บทที่ 4 3
“ว้าย!”
ฟ้างามใจหายใจคว่ำเมื่อบีบเบรกมือแล้วมอเตอร์ไซค์ดันยกล้อหลัง แต่โชคดีที่ไม่ล้ม เข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อกำนันถึงบอกเสมอว่าเวลาฉุกเฉินให้บีบเบรกมือพร้อมเหยียบเบรกที่เท้าด้วย แต่ตอนนี้เธออยากถามตะวันว่าเขาไม่รู้จักมารยาทบนท้องถนนเลยหรือไง แล้วเธอก็รีบตั้งขาตั้ง ก่อนจะหันไปถามเสียงแหว
“จะมาหาเรื่องอะไรกันอีก”
ไม่มีคำตอบ แต่คนตัวใหญ่เดินฉับ ๆ ตรงมาทางนี้ ท่าทางเขาดูบึ้งตึงขึงขัง เหมือนไปกินรังผึ้งที่ไหนมาอย่างนั้นเลย
“ทำไมไม่รับสาย!”
ตะวันไม่ได้ฟังที่เธอถามเลยสักนิด เจอหน้ากันเขาก็เอาแต่สาดอารมณ์ใส่อย่างเดียว คำพูดดี ๆ มันแทบไม่เคยหลุดออกจากปากเขา หรือหากพอนับได้อยู่บ้าง ก็คงเป็นตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่
“ตอบ!”
เขากระชากแขนเรียวเต็มกำลัง คนที่พลั้งเผลอไม่ทันระวังตัวถึงกับเซไปปะทะอกเขา แต่กระนั้นเขายังไม่เบาแรง มือหนาบีบแขนสวยจนฟ้างามเจ็บไปหมด
ตอนนี้ตะวันคิดว่าตัวเองหงุดหงิด และโมโหมาก เพราะตลอดทั้งวันที่ผ่านมา เขาพยายามติดต่อเธอหลายครั้งแต่แม่ตัวดีก็ไม่เคยจะรับสาย คิดจะเล่นตัวทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นแค่เมียเก็บงั้นสินะ วันนี้เขาจึงต้องมาดูที่บ้านพ่อกำนันให้เห็นกับตา ว่าแม่ฟ้างามลูกสาวท่าน ไม่ได้แอบพาชายอื่นไปนอนกกในบ้านนั้นแทนเขา
“หรือเพราะกระเด้ากับไอ้คุณปราปต์คนนั้นอยู่ เลยไม่มีเวลาปลีกตัวมาหยิบมือถือ?”
“!!!”
คนฟังฉุนจัดชนิดที่ว่าควันกำลังออกหูเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าตอนเกิดออกมาจากท้องแม่เขาถูกผีเจาะปากออกมาด้วยหรือเปล่า คำพูดคำจาแต่ละคำถึงได้ต่ำตมแบบนี้
“ทำไมปากร้ายอย่างนี้อะ”
เธออยากตีเขา ถ้าตีไม่ได้ก็ขอเตะขอต่อยให้หายเจ็บใจ แต่ตอนนี้ทำได้เพียงดิ้นแรง ๆ ให้ทั้งศอกทั้งมือทั้งเท้าโดนตัวเขา ตะวันจะได้ลิ้มรสของคำว่าเจ็บเสียบ้าง แต่แรงเท่ามดมันคงไม่ระคายร่างกายหนา ๆ ของเขาหรอก เพราะตะวันสามารถรวบร่างเล็กเข้ามากอดไว้ได้อย่างง่ายดาย
“แล้วเธอล่ะ แค่รับสายฉัน มันจะตายเลยหรือ!?”
“ก็งามไม่อยากรับ”
“ไม่อยากรับ!?”
เขาทวนคำน้ำเสียงเหี้ยมจัด สีหน้าและแววตาบอกได้ชัดว่าโกรธที่ได้ฟังคำตอบนี้ แต่ฟ้างามไม่แคร์อีกต่อไป เพราะคืนนั้นถูกเขาทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจร้ายแรงแค่ไหน เธอยังจำได้ทุกฉากทุกตอน
“งามไม่อยากเห็นหน้าคุณ ไม่อยากได้ยินเสียง ไม่อยากข้องเกี่ยว แล้วก็ไม่อยากรักคุณอีกแล้ว”
สิ้นเสียงก็ปรากฏแววเยาะหยันในสายตาคู่คม ฟ้างามถึงกับเสียความมั่นใจ หากก็เป็นเพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้น เพราะเธอสามารถปั้นสีหน้าให้ดูจริงจังมั่นใจเหมือนเดิมได้เหมือนเดิม
“ปล่อยงาม”
“ไม่ปล่อย”
คนตัวโตยืนแสยะยิ้มเย้ยหยันอยู่อย่างนั้น มือก็จับแขนเรียวไม่ยอมปล่อย ปล่อยให้ฟ้างามดิ้นจนเหนื่อย
ในใจเขาก็คิด... คนอย่างเธอน่ะหรือจะเลิกรักเขาได้ง่าย ๆ ให้เขาตายซะยังง่ายกว่าเชื่อคำพูดของผู้หญิงที่ยอมแก้ผ้าพลีกายให้เขา
“มาดูกันว่าเธอจะเลิกรักฉันได้อย่างปากว่าจริงไหม”
ไม่รอให้เธอได้พูดอะไรเขาก็ช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้ม
“อย่านะคุณตะวัน!”
เธอดิ้นสุดแรงเกิด แต่ทำไมเขาถึงได้แข็งแรงขนาดนี้นะ
เผียะ!!!
“โอ๊ย!”
ฟ้างามกรีดร้องเพราะถูกฝ่ามือหนาฟาดเข้าที่แก้มก้น แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ทั้งทุบทั้งจิกทั้งข่วนแผ่นหลังของเขา แต่ตะวันก็ตอบแทนด้วยการตีก้นซ้ำ ๆ ที่จุดเดิม
“เอาเลย ร้องดัง ๆ ให้ชาวบ้านแห่มาดูหน้าหนูฟ้างามกับผู้ชายที่เธอแอบมาเย... ด้วยเกือบทุกวัน คราวนี้แหละ พ่อเธอได้อายจนต้องเอาปี๊บคลุมหัวแน่นอน”
ได้ผล...
คำขู่ของตะวันทำให้เจ้าหล่อนหยุดร้องหยุดดิ้นได้ในพริบตา คนอย่างฟ้างามนะหรือจะปล่อยให้ชื่อเสียงของพ่อกำนันต้องมัวหมอง
ม่านรูด...
