♥ บทที่ 7 ♥

แอชเชอร์ เบนเน็ตต์

เสียงฝีเท้าของผมดังก้อง ทั้งที่พยายามวิ่งให้เงียบที่สุด

ความมืดรอบตัวช่างน่าอึดอัด มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟถนนที่พังแล้วส่องสว่างเป็นระยะๆ หน้าอกของผมร้อนผ่าว หัวใจเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง และเสียงฝีเท้าหนักๆ ข้างหลังก็ใกล้เข้ามาทุกที

ผมรู้ว่าเป็นใคร ไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมอง

ดวงตาสีดำคู่นั้น—เย็นเยียบราวดั่งความตาย—สลักลึกลงในใจของผม

เขากำลังไล่ล่าผม

"วิ่งไปสิ โซจอง"

น้ำเสียงของเขาทุ้มลึก เจือไปด้วยคำขู่เย้ยหยันอันดำมืด

ผมสะดุดก้อนหินที่หลุดร่อนจนล้มลง เข่ากระแทกกับพื้นถนนหยาบๆ ผมพยายามจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับไม่ยอมขยับ

ไม่ทันที่ผมจะได้ทันตั้งตัว มืออันแข็งแกร่งก็ตะครุบลงบนไหล่ กระชากผมกลับไปอย่างโหดเหี้ยม

สัมผัสเย็นเยียบของเขากดลึกลงบนผิว

"ไม่มีทางหนีรอด" เขากระซิบข้างหู และความสั่นสะท้านอย่างรุนแรงก็แล่นปราดไปทั่วสันหลัง

ตาของผมเบิกกว้าง และขณะที่ผมหันกลับไปโดยคาดว่าจะได้เผชิญหน้ากับความตาย—ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป

ทันใดนั้น ผมก็ไม่ได้กำลังวิ่งหนีอีกต่อไป

โลกรอบตัวผมพลันเปลี่ยนไป

บัดนี้ ผมอยู่ในห้องนอนหรูหรา ผนังสีเข้มและเครื่องเรือนอันสง่างามแผ่กลิ่นอายของอำนาจและการครอบงำ เขายังคงอยู่ที่นั่น—แต่เขาไม่ได้ฉุดรั้งผมไว้ดั่งนักล่าที่กำลังตะครุบเหยื่อ

ไม่เลย

เขากำลังตรึงผมไว้กับกำแพง

ร่างของเขากดเบียดชิดกับร่างของผม ร้อนระอุผ่านชุดสูทสั่งตัด ดวงตาสีดำจับจ้องมาที่ผม แต่คราวนี้ ความกระหายในดวงตาคู่นั้นกลับเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง

"ฉันบอกแล้วว่าเราจะได้เจอกันอีก" เขากระซิบ เสียงแหบพร่าเจือความมั่นใจอย่างเจ้าเข้าเจ้าของ

ผมพยายามจะพูด แต่ลมหายใจกลับติดขัดในลำคอ—และแล้วริมฝีปากของเขาก็ครอบครองริมฝีปากของผม

มันไม่ใช่จูบที่อ่อนโยน แต่เป็นจูบที่กลืนกิน เรียกร้อง และครอบงำ

ลิ้นของเขาดันผ่านริมฝีปากของผมเข้ามา ช่วงชิงอากาศไปจากปอด ขณะที่มือของเขาเลื่อนลงมาที่เอว ดึงผมเข้าไปใกล้ขึ้น—กักขังผมไว้แนบชิดกับเขา

กลิ่นไม้ซีดาร์ รสมินต์ และความร้อนรุ่มจากสัมผัสของเขาที่แทบทนไม่ไหว

มันกลืนกินผมจนหมดสิ้น

ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเขาลากผ่าน เปลวไฟก็เลียลามขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง

"เธอเป็นของฉัน โซจอง" เขากรอกเสียงชิดริมฝีปาก และทั้งร่างของผมก็สั่นสะท้าน

ผมควบคุมปฏิกิริยาของตัวเองไม่ได้

ผมไม่อยากจะตอบสนองแบบนี้

แต่เมื่อเขาเชยคางผมขึ้นแล้วลากริมฝีปากลงมาตามลำคออย่างเชื่องช้าและทรมาน ผมก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่น่าหวาดหวั่นคืบคลานเข้ามา

ความปรารถนา

ความกระหายอันมืดมิดและไม่คุ้นเคยขดตัวอยู่ในอก พันกันยุ่งเหยิงกับความกลัว

"ได้เวลาตื่นแล้ว"

เสียงของเขาตัดผ่านม่านหมอกราวกับคมมีด

และทันใดนั้น—ผมก็สะดุ้งตื่นพร้อมกับหอบหายใจ

ผมเบิกตาโพลง ร่างกายกระตุกผึงขึ้นมานั่งบนเตียง

หน้าอกของผมกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นกระหน่ำอยู่กับซี่โครง

