บทที่ 3 Chapter 3

“ไม่นะ อย่าทำกับฉันแบบนี้ไม่นะ ปล่อยฉันสิ ปล่อยฉัน ให้ฉันโดนเสือกินยังดีกว่า คุณพาฉันไปให้เสือกินก็ได้ แต่อย่าทำกับฉันอย่างนี้”

เสียงร้องนรินทร์วิภาดังไปตลอดทางที่เมฆินทร์ลากจูงไป ฝืนตัวไม่ก้าวเดินตามทว่าพอเขากระตุกแขนเธอครั้งเดียว นรินทร์วิภาก็ต้านทานแรงไม่ไหว สะบัดแขนก็แล้วมือใหญ่ก็ยังอยู่ที่เดิม กำรอบแน่นมากขึ้นไปอีก  มือเธออีกข้างก็ต้องกำสาบเสื้อไว้เพื่อไม่ให้ทรวงอกท้าทายสายตาใคร

เมฆินทร์ไม่สนใจเสียงนกเสียงกา เขายังคงเดินและเดินเข้าไปในเขตป่า อาศัยแสงไฟอัตโนมัติที่ทิ้งระยะห่างแต่ละดวงราวห้าเมตรเป็นไฟนำทางไปยังจุดหมายที่อยู่ไม่ไกลนัก

“ปล่อยฉันนะ...ฮือ...ฮือ...ปล่อยฉันเถอะคุณเมฆ ปล่อยฉัน อย่าทำอย่างนี้เลย” นรินทร์วิภาร้องขอความเห็นใจไม่หยุดพัก ขืนตัวเองเต็มที่ เช่นเคยที่สู้แรงลากจูงและกระชากของเขาไม่ได้ “ช่วยด้วย พวกคุณช่วยฉันด้วย...ฮือ”

หญิงสาวหวังลึกๆ ว่า ลูกน้องเมฆินทร์คงช่วยเหลือตน เปล่าเลย พวกเขาส่งสายตาเห็นใจ แต่ไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย

ทั้งหมดมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านพักหลังหนึ่งขนาดค่อนข้างใหญ่ ด้านข้างมีต้นไม้ขนาดใหญ่สามสี่ต้น ส่วนด้านหน้ามีแคร่ไม้ไว้สำหรับนั่งเล่น เหมือนกับบ้านตามต่างจังหวัดทั่วไป ไม่มีใครรู้ว่าบ้านหลังนี้คืออะไร มีแต่เมฆินทร์และลูกน้องเท่านั้น

“เปิดประตู” เมฆินทร์สั่งวิชัยเสียงเรียบ วิชัยหันมามองหน้าคนสั่ง เหมือนจะถามว่าต้องการอย่างนี้จริงหรือ เพราะหากเปิดประตูนี้และส่งเชลยสาวคนนี้เข้าไป รับรองเธอยิ่งกว่าตายทั้งเป็น ตกนรกทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่แน่นอน “มึงหูแตกรึงไง กูบอกว่าให้เปิดประตู”

“แต่ว่า...” วิชัยกำลังอยู่ตรงกลางระหว่างความถูกต้องกับเชื่อฟังคำสั่งเจ้านาย

“กูบอกให้มึงเปิดประตู ถ้าไม่เปิดกูจะส่งมึงเข้าไปแทน” คำขู่นี้เสมือนเป็นการกระตุ้นการตัดสินใจ วิชัยถอนหายใจพรืดยาว หยิบกุญแจที่ห้อยตรงหูกางเกง เดินไปเปิดประตูที่ล็อคไว้ถึงสามชั้น มันแน่นหนาเกินกว่าจะเป็นบ้านธรรมดา

เมื่อประตูบานสุดท้ายถูกเปิดออก ร่างชายฉกรรจ์นับสิบอยู่ในบ้าน แต่ละคนดูเหมือนโจร กักขฬะ ป่าเถื่อน ร่างของนรินทร์วิภาสั่นจนเมฆินทร์รู้สึกได้ แต่เวลานี้ไม่มีคำว่าเมตตาสำหรับเขา

“ไม่นะคุณจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้...ได้โปรดอย่าทำฉันแบบนี้”  นรินทร์วิภาอ้อนวอนทั้งน้ำตา นัยน์ตามองกลุ่มชายในบ้านด้วยความตื่นกลัว กลัวสุดขั้วหัวใจ

“กูมีของขวัญมาให้พวกมึง ก่อนที่พวกมึงจะตายรับรองพวกมึงต้องพอใจแน่นอน”

ชายฉกรรจ์ส่งเสียงฮือฮากับของขวัญที่เมฆินทร์มอบให้ บ้างเป่าปาก บ้างร้องตะโกนแสดงความดีใจ ทุกคนต่างยินดีและเต็มใจที่จะได้ขึ้นสวรรค์กับของขวัญชิ้นนี้ ก่อนที่พวกมันจะต้องเจอกับความตาย

ร่างของนรินทร์วิภาถูกผลักพื้นไม้ มือเธอยังคงจับสาบเสื้อแน่น หยาดน้ำตาไหลรินเป็นทาง ความกลัวฉายเต็มนัยน์ตาสาวที่มองไปยังชายเหล่านั้น เธอไม่ต่างกับเหยื่ออันโอชะของสิงสาลาสัตว์ดุร้าย ที่โหยหิวอดอยากมานานแรมปี

“ตามสบาย หาความสุขกันให้พอ” เมฆินทร์พูดแค่นั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากบ้าน

วิชัยมองเจ้านายและเชลยสาวสลับกันไปมา ใจหนึ่งอยากจะเข้าไปช่วย ใจหนึ่งกลัวว่าตนเองอาจเป็นเหยื่อเสียเอง

“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” นรินทร์วิภาขอร้องวิชัย โอกาสสุดท้ายของเธอ

“ผมขอโทษ ผมช่วยคุณไม่ได้จริงๆ” วิชัยพูดได้แค่นั้น ก่อนจะเดินจากไป นรินทร์วิภาร้องไห้โฮออกมาทันทีที่วิชัยพูด โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับเธอ ความสาวที่เก็บไว้ให้สามีในอนาคตกำลังถูกพรากอย่างไม่ใยดีจากน้ำมือโจรกลุ่มนี้ เมฆินทร์ป่าเถื่อนใจร้ายมาก

เมฆินทร์ยืนสูบบุหรี่ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน สีหน้าไม่ได้บอกเลยว่ามีความสุขกับบทลงโทษที่มอบให้นรินทร์วิภา ความคิดกับแย้งว่า เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ความโหดเหี้ยมป่าเถื่อนของเขาเกิดขึ้นกับคนชั่ว คนเลวชนิดที่ใช้คำว่า กลับตัวกลับใจไม่ได้ ในกรณีนรินทร์วิภา เธอผิดก็จริงแต่หาบทลงทัณฑ์อื่นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้

เปลวเพลิงแห่งความแค้นสุมในใจเมฆินทร์กำลังแผดเผาความดีไปจนหมด นรินทร์วิภาสมควรได้รับโทษนี้มิใช่เหรอ หากเธอไม่ประมาทจนทำให้สองชีวิตที่เขารักต้องลาโลกนี้ไป ป่านนี้เขาคงมีความสุขกับกวินตาและลูกชาย เธอพรากความสุขเมฆินทร์ เขาก็แค่ทำแบบนั้นบ้าง ก็ยุติธรรมดีมิใช่หรือ เมฆินทร์มองตัวบ้าน ก่อนจะหันไปมองแม่น้ำสายเล็กใกล้ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ปล่อยนะ อย่าทำฉันเลย กรี๊ด” นรินทร์วิภาร้องตะโกนดังลั่น สำหรับชายกำหนัดผู้หิวกระหายความใคร่กลับไม่ได้ยิน รุมทึ้งร่างสวยที่พยายามปัดป้องตัวเองจากมือนับสิบ ยากเหลือเกิน ยากทัดทาน บางคนจับแขน บางคนจับขา ใบหน้าและตามลำตัว ล็อคตัวไม่ให้หนีรอด

ความที่สาบเสื้อถูกกระชากไปก่อนหน้านี้ ทำให้ทรวงอกคู่สวยตกอยู่ในสายตาชายเหล่านั้นที่มองตาเป็นมัน นรินทร์วิภาขยับตัวดิ้น ส่งเสียงร้องเพราะมือหยาบกร้านเลิกเสื้อในขึ้นสูง ดอกบัวเป็นอิสระผลิบานสวยงามยิ่งกระตุ้นอารมณ์คนมองได้มากโข

นรินทร์วิภาหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งท่อนล่างเปลือยเปล่าเดินเข้ามาหาตน แววตาบอกถึงความหื่นกระหาย แม่ร่างกายถูกตรึงไว้ เธอก็ยังออกแรงขยับตัวดิ้นไปมา เธอหลับตาแน่น เพื่อหนีภาพอุจาดตานั้น  มือหนาหยาบกระด้างของมันจับที่ขอบกางเกงยีนส์สีน้ำเงินของเธอ

เธอพยายามปัดป้องมือของพวกมันไม่ให้ถอดกางเกงของเธอได้ แต่แรงน้อยนิดไม่สามารถต้านทานแรงของพวกมันได้เลย ไม่นานกางเกงยีนส์ของเธอก็ถูกถอดออกไปจากเรียวขางาม

“กรี๊ด...ไม่นะไม่...กรี๊ด” นรินทร์วิภาร้องสุดเสียง เมื่ออันเดอร์แวร์ของเธอกำลังจะหลุดออกจากสะโพกกลมม สิ้นเสียงกรีดร้องสติสาวเหมือนไฟดับ ทุกอย่างมืดสนิท

โครม!

เสียงประตูเหล็กกระทบกับผนังบ้านที่ด้านในติดเหล็กดัดไว้กันกลุ่มคนชั่วหลบหนี ร่างสูงใหญ่ของเมฆินทร์เดินเข้ามาภายในบ้าน มือของเขาถือปืนสีเงินวาววับ ดวงตาสีสนิมอันเฉยชามองร่างกึ่งเปลือยที่นอนหมดสติบนพื้น เมฆินทร์ดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  เมื่อเห็นว่า นรินทร์วิภายังไม่เปื้อนราคี

ปัง...ปัง...ปัง

เสียงปืนหลายนัดถูกปล่อยออกจากปืนของเมฆินทร์ ร่างชายชั่วทยอยลงไปนอนตายบนพื้นบ้าน เพราะแต่ละนัดที่เขายิงออกไป เป้าคือศีรษะที่อาจพูดได้ว่า นัดเดียวจอด แต่ก็มีบางคนหลบได้ โดนตามตัวช่วงท้อง แขน ขา คนที่ตายก็ตายไป แต่สำหรับคนมีชีวิตรอด เมฆินทร์ไม่ปล่อยไว้

สิ้นเสียงปืนเมฆินทร์มองผลงานตัวเอง ก่อนหลุบตามองนรินทร์วิภา เขาถอดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำตาลเข้ม ปิดทับร่างกึ่งเปลือย ช้อนอุ้มนรินทร์วิภาออกจากคุกชั่วคราวของคนชั่ว ตรงดิ่งไปยังบ้านพักของตน ปล่อยให้ลูกน้องทำหน้าที่จัดการกับศพคนเลวไปให้เสือกิน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป