของเขาลงที่ต่ำเป็นแน่”
เอริณอึ้งไปชั่วขณะ ความคิดของหญิงสาวประหวัดไปเมื่อหลายปีก่อน เวลานั้นเธอสนิทกับมษยามากและรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเพื่อนสนิทกับผู้ชายที่ครั้งนั้นเธอก็แอบรักเขาอยู่เช่นกัน ใช่...เธอแอบหลงรักเคน คลิฟตัน ที่เข้ามาติดพันเพื่อนของเธอ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขากับมษยาเคยรักกันมากขนาดไหนและไม่มีวันจะเข้าไปแทนที่เพื่อนรักในหัวใจของบุรุษผู้นั้นได้ หากแต่เธอก็ไม่เคยหยุดคิดที่จะรักเขา ผู้ชายงามสง่าที่น่าหลงใหล เคนมีเสน่ห์ล้นเหลือแม้เขาจะไม่เคยแสดงออกว่าเป็นเจ้าชู้ และเธอก็มีความสุขเล็ก ๆ กับการได้แอบรักเขากระทั่งวันหนึ่งที่มษยาตัดสินใจหันหลังให้ลูกชายคนเดียวของตระกูลมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งลำดับต้นของอเมริกาก่อนเขาจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยเหตุผลที่ว่า
