บทที่ 8 Chapter 8
Chapter 8
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ ลุกขึ้นมากินยาก่อน” อ้อยพยุงร่างที่อ่อนแรงของนรินทร์วิภาให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะหยิบยาเม็ดสีขาวสองเม็ดส่งให้คนป่วย มือบางหยิบยามาทานอย่างว่าง่ายและล้มตัวลงนอนทันทีที่ทานยาเสร็จ อ้อยเดินออกจากห้อง หลังจากดูแลคนป่วยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขาทั้งสองข้างชะงักเมื่อเห็นร่างของเจ้าของไร่กำลังเดินมาที่ห้องของเชลยสาว
“ตายหรือยัง” เป็นคำถามที่น่าตบมากที่สุดในความคิดของอ้อย แทนที่จะถามไถ่ถึงอาการป่วย แต่กลับถามว่าตายหรือยัง แต่อ้อยรู้ว่าทำไมเจ้านายของเธอถึงเย็นชาไร้ความรู้สึกกับเชลยสาว ถ้าหากเป็นอ้อยเธอก็ต้องทำอย่างนี้เช่นกัน
“ยังค่ะ ยังไม่ตาย นี่ก็กินยาและนอนหลับไปแล้ว”
“อย่าให้มาตายในบ้านของฉัน แค่ให้เข้ามาอยู่ที่บ้านก็เป็นเสนียดจะแย่อยู่แล้ว” เมฆินทร์พูดจบก็เดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที อ้อยมองการกระทำของเจ้านายถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ‘ถ้าเกลียดก็เกลียดจับใจ ถ้าหากรักก็รักจนหมดหัวใจเช่นกัน’ อ้อยพูดพึมพำและรู้สึกสงสารโชคชะตาของเชลยสาวยิ่งนัก ที่ต้องมาเจอซาตานที่เย็นชาและไร้หัวใจอย่างเจ้านายเธอ เพราะหัวใจของเมฆินทร์ได้ตายจากไปแล้ว จากไปพร้อมกันถึงสองดวง
นรินทร์วิภานอนหลับยาวตั้งแต่ทานยาไป นับได้ก็หนึ่งวันหนึ่งคืน อาการไข้ลดลงขึ้นเยอะ ตัวที่ร้อนดั่งไฟตอนนี้เริ่มอยู่ในอุณภูมิที่ปกติ แต่ตัวยังรุมๆ อยู่ หญิงสาวพลิกกายหนีแสงแดดที่สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้า เปลือกตาที่หนักอึ้งเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ก่อนที่เธอจะสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นร่างของเมฆินทร์กำลังมองมาที่เธออยู่
“นึกว่าตายซะแล้ว เห็นนอนหลับไปหลายวัน” เสียงเข้มพูดออกมาอย่างไม่ถนอมน้ำใจ ลำคอของนรินทร์วิภาแห้งผาก อาการไข้ที่ลดลงเริ่มกลับมาอีกครั้ง รวมทั้งน้ำตาก็เริ่มคลอที่ดวงตาคู่สวย
“ไม่ต้องมาสำออยขอความเห็นใจจากฉัน ลุกขึ้นได้แล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องทำงานแล้ว” เสียงของเขาไม่ดังมาก แต่สำหรับเธอคำพูดทุกคำพูดของเขามันติดอยู่ในสมองและในจิตใจของเธอ จนยากจะแกะออก
นรินทร์วิภาเดินตามหลังเมฆินทร์ที่เดินนำหน้าเธอไปไกลมาก เธอพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด แต่ร่างกายที่เพิ่งฟื้นไข้ทำให้ขาของเธอก้าวเดินช้าลง นรินทร์วิภามาหยุดยืนหอบที่ไร่กาแฟขนาดใหญ่ที่กินเนื้อที่กว่าพันไร่ สายตาคู่สวยมองดูต้นกาแฟที่เขียวขจีกลิ่นกาแฟสดกระจายคลุ้งไปทั่ว ช่างเป็นมนต์เสน่ห์ที่หาได้ยาก
“เอ้า!!จะยืนอีกนานไหม ไปสิไปทำงาน” เมฆินทร์สั่งเสียงเข้ม นรินทร์วิภาละล้าละลังเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี จนกระทั่งวิชัยเดินเข้ามาหาพร้อมกับพาเดินไปที่อาคารไม้หลังหนึ่ง
“คุณไปคัดเมล็ดกาแฟที่นี่แหละ” นรินทร์วิภาพยักหน้ารับรู้ และเดินเข้าไปทำงานกับผู้หญิงวัยกลางคนสี่ห้าคน หญิงกลุ่มนั้นมองนรินทร์วิภาด้วยสายตาที่เกลียดชัง แต่เธอรู้เหตุผลที่ทุกคนที่นี่เกลียดเธอ ยิ่งเจ้าของไร่ด้วยแล้วความเกลียดชังในตัวเธอเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว นรินทร์วิภาคัดเมล็ดกาแฟผิดๆ ถูกๆ เพราะไม่มีใครสอนเธอ เมฆินทร์มาตรวจการทำงานของคนงานตามปกติ ก่อนจะเจอกับเมล็ดกาแฟเกรดเอ และเกรดบีผสมอยู่ในถาดเดียวกัน
“ใครคัดเมล็ดกาแฟถาดนี้” เมฆินทร์โยนถาดเมล็ดกาแฟไปที่พื้นอย่างแรง จนถาดที่ใส่เมล็ดกาแฟแตกกระจาย เมล็ดกาแฟกระจายไปทั่วพื้น ความเงียบเริ่มปกคลุมไปทั่ว เพราะทุกคนต่างหวาดกลัวกับท่าทางของเมฆินทร์
“ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง ถ้าไม่มีคนรับ ฉันจะไล่ออกให้หมด” เสียงดังดั่งสายฟ้าฟาด ทำให้นรินทร์วิภารวบรวมความกล้า เดินออกมาจากที่นั่งที่เธอคัดเมล็ดกาแฟอยู่
“ฉันเองค่ะ.ฉันเป็นคนคัดเมล็ดกาแฟถาดนั้นเอง” เสียงเบาหวิวของนรินทร์วิภาพูดออกไปอย่างเกรงกลัว สายตาคมมองร่างเชลยสาวก่อนจะเดินเข้าไปหา
“เธอรู้ไหม เมล็ดกาแฟถาดนั้นราคามันเท่าไหร่” มือแข็งข้างหนึ่งบีบไปที่แก้มนวลของเธอและบีบจนเธอรู้สึกเจ็บไปหมด นรินทร์วิภาส่ายหน้าเพราะเธอไม่สามารถตอบเขาได้
“เมล็ดกาแฟถาดนั้น มันแพงกว่าค่าตัวที่เธอนอนกับผู้ชายซะอีก เพราะฉะนั้นเธอต้องชดใช้ให้ฉัน” ร่างของเธอถูกลากมาที่ด้านหน้าของอาคารไม้ ที่มีผู้ชายกำลังทำงานอยู่
“ใครอยากนอนกับผู้หญิงคนนี้ เดินเข้ามาหาฉัน” เมฆินทร์พูดเสียงดัง ให้ผู้ชายที่กำลังทำงานอยู่ได้ยิน นรินทร์วิภาตกใจกับคำพูดของเขา พยายามแกะมือที่จับแขนของเธอออก
“ไม่นะคะ.อย่าทำกับฉันแบบนี้ อย่านะคะ ฉันจะเอาเงินมาใช้หนี้ให้คุณเอง” นรินทร์พูดทั้งน้ำตา แต่มีหรือคนอย่างเขาจะเห็นใจ
“เอ้า!!ว่าไง ใครอยากนอนกับแม่นี่ก็เดินเข้ามา” เมฆินทร์ประกาศก้องอีกครั้ง และครั้งนี้ชายหกคนก็เดินเข้ามาหาเขาจริงๆ ร่างกายของนรินทร์วิภาเริ่มสั่น ใบหน้าอาบไปด้วยหยาดน้ำตา
“อย่านะคะฉันขอร้อง อย่าทำอย่างนี้กับฉันเลย คุณให้ฉันทำอะไรก็ได้แต่อย่าทำอย่างนี้กับฉัน” นรินทร์วิภาพูดอ้อนวอน เมฆินทร์ยิ้มมุมปากก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของเธอ
“เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันทำอะไรกับเธอก็ได้”
“แน่ใจ.แน่ใจสิ”
นรินทร์วิภาพูดโดยไม่คิด เพราะวินาทีนี้เธอต้องการรอดพ้นจากผู้ชายที่อยากนอนกับเธอ จะให้เธอไปทำอะไรก็ได้ เธอยอมทั้งนั้น