สถานที่ที่ฟ้างามไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะเข้ามา แต่เมื่อตะวันพาขึ้นรถมาแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจเสียว่า วันนี้เขาจะต้องขยี้เธอจนหมดแรงคาเตียง
“ตกลงคุณหมอตะวันจะเอายังไงกันแน่คะ”
ฟ้างามที่กำลังถูกกึ่งลากกึ่งจูงลงจากรถเน้นคำว่า ‘คุณหมอตะวัน’ ด้วยเสียงอย่างกระทบกระเทียบ สายตาก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมอย่างต้องการคำตอบ
ตะวันแสยะยิ้ม เขาไม่ได้รู้สึกทึ่งกับท่าทางจองหองของแม่ตัวดี ฟ้างามคิดว่าทำแบบนี้แล้วมันน่ากลัวมากนักหรือ ตลกสิ้นดี
“วันก่อนคุณเกือบจะฆ่างาม แต่วันนี้คุณฉุดงามมาที่นี่ คุณคิดได้ยังไง ไม่รู้สึกว่าตัวเองแปลก ๆ บ้างหรือคะ”
เขาชะงัก แล้วหันกลับไปมองหน้าคนปากเก่ง
“นี่เธอว่าฉันเป็นโรคจิต ?”
“แล้วคุณคิดว่าไง” ฟ้างามหน้าบึ้งถามกลับ
“อย่ามาต่อปากต่อคำนะ คราวที่แล้วไม่เข็ดใช่ไหม”
“...”
เขาบีบข้อแขนเธอแรงขึ้น เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนทีไร ก็อยากจะร้องไห้ทุกที
“แล้วฉันว่าเธอคงลืมแล้วว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร”
ฟ้างามเผลอกลั้นหายใจและน้ำตาคลอเบ้า เพราะหน้าที่ที่เขาหมายถึง... มันก็คือหน้าที่เมียเก็บ
“เธอคิดว่าแค่การที่เธอไม่รับสายฉัน ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง แล้วก็ไม่อยากรักฉันแค่นี้ มันจะทำให้เราเลิกแล้วต่อกันได้ง่าย ๆ งั้นสิ”
“...”
ตะวันแสยะยิ้มร้ายกาจ กระชากเธอเข้าไป จับไหล่ทั้งสองข้างไว้โดยกำลังแรง คนตัวเล็กกว่ารู้สึกเจ็บจนใบหน้าเหยเก
“ลองคิดดูสิ เธอลงทุนทำเพื่อฉันมากขนาดไหน ฉันไม่อยากใจร้ายปล่อยให้มันจบง่าย ๆ นะ”
“แต่งามอยากให้มันจบ”
คำว่าจบที่เธอพูดมา ทำไมมันถึงทำให้เขารู้สึกใจหายได้ขนาดนี้
ดวงหน้าเศร้ารื้นน้ำตาเงยขึ้นมองเขา จ้องลึกเข้าไปในนั้นราวกับจะค้นใจ เธอรู้เขาไม่ได้ใจดีอย่างที่พูดหรอก ตะวันทำแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้เธอสร้างปัญหา เลยอยากเก็บเธอไว้เป็นหอกข้างแคร่ไปเรื่อย ๆ
“คุณไม่ต้องกลัวว่างามจะเอาเรื่องของเราไปบอกใคร มันจะเป็นความลับ”
“ง่าย ๆ ขนาดนี้เลย?”
“แล้วคุณต้องการอะไรอีก”
เอ่ยถามเขาอย่างท้อแท้ น้ำตาร่วงลงมาอย่างไม่อาจห้ามไหว
เขาปล่อยมือข้างหนึ่งจากไหล่เธอ แล้วใช้มันเกลี่ยผิวแก้มใส ไล้น้ำตาหยดนั้นออกไป เธอเกือบทิ้งน้ำหนักพิงอกเขาเสียแล้ว หากเขาไม่เผยรอยยิ้มเยือกเย็นเสียก่อน
“กลับมาทำหน้าที่ตัวเอง แล้วก็ห้ามไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่น เพราะฉันไม่ชอบใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร”
ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาชิดใกล้หมายกดฝังลงไปกับแก้มขาว แต่เพราะเธอโกรธที่เขาคอยพูดจาเหยียดหยามและต้องการเอาเปรียบเธออยู่ตลอดเวลาจึงผลักอกหนาออกไปอย่างแรง
“งามไม่ยอมแล้วนะคะ”
ตะวันนิ่วหน้ามองเธออย่างไม่พอใจ
“จะไม่ยอมนอนกับผู้ชายแค่คนเดียวหรือ?”
เขาตีความผิด ๆ ตามใจเขาอีกแล้ว แต่ครั้งนี้เธอจะอธิบายให้มันชัดเจนไปเลย
“งามจะไม่นอนกับคุณอีก!”
พูดจบก็สะบัดหน้าหันหลังเดินออกไป แต่เขาก็ก้าวมาดึงแขนเธอไว้ แล้วกระชากเข้าไปกอด แม้เธอจะพยายามสอดมือเข้ามาระหว่างสองกายเพื่อผลักเขาออกไป แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไร
“แล้วมีครั้งไหนบ้างล่ะที่เธอไม่ยอมนอนกับฉัน”
“แต่ครั้งนี้งามพูดชัดเจนแล้วนะคะหมอ”
ตะวันโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบชิดใบหูงาม “งั้นสิ”
เขาอ้าปากขบเม้มติ่งหูข้างนั้นอย่างกระตุ้นเร้า ความโมโหแปรเปลี่ยนเป็นกระแสวาบหวามที่เล่นงานจนท้องไส้ฟ้างามปั่นป่วนไปหมด แต่เธอบอกกับตัวเองแล้วว่าจะไม่ยอมโง่ให้ผู้ชายอย่างเขาดูถูกได้อีกแล้ว หากทว่ายังไม่ทันจะพูดอะไร ก็ต้องร้องว้ายเมื่อบั้นท้ายกลมกลึงถูกมือหนาตะปบ
“แฉะแล้วสินะ”
เธอมองเขาตาขุ่น
“คุณก็เป็นเสียแบบนี้ พออยากได้ก็ทำดีด้วย แต่พอสมใจแล้วก็ทำเหมือนงามไม่ใช่คน”
“แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรักฉันน้อยลงเลยใช่ไหมล่ะ?”
“...”
ฟ้างามไม่รู้จะตอบอย่างไร มากไปกว่านั้นเธอเกลียดตัวเองที่พ่ายแพ้ให้กับสายตาเว้าวอนและรอยยิ้มออดอ้อนแฝงความเจ้าเล่ห์แบบนี้
ด้านตะวันก็หัวเราะในลำคออย่างพอใจ ดูเหมือนการที่หล่อนไม่พูดอะไรจะเป็นคำตอบที่ถูกใจเหลือเกิน เขาช้อนร่างแน่งน้อยขึ้นอุ้มได้ง่ายดาย คล้ายกับว่าร่างกายหล่อนเบาเหมือนปุยนุ่น พอพนักงานเปิดประตูห้องซึ่งมีเตียงคิงไซซ์อยู่ใจกลาง ผนังโดยรอบบุด้วยกระจกทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เพดาน เธอก็ถึงกับสะท้านเยือก
“คุ... คุณตะวัน”
ฟ้างามตกใจกับสภาพห้อง คงต้องเห็นทุกอิริยาบถระหว่างเข้าด้ายเข้าเข็มเป็นแน่ แค่นึกถึงภาพนั้นพวงแก้มขาวก็ซับสีเลือดเสียแล้ว ผิดกับตะวันที่ดูจะชื่นชอบเหลือเกิน
เขาวางเธอลงกับที่นอนขนาดใหญ่ ก่อนเดินไปล็อกประตู แล้วหันมามองสาวงามบนเตียงพลางปลดกระดุมกางเกงยีนสีซีด
เมื่อจัดการกางเกงเสร็จก็ถอดเสื้อยืดออกอย่างไว เพียงไม่ถึงสองนาที ร่างกายงดงามดุจรูปปั้นอะพอลโลของตะวันก็เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ ทุกส่วนของเขาน่ามองไปหมดโดยเฉพาะ...
ฟ้างามเผลอกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อเห็นแก่นกายของเขากำลังพองโต ทำให้เจ้าของร่างเปลือยนั้นสั่นไปทั้งตัว ความเซ็กซี่แบบนี้ที่เขาโหยหามานานหลายวัน
จะว่าฟ้างามมีค่ากับเขาเฉพาะเวลานี้เท่านั้น... มันก็ไม่ผิดนัก
สองเท้าก้าวเข้าไปชิดขอบเตียง ก่อนจะขยับเข้าไปหาสาวงามซึ่งทำตาเป็นประกาย จ้องมองความเป็นชายของเขาไม่ละสายตา
“ดะ เดี๋ยวค่ะ”
เธอร้องห้ามในระหว่างที่ตะวันขยับเข้ามาดันไหล่บางให้นอนราบ แววตาเขาเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เธอก็ไม่ปล่อยให้คาใจนาน
“หมอมีถุงไหมคะ”
คำถามนี้ทำให้ตะวันเริ่มหงุดหงิดใจ
“วันนี้ฉันจะเอาสด ปล่อยใน”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ฉันสะอาดพอ” เสียงของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย สายตาคมจดจ้องใบหน้านวล “หรือตอนนี้เธอไม่ได้สะอาดพอสำหรับฉันแล้ว”
“...”
“ว่าไง”
“แล้วงามควรจะว่าไง” ในบางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจว่าเขาต้องหมายความอย่างไร ทำให้หัวคิ้วตะวันขมวดเข้าด้วยกันเล็กน้อย เขาพูดว่า
“ฉันไม่ใช่คนแรกและคนเดียวของเธอแล้วหรือ”
เพราะครั้งแรกที่มีอะไรกัน ฟ้างามทำให้เขาประหลาดใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างเธอจะไม่เคยผ่านมือใคร ยิ่งกว่านั้นเขาเสพติดสัมผัสเปลือยเปล่าของตัวตนเขาในช่องรักคับแคบของเธอ จนบางทีก็อยากลืมเรื่องการป้องกันไปให้หมด
“ก็ยังใช่”
เธอบอกเสียงอ่อน ทำให้เขาพอใจจนเผลอยกยิ้มมุมปาก เป็นอันว่าตอนนี้เธอกับนายปราปต์คนนั้นยังไม่เกินเลย หากยังมีอีกเรื่องที่ฟ้างามหนักใจ
“แต่งามกลัวท้อง”
“ยาคุมที่เคยซื้อให้ ยังมีอยู่ไหม”
“มี” เธอมีสีหน้ายุ่งยากใจ
ตะวันซื้อยาคุมให้เธอหลายแผง สอนวิธีกินอย่างถูกวิธี นอกจากนั้นยังมีถุงยางอนามัยอีกเกือบสามสิบกล่องที่เขาให้มาเพื่อให้เธอนำติดตัวมาเจอเขาทุกครั้งที่เขาอยากเจอ ซึ่งหลายครั้งเขาก็ไม่ได้ใช้มัน จนเธอเริ่มกลัว
“แต่อย่าผลักความรับผิดชอบให้งามฝ่ายเดียวสิคะ คุณเป็นหมอ คุณน่าจะรู้”
ใช่ เขารู้... เธอไม่ต้องสอน
แต่ประจำเดือนของเธอเพิ่งหมดวันเดียวกับที่เขาไปดักฉุดเธอที่หน้าบ้าน ซึ่งวันนี้เขาก็นับแล้ว ยังไงเขาก็หลั่งข้างในได้ อีกอย่างเธอก็กินยาคุมกำเนิดตลอด
ที่ผ่านมาเขายังไม่เคยเจอว่าคนไข้รายไหนในโรงพยาบาลเขาที่กินยาคุมอย่างเคร่งครัดแต่ดันท้องเลย จะมีก็แต่พวกที่ต้องการจับแฟนหนุ่มให้อยู่หมัดเท่านั้นที่ชอบโกหกว่ากินยาคุม แต่สุดท้ายท้องก็ป่องขึ้นมา
และเขาเคยบอกไว้แล้วว่าเธอห้ามทำแบบนั้น เพราะเธอคงรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
“มีหน้าที่กินยาคุมก็กินไป เธอจะไม่ท้องถ้ามีวินัยในตัวเอง”
“แต่-”
ไม่ทันตั้งตัว กลีบปากเนียนนุ่มก็ถูกเรียวปากร้อนฉกลงมาประกบ ราวกับว่าเขาไม่อยากเปิดโอกาสให้เธอพูดอะไรอีก แต่ใช่ว่าเธอจะยอม
เธอกับเขาต่างได้รับความสุขร่วมกันทั้งคู่ แต่การจะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบการคุมกำเนิดเพียงฝ่ายเดียวมันไม่ยุติธรรม
“อย่าทำแบบนี้!”
ดันอกแกร่งออกไปสุดแขน หน้างามเบือนหนีจุมพิตร้อนแรงนั้น ในขณะที่เขากำลังดันร่างขาวโพลนให้นอนลงไปพร้อมกัน ความหงุดหงิดของตะวันจึงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
“จะอะไรนักหนา!!!”
เขาตะคอกถามอย่างไม่พอใจ จับแขนบางทั้งสองข้างไว้แล้วตรึงกับที่นอน ฟ้างามรู้สึกเจ็บบริเวณต้นแขน คล้ายว่ามันกำลังจะหลุดออกจากร่างกาย
“แค่นี้มันยากหรือไงวะ!”
“ยากสิ เพราะงามไม่อยากทำ”
ร้องบอกเขาเสียงดังพร้อมกับดิ้นขลุกขลัก จนแล้วจนรอดก็ถูกคนตัวใหญ่ทั้งฉุดทั้งดึงมากดไว้ใต้ร่างได้ไม่ยากเย็น เขาตัวโตเท่ายักษ์ปักหลั่น แล้วเธอจะเอาแรงที่ไหนไปสู้เขาได้
“ปล่อย”
“ก็รอฉันเสร็จ!”
ฟ้างามถูกเขารวบแขนไว้เหนือศีรษะ ในขณะที่ร่างกำยำนั่งคร่อมเรือนกายบอบบางจนเธอแทบขยับตัวไม่ได้
“ไอ้คุณปราปต์มันใหญ่จนลืมไม่ลงใช่ไหม พอต้องกลับมานอนกับฉันถึงได้สะดีดสะดิ้งขนาดนี้” ความไม่พอใจทำให้เขาปากพล่อย โดยหวังว่าเธอจะยินยอมเขาเพื่อหักล้างข้อกล่าวหานี้ไป
“ถ้าจะดูถูกกันขนาดนี้ ก็ไม่ต้องมายุ่งกับงามไหมอะ”
ฟ้างามไม่เคยนอนกับผู้ชายคนไหนนอกจากเขา แต่คนอย่างตะวันพูดไปก็เปลืองน้ำลาย คุยกับเขาต้องลงท้ายด้วยไม้หน้าสาม สาบานเลยว่าจะตีแรง ๆ ให้หมาในปากคอหักตายไปเลยคอยดู
แต่หญิงสาวทำได้แค่เพียงคิดในใจ ไม่อยากราดน้ำมันลงบนกองไฟ ยิ่งดูจากสายตาตอนนี้ ตะวันคงพร้อมที่จะบี้มดตัวเล็กอย่างเธอให้แหลกคามือ
“อย่าให้ฉันต้องใจร้ายกับเธอนะ”
เขากดเสียงต่ำน่ากลัวจนท้องไส้เธอเริ่มบิดเกลียว มือข้างที่ว่างนั้นจับต้นคอเจ้าหล่อนอย่างมีมุ่งมาด หากตะวันออกแรงบีบขึ้นมาเมื่อไหร่ เธอคงได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย สำทับด้วยแววตาหมายมาดมากภัยทำให้ฟ้างามไม่กล้าที่จะขัดขืน
ยามตะวันร้ายมันน่ากลัวแค่ไหน เหตุการณ์คืนนั้นเตือนใจเธอได้เป็นอย่างดี
นาทีเดียวกันก็ปรากฏรอยยิ้มพอใจระบายใบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา มือข้างเดิมจึงเลื่อนขึ้นไปตบผิวแก้มของเธอเบา ๆ พลางพูดว่า
“ดีมาก”
ฟ้างามมองเขาทั้งน้ำตา แล้วเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากมอง เขากำลังลงมือเลิกชายเสื้อยืดแขนกุดสีขาวของเธอขึ้น ก่อนที่มือซึ่งจับข้อมือเธอไว้จะขยับลงมาตะปบเต้างามอย่างไว
เธอทิ้งแขนทั้งสองข้างไว้แนบฟูกเตียง ในขณะที่ได้ยินเสียงครางในลำคอของตะวันอย่างแผ่วเบา และส่วนนั้นของเขาก็โตเกยก่ายอยู่ตรงหน้าท้องเธอนี่เอง
“อยากรู้นักว่าห่างหลายวันแบบนี้ เธอจะยังตอดดีเหมือนเดิมหรือเปล่า”
พูดจบก็ขยับนิดหน่อยเพื่อให้ตัวเองสามารถแกะเชือกกางเกงผ้าร่มขาสั้นสีดำที่เธอสวมใส่อยู่ได้ถนัดถนี่ แล้วนิ้วชี้แกร่งก็เกี่ยวขอบกางเกงให้เคลื่อนลงไปจากต้นขาเรื่อยมาจนถึงข้อเท้า
ปราการด่านสุดท้ายที่ต้องจัดการคือกางเกงชั้นในตัวจ้อย แต่เขาพบว่าเธอนอนแข็งทื่ออย่างไม่เต็มใจ และแสร้งทำราวกับไม่เคยรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่คืออะไร นั่นทำให้เขาหมั่นไส้จนอยากจะแกล้งให้ทรมานจนขาดใจตาย
ตะวันแยกขาเธอออกจากกันแล้วขยับเข้าไปแทรกกลาง ดันขาเรียวงามทั้งสองข้างจนหัวเข่างามแนบติดกับทรวงอกหยุ่น กรุ่นกลิ่นหอมเฉพาะตัวมาจากเนื้อนูนใต้แพนตี้สีขาว เล่นเอาเลือดหนุ่มสูบฉีดพลุ่งพล่านรุนแรงทุกอณู ยิ่งเมื่อใช้นิ้วแหวกเนื้อผ้าบริเวณรอยแยกแสนงามนั้นออก จนได้เห็นกลีบผกาสีสวยทั้งสองกลีบซึ่งมีไรขนอ่อนปุกคลุมไม่หนาไม่บางจนเกินไปนั้น เขาก็แทบจะล่มปากอ่าว
“ยังดูไม่สึกหรอเท่าไหร่เลย”
ฟ้างามได้แต่ขบริมฝีปากแน่น รู้ดีหากต่อปากต่อคำเรื่องจะไม่จบง่าย ซ้ำร้ายเธออาจจะเสียใจมากกว่าที่เป็นอยู่ เลยเลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไร แต่ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่ามันยิ่งทำให้เขาหมั่นไส้เธอมากขึ้น จนตะวันอดพูดให้เจ็บใจไม่ได้ว่า
“เธอชอบท่าไหนเป็นพิเศษก็รีเควสมาได้นะ บางทีมันอาจจะทำให้เธอรู้สึกดีเหมือนได้นอนกับผู้ชายคนอื่นก็ได้”
ประโยคนั้นเล่นเอาคนฟังถึงกับหน้าชา และคิดว่าจะไม่ทนอีกต่อไป หากในจังหวะที่เธอตั้งใจจะลุกขึ้นนั้น ตะวันก็เบียดแก่นกายหนาใหญ่เสือกพรวดเข้ามากลางกายสาว โดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ฟ้างามดิ้นเร่าเพราะความจุก
“แบบนี้เธอไม่ชอบใช่ไหมล่ะ”
เขาเผยรอยยิ้มสาแก่ใจ สอดแขนขวาลงไปช้อนเอวคอดกิ่วมากอดไว้ไม่ให้เธอได้ขยับหนี ก่อนที่แขนเรียวจะถูกกระชากขึ้นมาวางพาดลำคอหนา ทำให้ฟ้างามอยู่ในท่วงท่าที่เขาสามารถสอดใส่ได้ลึกล้ำยิ่งขึ้น
“มะ... ไม่”
ไม่กล้าทิ้งน้ำหนักลงกับหน้าขาแกร่งมากไปเพราะไม่สามารถรับความใหญ่โตของเขาโดยที่ยังไม่พร้อม แต่ยิ่งขยับหนีเขาก็ยิ่งดึงรั้งให้ลงไปไม่ยอมให้ถอดถอน อีกทั้งยังส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างสนุกสนานที่ได้ทรมานเธอ
“จำสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ดีล่ะ เธอจะได้รับสายฉันทุกครั้งที่ฉันโทรหา”
ฟ้างามหลับตาพริ้ม ข่มใจยอมรับความเจ็บในทุกระลอกที่ถูกเขารุกราน แต่ตะวันก็ทำให้ไฟปรารถนาในกายเธอโหมกระพือขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดใจเมื่อเขากดนิ้วหัวแม่มือลงกับปุ่มกระสันกลางนูนเนื้อสาว บดขยี้เป็นจังหวะพร้อมกับเร่งเร้าจังหวะร่วมรักให้เป็นไปตามที่ใจปรารถนา ส่งฟ้างามไปแตะขอบฟ้าก่อนที่เขาจะตามมาแล้วปลดปล่อยอย่างทรงพลัง ฉีดพ่นน้ำรักเหนียวข้นออกมาจนเลอะเทอะ
ร่างกายที่กระตุกเกร็งของเธอค่อยผ่อนคลายลง สมองพร่าเลือนเริ่มกลับมาเป็นปกติ พร้อมกับความรู้สึกเกลียดร่างกายตัวเองที่มันยินยอมและโอนอ่อนเพราะความช่ำชองของเขา
“รีบไปอาบน้ำ ฉันจะไปส่ง”
เสียงของตะวันบอกเมื่อเขาผละออกจากเธอ
“งามไปเองได้ หมอไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”
เธอกำลังจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว ทั้งโมโหตัวเอง ทั้งโกรธเขาที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงใจง่าย การกระทำย้อนแย้งกับความคิดได้ขนาดนี้ แต่ท่าทางยโสน่าหมั่นไส้ ทำให้เขาอยากหักคอเธอให้ตายคามือ ฝีปากคมกล้าจึงทำงานโดยอัตโนมัติ
“เดี๋ยวคนอื่นก็มาหิ้วเธอไปนอนด้วยอีกน่ะสิ”
ฟ้างามผลักเขาออกสุดแขน อยากกระชากเขาเข้ามาตบให้ตายไปเลย แต่เพื่อตัดปัญหาเลยเลือกที่จะไม่พูดอะไร จึงรีบผละออกจากตักเขาแทน
ตะวันตามมายืนซ้อนในขณะที่เธอกำลังก้มลงเก็บเสื้อผ้าตามพื้น จงใจให้ความเป็นชายที่เหยียดขยายเพราะยังไม่สิ้นฤทธิ์นั้นชนกับบั้นท้ายงามงอน
“เมื่อกี้เสร็จไหม” เขาถาม
ฟ้างามรีบก้าวมาข้างหน้าเพื่อจะได้อยู่ห่าง ๆ คนบ้า แล้วเธอก็จ้องเขาตาเขียว ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องยั่วโมโหกันแบบนี้ด้วย
“ฉันจะขย่มเธอให้จมดินเลย”
“คุณเลิกหยาบคายได้ไหม”
“เอ้า” เขาทำขัน “ก็แค่ถามว่าเสร็จหรือเปล่า ไม่เสร็จจะได้ทำให้ นี่คือหยาบคาย?”
ที่หยาบคายมันคือคำพูดของเขาต่างหาก คิดแล้วเธอก็หงุดหงิด แต่คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรีบออกไป ไม่อยากให้เป็นเหมือนคืนนั้นอีก
“งามขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยว” เขาขยับมาขวาง ไม่ยอมให้เธอเข้าห้องน้ำ
“อะไรอีกคะ”
“ที่เราคุยกันก่อนจะเข้าห้อง เธอยังไม่ได้ให้คำตอบฉันเลยนะ”
เรื่องนั้นน่ะหรือ...
เธอไม่อยากจำหรอกว่าเขาเคยพูด
“งามจำไม่ได้แล้วค่ะ”
แต่พอเธอพูดแบบนี้เขาก็ดึงตัวเธอเข้าไปกอด ความเป็นชายของเขามันชูชันบดเบียดอยู่เหนือหน้าท้องของเธอ ฟ้างามก็ดิ้นขัดขืนจนเสื้อผ้าที่หอบเอาไว้ร่วงลงพื้นไปบางส่วน
“ฉันจะทบทวนให้ตั้งแต่ก่อนเข้าห้องเลยดีไหม”
“ไม่ดีค่ะ” บอกเสียงเครือ “งามเหนื่อยแล้ว”
“ฉันเป็นคนตัดสินเองว่าเราจะต่อหรือไม่ต่อ” ไม่พูดเปล่า เขาโน้มลงมารุกรานพวงแก้มของเธอ พอเธอเบี่ยงหน้าหลบ เขาก็ซุกซบซอกคอของเธอแทน
“งามจำได้แล้ว... จำได้ทุกคำเลย” เธอละล่ำละลัก
“จำได้ว่า?”
“คุณให้งามกลับมาทำหน้าที่ตัวเอง...” เธอหยุดพูดแล้วกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะก้มหน้าลงแล้วบอกด้วยเสียงเศร้า ๆ ว่า “แต่งามไม่อยากทำ”
“ก็แค่ทำเหมือนเดิมที่ผ่านมา ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก” เขาเชยคางเธอขึ้นมา แล้วขยับใบหน้าเข้าไปดอมดมกลิ่นหอมจากผิวแก้มเนียน
“ถ้างามบอกว่าไม่ล่ะคะ?”
ตะวันชะงักอยู่กับพวงแก้มซ้าย แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็ทำการสำรวจต่อไปถึงบริเวณใกล้ใบหูของเธอแล้วกระซิบว่า
“ฉันมีวิธีให้เธอกลับมาทำก็แล้วกัน”
“คุณจะฉุดงามทุกวันเลยหรือคะ”
“ฉุดก็สนุกดี”
เขาบอกพลางสูดกลิ่นกายเธอเข้าปอด มือข้างหนึ่งกำลังบดเคล้าทรวงอกของเธอ ฟ้างามพยายามดันเขาออกแต่ก็ไม่เป็นผล
“แต่จับขังคงเหนื่อยน้อยกว่า” บอกอีก
“คุณนี่มันยังไงกันนะ” เสียงหวานเจือสะอื้น ออกแรงดันเขามากขึ้นไปอีก ทว่ายิ่งผลักก็ยิ่งถูกกอดแน่น
“แล้วอย่าคิดที่จะหนีนะ ฉันตามหาเธอได้ไม่ยากหรอก”
“ปล่อยงามเถอะ” น้ำตาเธอไหลลงมาอาบแก้มอีกหน
ไม่ได้ต้องการให้เขาปล่อยแค่อ้อมกอดนี้ แต่อยากให้เขา ‘ปล่อย’ เธอเดินไปตามทาง ที่ผ่านมาเธอขอโทษ เธอได้รับบทเรียนแล้วว่าการเข้ามายุ่งกับชีวิตของเขามันเป็นอย่างไร
ด้านตะวันก็ขยับใบหน้าออกไป แล้วย่นคิ้วถามอีก
“ข้อที่สองล่ะ ?”
“...”
“ข้อสองคืออะไร”
คนถูกถามกลืนก้อนสะอื้นลงคอ รู้ดีว่าข้อแรกเขามัดมือชกเธอไปเรียบร้อยแล้ว แต่ข้อสองนี้เธอก็ไม่รู้จะควบคุมมันได้ยังไง ปราปต์กับเธอเป็นเพื่อนกัน รู้จักกันมานานมากแล้ว
“คุณไม่ให้งามไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่น”
“แล้วทำได้ไหม”
“แต่งามกับคุณปราปต์เป็นเพื่อนกันนะคะ ไม่ได้มีอะไรเกินเลย”
“แล้วที่นั่งรถไปกับมัน คือยังไง?”
“เขาแค่มีน้ำใจไปส่งงามที่บ้าน บอกนั่งแท็กซี่มันอันตราย”
หัวใจของตะวันกระตุกวูบ ทำไมคืนนั้นเขาถึงได้นึกถึงเรื่องนี้ช้ากว่านายปราปต์ มันเป็นเพราะตอนนั้นเขาโมโหเธออยู่ แต่พอตามออกมาก็เห็นเธอไปกับคนอื่นเสียแล้ว
“คุณไม่เชื่องามหรือคะ?” เพราะเขาเงียบไปเธอเลยอดถามไม่ได้
“ยังตอบไม่ได้”
มันคงยากมากสินะที่เขาจะเชื่อคำพูดเธอเพียงสักครั้ง
“แต่ฉันไม่ได้เจาะจงแค่นายหน้าหนวดนะ หมายถึงผู้ชายคนอื่น ๆ ด้วย”
“...”
คงดีมาก ๆ เลยถ้าตะวันอยากให้เธอทำเพราะว่าเขาหึงหรือหวงเธอบ้างสักนิด แต่ความจริงที่ว่าเขาทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ตัวเองเพราะไม่อยากใช้ผู้หญิงร่วมกับใครมันก็ทำให้หัวใจเธอยิ่งเศร้า
“ในกรณีที่เธอทำไม่ได้ ฉันก็จะจับเธอมาขังไว้เหมือนกัน เหนื่อยจะพูด”
“คุณตะวัน!”
“ฉันจะเริ่มขังวันนี้เป็นวันแรก”
“อย่านะคะ”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันทำ แล้วเธอต้องทำยังไง”
“งามจะไม่ยุ่งกับผู้ชายคนอื่นอีก แต่ถ้าในฐานะเพื่อน งามไม่นับนะคะ”
“เล่นลิ้นหรือ?”
“หมอก็มีเหตุผลบ้างสิคะ”
เธอช้อนสายตามองหน้าเขาอย่างเว้าวอน ตะวันเกลียดแววตาแบบนี้ที่สุด เพราะมันทำให้เขาใจแข็งไม่ไหว ต้องลงท้ายด้วยการตามใจเธอทุกที
“ก็ได้”
มุมสวยของฟ้างามยกยิ้มนิดหน่อย อย่างน้อยวันนี้เขาก็ไม่ได้งี่เง่าไปเสียทั้งหมด แล้วเขาก็เชยคางเธอขึ้นมาอีก แล้วจ้องตาเธอแบบไม่ละสายตา
“แต่วันนี้ฉันขอหลักประกันจากเธอหน่อย”
“หลักประกั-”
กำลังจะถามว่าหลักประกันอะไรแต่ก็ถูกเขาฉกลงมาประกบปากเสียก่อน และแน่นอนว่าตะวันไม่ได้ทำแค่จูบ เพราะเขาลูบ เขาจับ และเขาสำรวจทุกส่วนทั้งที่ลับและไม่ลับของเธอทุกตารางนิ้ว เธอโกรธตัวเองที่ยังรักเขาหมดใจและยอมเขาได้มากมายขนาดนี้
ก็อยากเลิกยุ่งกับเขาเหมือนกัน อยากทำได้เหมือนที่ตั้งใจไว้สักที แต่มันคงยากถ้าเขายังคอยวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้
ฟ้างามไม่อยากอยู่บ้าน เพราะกลัวว่าตะวันจะฉวยโอกาสที่พ่อกำนันไม่อยู่แล้วตามมาเอาเปรียบ เธอจึงขอติดรถท่านเข้ากรุงเทพฯ แล้วนั่งรอที่ล็อบบี้ของโรงแรมที่ท่านมาประชุมราชการ
ขณะที่นั่งกินขนมที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อมานั้น ก็มีสายเรียกเข้าจากคนที่เธอคุ้นเคย ทำให้รู้สึกว่าขนมในปากมันจืดชืดไปเลย แต่ก็รีบเคี้ยวแล้วกลืนเพื่อจะได้กดรับสายเขา
“ค่ะ”
‘ทำไมไม่อ่านข้อความ’
“เมมฯ เต็มค่ะ เลยไม่แจ้งเตือน”
จริง ๆ เธอไม่อยากอ่านข้อความเขามากกว่า เพราะไม่รู้จะคุยอะไร พิมพ์ไม่เข้าท่าก็โดนด่ากลับ แต่นี่เขาก็รู้แล้วสินะว่าโทรศัพท์มันทำมาเพื่อโทร ไม่ได้มีไว้ส่งข้อความหากันอย่างเดียว แล้วเขาก็จะว่าเธอไม่ได้ด้วย เพราะเธอรับสายเขาแล้ว ถึงจะไม่อยากรับเอามาก ๆ เลยก็เถอะ
‘แค่จะถามว่าอยากกินอะไรไหม วันนี้ฉันจะเข้าไร่’
“ไม่ต้องซื้ออะไรมาหรอกค่ะ”
เธอไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาเลย ก็เคยบอกไปตั้งแรกแล้ว ถ้าเขาอยากให้เธอจริง ๆ ก็ขอเป็นการให้เกียรติกันดีกว่า ซึ่งเธอรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นไปไม่ได้
‘…’
พอเธอพูดแบบนี้ ปลายสายก็เงียบไปเลย แต่เธอยังรู้ว่าเขาฟังอยู่
“หมอคะ”
‘หือ ?’
“ไม่มีอะไรแล้วงามวางนะคะ”
‘ไม่สะดวกคุยหรือไง’
“งามกินขนมอยู่น่ะค่ะ”
‘แล้วกินข้าวเที่ยงหรือยัง มันจะเที่ยงแล้ว’
“ยังค่ะ รอพ่อก่อน”
‘วันนี้พ่อเธอมีประชุมไม่ใช่หรือไง’
“ค่ะ”
ตอบพลางคิดว่าเขารู้ได้อย่างไร แต่จริง ๆ เขารู้จักคนในตำบลเยอะ และค่อนข้างเป็นที่นิยมในฐานะวิทยากรเกี่ยวกับงานสาธารณสุขของหมู่บ้าน เขาอาจจะรู้จากคนที่รู้จักบิดาของเธออีกทีหนึ่งก็ได้
‘นี่เธออยู่ไหน’
“...” คนถูกถามกลืนน้ำลายลงคอ ตะวันรู้เข้าจนได้
‘เข้ากรุงเทพฯ ใช่ไหม?’
“เอ่อ... ค่ะ”
‘เดี๋ยวฉันไปรับ ตอนบ่ายฉันว่าง แล้วเราไปหาที่ต่อกัน’
พอรู้ว่าเขาลงทุนจะมารับเธอเพราะจุดประสงค์ที่ว่า ‘ไปต่อกัน’ เธอก็อยากร้องไห้เสียเดี๋ยวนี้เลย มันยากนะที่จะไม่คิดว่าตัวเองมีค่าเฉพาะเวลาที่เขาอยากมีเซ็กซ์
“ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวพ่อก็ประชุมเสร็จแล้ว ไม่นานค่ะ”
‘งั้นเย็นนี้เจอกันที่เดิม’
“เย็นนี้ก็ไม่ได้เหมือนกันค่ะ งาม-”
‘เธอนี่มันยังไง นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้’ เขาตะคอกสวนมาทั้งที่เธอยังพูดไม่ทันจบเลยด้วยซ้ำ
“งามแค่จะบอกว่างามมีประชุมออนไลน์กับทีมค่ะ งามปลีกตัวไปไหนไม่ได้จริง ๆ”
‘เสร็จกี่โมง’
“น่าจะดึกเลยค่ะ”
‘…’
เขาเงียบไปอีกแล้ว คราวนี้เหมือนกำลังใช้ความคิด ฟ้างามรู้สึกอึดอัดจนต้องลอบหายใจ เขาจะอะไรกับเธอนักก็ไม่รู้ แค่เธอไม่ไปตอนที่เขาต้องการแค่นี้ เขาจะยอมปล่อยไปไม่ได้เชียวหรือ
‘เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ตีสี่เธอมาหาฉันที่ไร่ พอเสร็จแล้วฉันจะไปส่งเธอแถวตลาด จะได้ไม่มีใครสงสัย’
“แต่คุณตะวันคะ-”
‘เธอจะมาหาฉันเอง หรือจะให้ฉันไปฉุดเธอมาล่ะ’
“...” เธอแค่อยากจะบอกว่าการตื่นเช้าขนาดนั้นทำให้เธอเบลอไปทั้งวัน แล้วยังจะต้องไปรับมือกับเขาอีก แต่ตะวันไม่รับฟัง
‘งั้นก็ตามนี้’
เขาสรุปเสร็จแล้วก็วางสายทันที คราวนี้เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกอยากร้องไห้เหลือเกิน ถึงตอนนี้เธอเข้าใจเต็มอกแล้วว่าความผิดพลาดที่สุดในชีวิตของเธอคือการไปยุ่งกับคนอย่างตะวัน
ขณะที่นั่งไหล่ตกอยู่นั้นเอง ก็ดันเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์ของโรงแรม หล่อนอิงแอบแนบชิดผู้ชายวัยกลางคนท่าทางมีเงิน
ดูแล้วทั้งคู่ไม่น่าจะใช่พ่อลูกกัน เพราะฝ่ายหญิงพิงซบชายแก่เสียราวกับว่าเกิดมาไร้กระดูกเสียขนาดนั้น แถมยังจูบกันดูดดื่มเสียด้วย ซึ่งฟ้างามคงมองเป็นเรื่องธรรมดาหากไม่ติดที่ว่าหล่อนคนนั้นหน้าคล้ายคนรู้จัก
“นั่นคุณแคลร์นี่นา”
ปากพึมพำออกมา แต่สมองกลับคิดว่าตัวเองตาฝาด เพราะผู้หญิงอย่างนั้นคงไม่มีทางทำตัวแบบนี้หรอก... คลาริสาเป็นคนที่ตะวันเลือก
ผู้ชายฉลาดอย่างเขาคงไตร่ตรองเป็นอย่างดีแล้วก่อนที่จะรักใครสักคน เพราะขนาดตัวฟ้างามเองที่เคยทำผิดพลาดเพียงแค่ยอมนอนกับเขาด้วยความรัก ยังเป็นประเด็นให้เขาดูถูกดูแคลนมาจนถึงตอนนี้
หากทว่าใจหนึ่งฟ้างามก็อยากตามไปดูให้เห็นกับตา แต่ในจังหวะที่จะลุกตามออกไปนั้นเอง บิดากับท่านนายอำเภอก็ออกมาจากลิฟต์แล้วเรียกไว้เสียก่อน
“งาม”
ฟ้างามจึงเดินไปหาท่านอย่างเสียไม่ได้
“จะไปไหน”
“งามเจอคนรู้จักค่ะ ว่าจะเดินไปทัก”
เธอพยักพเยิดไปยังสองคนที่ตอนนี้พนักงานโรงแรมกำลังเปิดประตูให้ แล้วเบนท์ลีย์สีเมทัลลิกก็เข้ามาจอดรับทั้งสองคนออกไป พ่อกำนันและท่านนายอำเภอจึงทันได้เห็นพวกเขาแค่ด้านหลังเท่านั้นแต่พ่อกำนันจำได้
“รู้จักคนแบบนี้ด้วยหรือ ?”
“ยังไม่แน่ใจว่าใช่คนรู้จักหรือเปล่าค่ะ กำลังจะเดินไปดูแต่พ่อเรียกซะก่อน”
คนเป็นพ่อทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมาว่า
“พ่อว่าคงไม่ใช่หรอก งามไม่คบเพื่อนนิสัยแบบนี้แน่นอน”
ได้ฟังแบบความเห็นที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังของคนเป็นพ่อ เธอก็รู้สึกว่าลำคอตีบตันจนพูดอะไรไม่ออก แล้วก็รู้สึกอึดอัดจนไม่อยากจะสนทนากับท่านไปเสียดื้อ ๆ
เธออดคิดไม่ได้เลยว่าหากท่านรู้ว่าลูกสาวคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอย่างท่านหวัง ท่านจะรู้สึกอย่างไร เธอได้แต่ฟังท่านพูดต่อไปว่า
“สองคนนี้พ่อเห็นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันมาตั้งแต่อยู่ชั้นสอง พ่อกับนายอำเภอเลยไปเข้าลิฟต์อีกตัวแทน”
“เราไม่อยากเห็นภาพอุจาดตาน่ะครับ”
นายอำเภอหน้าตี๋เสริมขึ้นมาบ้าง ฟ้างามยิ้มน้อย ๆ อย่างเข้าอกเข้าใจ และยังไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ใช่คลาริสากันแน่
ฟ้างามไม่รู้จะตอบคุณย่าศรีสุดาที่ท่านอุตส่าห์ดั้นด้นมาหาถึงที่นี่อย่างไรดี ท่านมาชวนเธอไปร่วมทริปหยุดยาวที่ไร่พักตร์ตะวัน ซึ่งตอนนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาแล้วเนื่องจากบิดาของเขาเสียไปนานมาก เห็นว่าฝ่ายนั้นจะพาเพื่อนมาด้วยสามสี่คน
เธอออดอ้อนคุณย่าว่าไม่อยากไป บอกท่านว่าตะวันไม่ชอบหน้าเธอ ท่านบอกอย่าสนใจ แค่อยากให้เธอไปใช้ช่วงเวลาวันหยุดร่วมกันแบบครอบครัว หากไม่ไปท่านจะโกรธมาก แม้พ่อกำนันจันทร์ หรือที่คุณย่าท่านเรียกว่าพ่อจ่อยแต่ต้องเปลี่ยนชื่อเพราะไม่สบายบ่อยจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ก็ตาม
และในตอนเย็นของวันศุกร์ หลังจากให้ลูกจ้างของไร่ เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องพักเรียบร้อย ฟ้างามก็ลงมือเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารรับรองทุกคนที่จะมาร่วมทริป แต่เพราะนาน ๆ จะมีแขกเสียทีหนึ่ง ในครัวจึงไม่มีเครื่องใช้เพียงพอ เธอก็ไม่เคยมาที่นี่ ก็เลยไม่รู้ว่าจานชามใหม่เอี่ยมถูกเก็บไว้ที่ไหน หรือว่าเจ้าของบ้านเคยซื้อไว้หรือเปล่า ที่เดียวที่คุ้นเคยก็คือบ้านบนเขาที่ตะวันมักจะพาไป ซึ่งที่นั่นมีจานชามอยู่สองสามชุด น่าจะเพียงพอที่จะใช้รับรองแขก
ฟ้างามและลูกจ้างรายวันสองคนซึ่งคุณย่าท่านจ้างมาช่วยเตรียมการโดยเฉพาะ ได้จัดเตรียมทุกสิ่งอย่างให้พร้อมสรรพในเวลาสามชั่วโมง ทุกเมนูถูกจัดขึ้นโต๊ะก่อนหน้าที่คุณศรีสุดาพร้อมด้วยคุณทินกรบุตรชายคนเล็กจะมาถึงเพียงสิบนาที
“ท้องอาจะแตกไหมเนี่ย”
ชายวัยกลางคนซึ่งดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าได้ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นขณะที่เลื่อนเก้าอี้ให้มารดาเขานั่ง ฟ้างามมองไปยังคุณทินกรซึ่งยิ่งแก่ก็ยิ่งหล่อยิ่งดูดีพร้อมเผยรอยยิ้มหวานแล้วเดินเข้าไปรับสูทจากท่านก่อนส่งให้สาวใช้
“งามตั้งใจมาขุนอากรโดยเฉพาะเลยนะคะ”
“น่ารักจริง ๆ เลยหลานอา” ทินกรยิ้มเอ็นดู ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ข้างมารดา “แต่รู้ไหม อาก็ซื้อกับข้าวมาเหมือนกัน”
“เอ้า!” ฟ้างามอ้าปากอุทานหวอ ในใจนึกเสียดาย “อาไม่บอกงามก่อนอะคะ”
“ไม่เป็นไร แช่แข็งไว้ให้ตะวันมันกินมื้ออื่น” อาว่า
“รายนั้นขึ้นชื่อเรื่องกินอาหารแช่แข็งค่ะ”
ฟ้างามพูดเหมือนบ่นที่ตะวันเป็นถึงหมอแต่กลับไม่สนใจเรื่องโภชนาการของตัวเอง ชื่นชอบอาหารแช่แข็งและอาหารขยะเพราะมันกินง่ายไม่ยุ่งยาก
ตอนนั้นทินกรเอื้อมมือไปจะหยิบไก่ทอดหอมกรุ่นจากในจาน แต่ก็โดนมารดาตีมือเข้าให้ เขาแสร้งทำหน้างอ แต่นั่นยิ่งทำให้เขาโดนดุอย่างไม่จริงจังนักว่า
“ตะกละไม่เลิกแบบนี้ไง ถึงไม่มีเมียกับเขาซะที”
“เกี่ยวกันตรงไหนครับคุณแม่” เขาแย้งขำ ๆ
อันที่จริง ทินกรยังไม่เจอคนที่ถูกใจ และกลัวว่าผู้หญิงที่พามาจะเข้ากับตะวันไม่ได้ เขารักตะวันเหมือนลูก อะไรที่ไม่ถูกใจฝ่ายนั้นก็ไม่ถูกใจเขาด้วย โดยเฉพาะผู้หญิงที่จะเข้ามาเป็นอาสะใภ้
คุณศรีสุดาส่ายศีรษะยิ้มๆ ก่อนจะให้เด็กเอากับข้าวที่ซื้อมาไปฟรีซไว้ ความมัธยัสถ์และติดดินไม่เจ้ายศเจ้าอย่างของพวกท่าน คืออีกหนึ่งสิ่งที่ฟ้างามประทับใจ
ในระหว่างรอให้แขกมาพร้อมหน้า คุณทินกรถามถึงบิดาของเธอซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฟ้างามก็ได้แต่ตอบว่าพ่อกำนันไม่ว่าง ไม่อยากบอกว่าฝ่ายนั้นไม่ชอบหน้าตะวันเสียเท่าไหร่เลยไม่ยอมมาร่วมรับประทานอาหารเพราะกลัวจะกลืนอะไรไม่ลง
บรรยากาศก่อนที่ตะวันจะเข้ามานั้นมีแต่ความสนุกสนานและอบอุ่น ฟ้างามสบายใจเหมือนว่านี่เป็นครอบครัวของตัวเองจริง ๆ ต่อเมื่อคนที่พยายามกีดกันเธอออกจากความอบอุ่นเหล่านี้ได้ปรากฏตัวพร้อมกับเพื่อน ๆ เขานั่นแหละ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดขึ้นมาในทันที