ผมยกมือที่สั่นเทาขึ้นลูบหน้า พยายามดึงสติกลับสู่ความเป็นจริง

มันเป็นแค่ฝัน ฝันบ้าๆ

ผมก้มลงมอง—แล้วความร้อนก็ฉ่าขึ้นมาบนใบหน้า

ให้ตายสิ

ผมครางออกมาอย่างหงุดหงิด พลางขยี้ผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง

นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับผมวะเนี่ย

ห้าวันแล้วนับตั้งแต่คืนนั้นที่ไนต์คลับ

ห้าวันที่ผมได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรจะเห็น

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ยอมไปจากหัวของผมเลย

ไม่ใช่เพราะผมอยากจะจำ

แต่เพราะเขาบุกรุกเข้ามาในความฝันของผมทุกคืน

รูปแบบมันเหมือนเดิมเสมอ

ตอนแรกคือฝันร้าย—ผมกำลังวิ่งหนี จมดิ่งอยู่ในความกลัว

จากนั้น ฉากก็เปลี่ยน

ความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น

บางสิ่งที่ทำให้ร่างกายของผมตอบสนองในแบบที่ผมไม่อยากจะยอมรับ

"ผมกำลังจะบ้า" ผมพึมพำ พลางจ้องมองเพดาน

ผมพลิกตัวนอนตะแคง อยากจะปัดความคิดพวกนั้นทิ้งไปเหลือเกิน—แต่ก็เปล่าประโยชน์

นับตั้งแต่คืนนั้น ผมก็อยู่ในภาวะตื่นตัวตลอดเวลา

ไม่ว่าจะไปที่ไหน ผมก็รู้สึกเหมือนถูกจับตามอง

ทุกใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยบนท้องถนนให้ความรู้สึกเหมือนเป็นภัยคุกคาม

ทุกเงาทำให้ผมต้องกลั้นหายใจ

สมาธิในการทำงานของผมพังไม่เป็นท่า

ผมคอยชำเลืองมองหน้าต่างตลอดเวลา สังเกตทุกความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว

เมื่ออยู่ที่บ้าน ผมล็อกประตูสองครั้ง สามครั้ง—ตรวจแล้วตรวจอีก

"แอชเชอร์ มึงโอเคไหม"

เสียงของนิคดึงผมออกจากภวังค์

ผมหันไปอย่างรวดเร็วก็เห็นเขายืนกอดอกอยู่ที่ประตูห้องนอน สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของเขากำลังสำรวจผมอยู่

"อืม เป็นไรเหรอ" ผมเค้นเสียงตอบ กลบเกลื่อนความไม่สบายใจ

"ก็มึงทำตัวแปลกๆ มาหลายวันแล้ว" คิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้น "มึงแทบไม่คุยกับกูเลย แล้วก็ใจลอยตลอดเวลา... นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่วะ"

ลำคอของผมตีบตัน

ส่วนหนึ่งในใจอยากจะเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง

อยากจะระบายความกลัวที่อัดอั้นจนหายใจไม่ออก

แต่ผมลากเขาเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ไม่ได้

มันอันตรายเกินไป

"ไม่มีอะไรหรอกนิค แค่... เหนื่อย" ผมพูด พลางหลบสายตาเขาแล้วนั่งลงที่ขอบเตียง

"เหนื่อยเหรอ" เขาแค่นหัวเราะ "เพื่อน เราเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว กูดูออกน่าว่ามีอะไรผิดปกติ"

ผมผ่อนลมหายใจ ใช้นิ้วกดขมับของตัวเอง

"ไม่มีอะไรจริงๆ นิค กูสาบาน แค่ทำงานหนักไปหน่อย มึงก็รู้ว่าเป็นไง"

เขามองผมนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะถอนหายใจ

"เออๆ แต่ถ้ามึงต้องการอะไร มึงคุยกับกูได้นะเว้ย ใช่ไหม"

ผมพยักหน้า

"กูรู้ ขอบใจ"

เขาลังเล แต่ในที่สุดก็ถอยกลับไป ปิดประตูตามหลัง

ผมปล่อยลมหายใจยาว เอนหลังพิงหัวเตียง

ผมอยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องที่ผมคิดไปเอง

ว่าชายคนนั้นไม่ได้กำลังจับตามองผมอยู่

ว่าในที่สุดเขาก็จะลืมเรื่องของผมไป

แต่ลึกๆ แล้ว ผมรู้ว่าผมคิดผิด

ผิดถนัด... ผิดมหันต์

บทก่อนหน้า
บทถัดไป