บทที่ 7 ตอนที่7.ฉัตรฉาย

โทรศัพท์มือถือที่แผดเสียงดังลั่น ปลุกคนนอนคุดคู้ใต้ผ้าห่มให้ตื่นขึ้น มือบางควานหามือถือ หรี่ตามองหน้าจอเพื่อดูว่า ใครกันที่เสียมารยาทโทรมาดึกดื่น ก่อนจะถอนหายใจ เมื่อเห็นรายชื่อของคนที่โทรเข้ามา

“เฉิด!...” เรียกชื่อคนปลายสาย แล้วดีดตัวออกจากที่นอน ลางสังหรณ์บอกว่าสิ่งที่กำลังจะได้ยินจากคนปลายสาย ไม่น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะน้องจะนึกถึงเธอเวลาที่เดือดร้อนเท่านั้น

“ว่าไงเฉิด!” กรอกเสียงไปตามสาย พร้อมกับลุ้นไปด้วยว่า วันนี้จะต้องเจอกับอะไร เมื่อคืนก่อนเธอเพิ่งขับรถไปรับน้องชายที่บ้านเช่าของแฟนสาวกลางดึก

“พี่ฉัตร... ผมถูกตำรวจจับ” เสียงอ้อแอ้ที่มาพร้อมกับเสียงใครบางคน ที่ดังแทรกเข้ามาเหมือนคนกำลังทะเลาะกัน ทำให้ฉัตรฉายใจชื้น เสียงดังแบบนี้คงเป็นเรื่องทะเลาะวิวาท เมาแล้วทะเลาะกันกลางดึก มีคนแจ้งจับดีกว่าน้องโดนจับเรื่องยาเสพติดเป็นไหน ๆ

“ถูกจับ! ที่ไหน! เรื่องอะไร!” แม้จะเคยบอกไว้ว่าจะไม่สนใจอีกแล้ว แต่ทุกครั้งที่น้องโทรมา ฉัตรฉายก็นิ่งเฉยไม่ได้

“อีอุ๊มันแจ้งความจับหนู.../บอกให้พี่มึงรีบมาเลยนะ กูไม่เอามึงแล้ว” เฉิดฉินพูดไม่เต็มเสียงนัก ในขณะที่อีอุ๊ หรือ อุษา คนที่เฉิดฉินเรียกว่าเมีย ตะโกนเข้ามาในสายด้วยถ้อยคำหยาบคาย หญิงสาวถอนใจก่อนจะถือสายไว้อย่างนั้น รอจังหวะถามสาเหตุ แต่ปลายสายไม่เปิดช่องไฟให้ถาม เลยไม่รู้ว่าน้องกับเมียทะเลาะกันอยู่ที่ไหน

“เฉิดนะเฉิด ทำไมไม่รู้จักจำ” พูดกับตัวเอง แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนอนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขน ยัดชายเสื้อลงขอบกางเกงยีนส์ขาเดฟเข้ารูป รวบผมยาวสยายเป็นหางม้าลวก ๆ ถุงเท้าสีขาวสะอาดสวมลงมาที่เท้าบอบบาง ฉัตรฉายเลือกใส่รองเท้าผ้าใบแทนรองเท้าฟองน้ำ เพราะคิดเผื่อไปว่า ถ้าน้องสะใภ้พูดจาไม่เข้าหู หรือกวนใจเธอมาก ๆ เธออาจจะต้องใช้มัน ฟาดปากสักทีก็ดีเหมือนกัน หลายครั้งแล้วที่อุษาพูดจาหยาบคาย ยั่วยุให้เธอโมโห

ยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกง จังหวะที่หันไปหยิบกุญแจรถ หัวใจของหญิงสาวก็ร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อสบตากับตากลมโตคู่เล็กที่เงยหน้ามองเธอ มือเล็กกลมป้อมเอื้อมมาจับขากางเกงของเธอเอาไว้ พร้อมกับถามคำถาม

“ป้าฉัตรจะไปไหน” คำถามของหลานสาว ทำให้ฉัตรฉายกังวลมากขึ้นไปอีก ไม่รู้ว่าจะตอบหลานว่าอะไร ถ้าไม่จำเป็นเธอก็ไม่อยากโกหกหลาน ไฉไลน่าจะตื่นเพราะเสียงมือถือ นึกแล้วยังโมโหไม่หายปรกติเธอจะปิดเสียงก่อนนอน แต่เพราะความเพลีย เมื่อหัวถึงหมอนจึงหลับเป็นตาย แม่ไปงานแต่งจึงให้หลานมานอนกับเธอ

“ป้าฉัตรจะไปไหนคะ ไปหาพ่อแห้งหรือเปล่า ไฉไลไปด้วยได้ไหมคะ” ไฉไลถามอย่างไร้เดียงสา พร้อมกับเขย่าขากางเกงของป้าไปมา ฉัตรฉายย่อตัวลงกับพื้น งานนี้เธอคงต้องอธิบายให้หลานฟัง หลายวันแล้วที่ไฉไลไม่เห็นหน้าพ่อ เฉิดฉินกลับมาบ้านก็จริง แต่อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ที่ปลูกห่างออกไปจากบ้านใหญ่พอสมควร

“ไฉไล...หนูไปนอนกับย่าก่อนนะ ป้าฉัตรต้องออกไปทำธุระ”

“ไปหาพ่อแห้งหรือเปล่าคะ ไฉไลไปด้วย” ไฉไลยังถามคำถามเดิม เมื่อก่อนเฉิดฉายมีร่างกายผอมแห้ง คนที่บ้านภรรยาเก่าจึงเรียกว่า ‘ไอ้แห้ง’ ไฉไลเลยเข้าใจว่าพ่อชื่อแห้ง จึงเรียกพ่อแห้งจนติดปาก ทำให้รู้ว่าภรรยาเก่าของเฉิดฉินขาดคุณสมบัติหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะความเป็นแม่ หลังจากแยกทางกัน เธอจึงรับหลานมาอยู่ด้วย ถ้าให้ไฉไลอยู่กับแม่คงมองไม่เห็นอนาคต

“ป้าไม่ได้ไปหาพ่อแห้งค่ะ ป้าไปธุระที่โรงเรียนค่ะ” ฉัตรฉายโกหกคำโต เพราะไม่อยากให้หลานร้องตาม

จังหวะนั้นมือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นอีก หญิงสาวจึงต้องกดรับสายต่อหน้าหลาน

“พี่ฉัตร! ผมจะไปโรงพักแล้วนะพี่” ฉัตรฉายพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้เที่ยงคืน จึงจูงหลานไปส่งให้กับแม่ ชักช้าจะยิ่งเสียเวลา เฉิดฉินเมาจนไม่มีสติ ถ้าอุษาแจ้งกับตำรวจว่าถูกทำร้ายร่างกาย น้องก็เสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งร่อง

“พี่ฉายล่ะแม่” คำถามและท่าทางรีบร้อนของลูกสาว ทำให้โฉมฉายถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ มองหน้าลูกกับหลานสลับกันไปมา อาการแบบนี้ไม่บอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เฉิดสร้างเรื่องอะไรอีก! ปล่อยเลย ไม่ต้องไปสนใจมัน สร่างมันก็คืนดีกัน เวลาที่ดีกัน มันเคยเห็นหัวแกไหม” โฉมฉายพูดด้วยอารมณ์โมโห เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉิดฉินก่อปัญหา ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยทำให้แม่กับพี่สบายใจเลยสักครั้ง มีเมียแต่ล่ะคนก็พึ่งพาไม่ได้ นอกจากจะไม่ทำมาหากิน ยังเอาภาระมาทิ้งไว้ให้ ที่นางเอาไฉไลมาเลี้ยงเพราะเห็นแก่อนาคตของหลาน

“เบาสิแม่” พูดพร้อมกับโบ้ยหน้าไปทางไฉไล เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยืนฟังอยู่ โฉมฉายจึงเบาเสียงลง

“ไม่มีอะไรหรอกแม่ พี่ฉายกลับมาหรือยัง” ถามหาฉายแสง เพราะอยากให้พี่ไปเป็นเพื่อน มีพี่ไปด้วยจะได้อุ่นใจ

“กลับมาพร้อมกันนี่แหละ ฉายกินเหล้ามานะ” เมื่อเย็นฉายแสงไปงานเลี้ยง และดื่มเหล้าไปหลายแก้ว

“ให้นั่งไปเป็นเพื่อนนะ เดี๋ยวฉัตรขับรถเอง แม่พาไฉไลไปนอนเถอะ ดึกแล้วฉัตรไม่อยากให้หลานนอนดึก” ตัดบทเพราะไม่อยากให้ไฉไลรู้เรื่องไปมากกว่านี้ หลานอยู่ในวัยกำลังจำ เธอไม่อยากให้หลานจำภาพที่ไม่ดีของพ่อ

“เอาแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะฉัตร” แม่หมายความว่ายังไง เธอรู้ดีที่สุด ได้แต่หวังว่าน้องจะคิดได้ ถึงกับขึ้นโรงพักกลางดึกก็ไม่ธรรมดาแล้ว ทะเลาะกันแต่ก็ไม่น่าให้เรื่องถึงตำรวจ

“พี่ขับเอง ฉัตรไม่ชินทาง” ฉายแสงบอกกับน้อง ถึงจะดื่มเหล้าแต่ก็ไม่ถึงกับเมา

“ฉัตรขับเอง พี่ฉายคอยบอกทางแล้วกัน” ฉัตรฉายบอกแล้วขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ

“ถึงกับขึ้นโรงพักเลยเหรอวะ!” พูดด้วยความโมโห ก่อนจะขึ้นรถไปกับน้อง ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าสร่างเมาแล้วไปคืนดีกันอีก เขาก็คงต้องปล่อย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป