บทที่ 8 ตอนที่8.ปัญหาที่แก้ไม่ตก

“พี่ฉายว่าไง” ถามพี่ชายเพราะคิดไม่ออกแล้วว่าจะต้องทำยังไง ฉายแสงมองหน้าน้อง ปรับเบาะให้อยู่ในท่านอนแล้วยกมือก่ายหน้าผากทำท่าครุ่นคิด

“พี่ฉายว่า ครั้งนี้เฉิดจะเชื่อเราไหม”

“สร่างเมามันก็ดีกัน ไม่น่าให้ถึงตำรวจเลย” ฉายแสงตอบสั้น ๆ ในความไม่สนใจแต่ฉัตรฉายรู้ว่า พี่ก็เครียดไม่น้อยไปกว่าเธอ

“ผู้หญิงคนนั้นส่งข้อความมาหาฉัตร... เรียกค่าเสียหายที่ถูกเฉิดทำร้ายสองหมื่น ถ้าไม่จ่ายก็จะไปแจ้งความ ฉัตรไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแม่ กลัวแม่จะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงหากิน เอาจริงนะพี่ฉาย ฉัตรไม่เข้าใจเลยว่าเธอต้องการอะไร” เฉิดฉินพึ่งเจอกับแฟนได้สามเดือน ก่อนจะตกลงปลงใจอยู่ด้วยกัน เธอไม่รู้ว่าน้องสะใภ้เป็นใครมาจากไหน และมีนิสัยอย่างไร รู้แค่ว่าชื่ออุษา เป็นเด็กชงเหล้าประจำร้านอาหารที่เฉิดฉินไปเที่ยว คบกันได้ไม่นานเงินเก็บของเฉิดฉินก็หมด ผู้หญิงคนนั้นเคยตามเฉิดฉินมาที่บ้านสามครั้ง ที่เธอออกไปรับหน้า เพราะไม่อยากให้น้องไม่สบายใจ แม่ไม่ต้อนรับและแสดงท่าทางรังเกียจออกมาอย่างชัดเจน เธอเป็นพี่จะทำอะไรได้

“ก็เอาแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้ามันกลับไปคืนดีกันอีกก็ปล่อยมัน ถือว่ามันเลือกแล้ว” พูดจบฉายแสงก็หลับตาลง ฉัตรฉายไม่รู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่ พี่พูดแบบนี้มาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่น้องมีเรื่องพี่ก็ทิ้งไม่ได้

“ฉัตรจะลองคุยกับผู้หญิงคนนั้นดูก่อน จะบอกให้เธอใจเย็น ๆ ฉัตรไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ มันจะจบยากนะพี่”

“ไม่ถึงหรอกถ้าจ่ายเงินให้มัน แต่พี่ไม่จ่าย สู้กันสักตั้งก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ด้วยว่าเฉิดจะเลือกใคร” ฉายแสงหันมาบอกกับน้อง ทั้ง ๆ ที่รู้แล้วว่าจุดจบของเรื่องนี้อยู่ตรงไหน ได้แต่หวังว่าน้องจะจำและคิดได้บ้าง ไม่ใช่เก่งแต่ตอนเมา

“คนมันกำลังหลง พูดยากนะพี่” เท้าบางเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วอีกนิด เมื่อมือถือหน้ารถดังขึ้น

ตาคมเข้มมองรถกระบะสี่ประตู ที่ขับผ่านไปด้วยความสงสัย ดึกป่านนี้ฉัตรฉายออกไปไหน

“รถครูฉัตรนี่พี่ ดึกป่านนี้ไปไหนวะ” ต๋องพูดพร้อมกับสังเกตอาการของลูกพี่ไปด้วย ถึงจะทำเป็นไม่สนใจ แต่เขาก็ทันเห็นว่าลูกพี่มองรถ

“ตามไปดูไหมพี่ เผื่อมีเรื่องจะได้ช่วยทัน” ต๋องรู้ว่าลูกพี่กำลังคิดอะไรอยู่ เติมเต็มลุกจากเก้าอี้ เดินไปขึ้นรถ ต๋องวิ่งไปจ่ายเงินค่าก๋วยเตี๋ยว ก่อนจะโดดขึ้นรถแล้วขับตามลูกพี่ออกไป ลูกน้องที่มาด้วยมองหน้ากัน ก่อนจะโดดขึ้นรถแล้วขับตามไปติด ๆ

เมื่อตกลงกันไม่ได้ ร้อยเวรจึงให้ทั้งสองลงบันทึกประจำวันในข้อหาทะเลาะวิวาท อุษาแจ้งก่อน เฉิดฉินจึงแจ้งกลับ ฝั่งนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเป็นแบบนี้ จึงด่าท่อด้วยถ้อยคำหยาบคาย ฉายแสงยืนประกบเฉิดฉินตลอดเวลา กลัวน้องจะคุมอารมณ์ไม่อยู่ เฉิดฉินอยู่ในอาการมึนเมา เมื่อถูกยั่วยุเลยกลัวว่าจะขาดสติ จนพลั้งมือทำอะไรรุนแรง เปิดช่องให้ฝ่ายนั้นได้เปรียบ

“ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลนะคะ หมวดจะทำใบส่งตรวจให้ ตรวจแล้วกลับบ้านได้เลย ทางโรงพยาบาลจะส่งผลตรวจนิติเวทมาที่โรงพัก แล้วหมวดจะนัดมาสอบทีหลังนะคะ” ร้อยเวรพูดพร้อมกับลุกขึ้นไปทำใบส่งตัว อุษาจึงถือโอกาสนี้ด่าเฉิดฉินหนักขึ้น เฉิดฉินนั่งหัวเราะพร้อมกับพูดพล่ามตามประสาคนเมา ฉายแสงได้แต่ส่ายหัวไปมา ในขณะที่ฉัตรฉายปรามให้ทั้งสองหยุดพูดจาให้ร้ายกัน

ฉัตรฉายกับฉายแสงพาน้องมาทำแผลและตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล อุษาตามมาในเวลาต่อมา เมื่อทั้งสองเจอหน้ากันก็ปะทะฝีปากกันอีก หมอและพยาบาลจึงจับแยกห้องตรวจ ระหว่างที่ฉัตรฉายยืนรอน้องหน้าห้องนิติเวท เธอเห็นใครบางคน ลักษณะท่าทางที่ไม่เหมือนใคร เห็นแค่เงาก็จำได้ว่าเป็นเขา

“เติมเต็ม!” อุทานออกมาด้วยความตกใจ จนฉายแสงที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

“อะไรฉัตร”

“ฉัตรเห็นเติมเต็มค่ะพี่ฉาย เติมเต็มอยู่หน้า

ห้องตรวจ”

“เหรอ...พี่ไม่เห็นนะ เติมกับอุษา...ไม่น่ามาด้วยกันได้” พูดพร้อมกับมองไปรอบ ๆ เติมเต็มไปไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียว ถ้าเขามาที่โรงพยาบาลจริง ๆ ต้องมีลูกน้องตามมาเป็นคันรถ

“อะไรก็เกิดขึ้นได้ พี่ฉายลืมแล้วเหรอว่าอุษาทำงานร้านอาหาร ฉัตรกลัวว่า...”

“อย่าคิดมากเลยฉัตร” ฉายแสงบอกกับน้องแล้วนั่งรอตามเดิม ฉัตรฉายมองไปทางเดิม อุษาเข้าห้องตรวจไปแล้ว หน้าห้องจึงมีแต่ป้ายประชาสัมพันธ์ หรือว่าเธอตาฝาดเห็นป้ายเป็นเติมเต็ม จากกันวันนั้นเธอก็ไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลย มีเจอกันบ้างแต่ก็คุยกันเฉพาะเรื่องงาน ครูโรงเรียนวัดกับลูกชายนักการเมืองท้องถิ่น หนีกันไม่พ้นอยู่แล้ว ทุกครั้งที่โรงเรียนมีกิจกรรมก็ต้องเชิญพวกเขามา สิ่งที่ฉัตรฉายกลัวมากที่สุดก็คือ ถ้าอุษาเป็นคนของเติมเต็มจริง ๆ เรื่องนี้คงไม่จบง่าย ๆ เติมเต็มมีอิทธิพลมากมาย เธอจะเอาอะไรไปสู้กับเขา

“เลิกแน่ ๆ พี่ฉัตร หนูเลิกกับมันแน่ ๆ อีเหี้ยนั่นมันจะเอามีดมาปาดคอหนู ถ้าหนูไม่เตะมีดออกมันคงแทงหนูคงตายไปแล้ว!” เฉิดฉินพล่ามมาตลอดทาง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าจะเลิกกับอุษาแน่นอน ฉัตรฉายก็อยากให้เป็นอย่างนั้น ในขณะที่ฉายแสงพูดถึงเรื่องบวช ฉายแสงอยากให้เฉิดฉินบวชล้างซวยสักพรรษา

“เรื่องบวชเอาไว้ก่อนเถอะพี่ฉาย เอาเรื่องคดีก่อน ถ้าทางนั้นไม่ถอนแจ้งความเราจะเอายังไง ถ้าเฉิดสร่างเมาแล้วกลับไปดีกันอีกจะทำยังไงดี”

“ก็ต้องปล่อยมัน...” ฉายแสงพูดพร้อมกับหลับตาลง ตีสามกว่าแล้วพรุ่งนี้เขามีประชุมเช้า มันใช่เรื่องไหมที่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ ถ้ากลับไปคืนดีกันอีกก็คงต้องปล่อยจริง ๆ

ฉัตรฉายขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางคิดเรื่องของเฉิดฉินไปด้วย ถ้าน้องเลิกกับเมียได้จริง ๆ แม่คงดีใจมาก แต่ถ้ากลับไปคืนดีกันอีก ก็คงต้องปล่อยอย่างที่ฉายแสงบอก โต ๆ กันแล้วต้องให้ตัดสินใจกันเอง ส่วนหลานเธอจะเลี้ยงไว้เอง อยู่กันสองคนยังตีกันทุกวัน ถ้าเอาไฉไลไปเลี้ยงอย่างที่อุษาอยากให้เป็น คิดไม่ออกเลยว่าหลานจะมีสภาพเป็นอย่างไร คุณครูสาวยกมือคลึงขมับเมื่อคิดอะไรไม่ออก โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอม ไม่อย่างนั้นคงไม่มีแรงลุกไปสอนแน่นอน

ถึงแม้ตาจะเขียวช้ำ หน้าบวมจนหมดสวย แต่เมื่อเห็นหนุ่มหล่อยืนอยู่ข้างรถ อุษาก็ไม่ทิ้งลายเดิม เก็บผมไปไว้ที่หลังหู ดึงคอเสื้อให้ร่วงมาที่หัวไหล่ เพิ่มจริตอีกนิด เผื่อคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะหันมาสนใจ

“ผมเติมเต็มครับ” เติมเต็มแนะนำตัวเมื่อหญิงสาวมายืนตรงหน้า

“เติมเต็ม...ใช่คุณเติมเต็มลูกชายนายกหรือเปล่าคะ” อุษาถาม เธอเคยได้ยินชื่อเสียงของเติมเต็มมาบ้าง แต่ไม่เคยเจอตัวจริง เติมเต็มลูกชายนายกอบจ. ถ้าใช่จริง ๆ บุญก็หล่นทับเธอ

“ครับ...คุณรู้จักผมด้วยเหรอ” เติมเต็มกลั้นขำ ตลกกับท่าทางของคนตรงหน้า ที่ฝืนทำให้ตัวเองดูไร้เดียงสาที่สุด

“อุษาค่ะ เรียกอุ๊ก็ได้ อุ๊ได้ยินชื่อคุณเติมมานาน ไม่คิดว่าตัวจริงจะดูดีขนาดนี้ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” อุษายื่นมือมาข้างหน้า เติมเต็มจับมืออุษาแล้วบีบเบา ๆ อุษาเอียงอาย การกระทำแบบนี้คนที่เที่ยวกลางคืนเท่านั้นถึงจะเข้าใจ

ตาคมเข้มมองอุษาตาไม่กะพริบ ยิ่งทำให้อุษาเขินอายไปกันใหญ่

ต๋องและลูกร้องขำกับท่าทางของผู้หญิงคนนั้น ที่เอียงอายจนเกินงาน ถ้าเรื่องนี้ไม่มีครูฉัตรเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้แต่เงาของลูกพี่หล่อนก็จะไม่มีทางได้เห็น

“บีบมืออุ๊แบบนี้ ต้องการอะไรคะ”

“หน้าไปโดนอะไรมาครับ” ไม่พูดเปล่ามือแกร่งยังลูบลงที่ใบหน้าของหญิงสาว แสดงให้เห็นว่าเขาห่วงใยเธอ

“อุ๊ถูกลูกค้าที่ร้านทำร้ายนะคะ เจ็บไปทั้งหน้าเลย คุณเติมดูสิคะ หน้าอุ๊เขียวหมดเลย อุ๊เพิ่งทำหน้ามาสองหมื่น ไม่มีใครชดใช้ให้อุ๊เลยค่ะ นางครูนั่นมันฉลาดมันพูดจนตำรวจเข้าใจผิด คิดว่าเป็นเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน อุ๊ตัวคนเดียวจะไปสู้อะไรได้” อุษาบีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสาร ทำเหมือนจะซบลงที่อกของเติมเต็ม ชายหนุ่มถอยหนีอย่างลืมตัว

“คุณอุ๊พูดเหมือนรู้จักพวกเขานะครับ รู้เหรอครับว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นครู...” อุษาเพิ่งรู้ตัวตอนนี้เองว่าพูดมากเกินไปแล้ว

“เออ...คือ...ว่า”

“ช่างเถอะครับผมไม่สนว่าคุณอุ๊จะรู้จักหรือไม่ ผมสนแค่ว่า...” ตาคมเข้มกวาดมองไปทั่วตัวหญิงสาว กลืนน้ำลายลงคอ บอกให้อุษารู้ว่าเขาต้องการอะไร

เงินสดสองหมื่นวางลงบนมือ อุษามองมันอย่างไม่เชื่อสายตา

“ผมทำขวัญให้นะครับ หายดีแล้วโทรหาผมนะ” วางนามบัตรลงบนปึกธนบัตร ยิ้มให้แล้วเดินจากไป แค่นี้ก็ตกอุษาได้แล้ว ผู้หญิงคนนี้กระหายเงินที่สุด

อุษามองตามหลังเติมเต็มไปจนลับตา ก่อนจะกรี๊ดออกมาจนสุดเสียง ดีใจที่โชคหล่นทับถึงสองชั้น ได้เงินมาใช้ฟรี ๆ แถมยังได้สานสัมพันธ์กับลูกชายคนดัง เป็นบุญของเธอจริง ๆ

“ทรงอย่างแบด แซดยังบอย” เพลงนี้เหมาะสมกับเติมเต็มที่สุด

“อยากรู้จังว่าหางงูอยู่ตรงไหน” รอยสักรูปงูที่โผล่มาจากแขนเสื้อทำให้อุษาเคลิบเคลิ้ม อยากรู้ว่าเวลาที่ไม่มีเสื้อผ้าปิดบัง งูตัวนั้นจะน่ากลัวแค่ไหนกันเชียว ยกเงินปึกใหญ่ขึ้นมาจูบ พร้อมกับฝันหวาน คิดไปไกลจนถึงขั้นขึ้นเตียงกับเติมเต็ม

บทก่อนหน้า
บทถัดไป