บทที่ 3 เรื่องของท่าน
เสี่ยวไป๋เดินถือถาดขนมก้อนมาวางตรงหน้าซีหรูที่กำลังบรรจงเย็บถุงหอมให้กับใครกัน ใบหน้าอัปลักษณ์บัดนี้กลับใช้ผ้าแพรปิดไว้เสีย แต่ปิดผ้าแพรไว้แบบนี้ก็ดีเพราะเสี้ยวหน้าหวานที่ไม่มีผ้าแพรสีชมพูอ่อนหวานปิดบังไว้กลับลึกลับงดงาม แต่ทว่าดวงตาหม่นเศร้า ถึงกระนั้นก็ยังงดงามเสี่ยวไป๋ถอนหายใจยาวหากสวรรค์ไม่กลั่นแกล้งพระชายารองจะต้องงดงามเกินใครแน่ๆ ด้วยวัยสาวที่กำลังผ่านเข้ามาเสี่ยวไป๋คิดแบบนั้น
“พระชายา”
“วางไว้ แล้วเจ้าก็กินด้วยกัน” เสี่ยวไป๋ยิ้มน้อยๆ
“นี่เป็นของว่างยามบ่ายของจวนอ๋องเจ้าค่ะสำหรับพระชายา..รอง”
“เราสองคนมากินด้วยกันดีไหมข้ามาอยู่ที่นี่ไม่มีใครแย้มยิ้มไม่มีใครพูดคุยกับข้ายกเว้นเจ้าข้าถือว่าเจ้าเป็นสหายดีไหม”
“เสี่ยวไป๋มิบังอาจ”
“อย่าเกรงใจมากินด้วยกันลุกขึ้นไปดันหลังเสี่ยวไป๋ให้ลุกขึ้นมานั่งตรงกันข้าม
“เสี่ยวไป๋ ออกไป” เสียงดังประกาศิตดังมาตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวด้วยซ้ำก่อนที่ร่างสูงจะก้าวยาวๆ เข้ามาในห้อง
เสี่ยวไป๋กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ
“เสี่ยวไป๋ไม่ต้องไป” ซีหรูพูดเบาๆ
“นี่เจ้า” น้ำเสียงบ่งบอกอารมณ์
“เสี่ยวไป๋กล้าขัดคำสั่งข้าหรือ” หันไปเล่นงานเสี่ยวไป๋ ซีหรูกำมือเสี่ยวไป๋ไว้แน่น เสี่ยวไป๋หน้าเสียกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น
“พระชายาให้เสี่ยวไป๋ไปเถิดเจ้าค่ะทรงอ๋องทรงกริ้วแล้ว”
“เขามาทีหลังเจ้าอยู่ก่อนนี่คือที่ส่วนตัวของข้าข้าอนุญาตใครไม่อนุญาตใครเขาก็ไม่มีสิทธิ์ อยากได้อะไรต้องการอะไรมีธุระอะไรพูดมาแล้วท่านรีบไปเสีย”
“เจ้า…. ช่างเถอะข้าก็ไม่ได้อยากจะมา ข้าแค่มาชวนไปยกชาให้กับฮองเฮายามบ่ายนี้หากเจ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องพิธีรีตอง เพราะฮองเฮาเองก็คงไม่อยากจะพบหน้าเจ้าสักเท่าไหร่ อย่าว่าแต่ฮองเฮาเลยคนอื่นก็ไม่มีใครอยากพบเจ้ารวมทั้งข้า” คำพูดเจ็บแปลบเข้าไปในใจทำไมไม่รู้จักรักษาน้ำใจกันบ้าง
“ไปเสีย” น้ำเสียงเรียบเฉยเย็นเฉียบ
“กล้าไล่ข้าหรือ”
“ไปเสีย ในเมื่อท่านตัดสินแล้วท่านคิดไว้แบบนั้นข้าก็ควรจะเชื่อตามที่ท่านคิดไม่มีใครอยากพบหน้าข้ารวมทั้งฮองเฮาการแต่งงานนี้ถือว่าเป็นโมฆะไม่มีการเปิดผ้าคลุมหน้าไม่มีการยกน้ำชาให้ญาติฝ่ายสามี และไม่มีการกลับไปเยี่ยมตระกูลเดิมของข้า เช่นนั้นถือว่าการแต่งงานนี้ไม่เคยเกิดขึ้นข้าก็ไม่ใช่ชายารองอะไรนั่นแค่ข้ามาเปลี่ยนที่นอนอีกไม่กี่วันก็จะกลับไปนอนที่ตระกูลเสิ่นเช่นเดิม” แม้น้ำเสียงจะหวานหยดทว่าทุกคำพูดล้วนเจือไปด้วยความเจ็บปวด
“ใครบอกเจ้า เราคารวะญาติสามีคารวะญาติภรรยาและเราคำนับกันเองและ…คำนับฟ้าดินเรียบร้อยแล้วเจ้าคิดเราไม่ใช่สามีภรรยาอีกหรือ” ซีหรูยิ้มหยัน
“ท่าน …คิดไปเองเพียงลำพัง ไหนบอกไม่อยากแต่งข้า แล้วยังอยากจะเป็นสามีภรรยากับข้าไปทำไม หรือว่าแค่อยากเอาชนะ เช่นไรท่านก็แพ้เพราะข้าพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง”
“เสี่ยวไป๋ออกไป” หันไปไล่เสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋ดึงมือออกจากมือซีหรู รีบเดินออกจากห้องสงสารซีหรูไม่น้อย ได้แต่ชะแง้คอมองเข้าไปข้างในปกติแล้วท่านอ๋องใจดีทำไมใจร้ายกับพระชายารองจัง
“เสี่ยวไป๋ปิดประตู” เสี่ยวไป๋รีบปิดประตูตามคำสั่งซีหรูหน้าเสีย
“ไปเปลี่ยนอาภรณ์เสียข้าจะรอที่นี่ เจ้าจะต้องไปยกน้ำชากับข้าที่ตำหนักชิงหนิงกง”
ซีหรูยังนั่งนิ่ง ชินหวางอ๋องเดินข้าไปคว้าข้อมือให้ลุกขึ้นยืน
“ปล่อยนะ อย่ามาทำแบบนี้มีสิทธิ์อะไร”
“ข้าคือสามี ไปสับเปลี่ยนอาภรณ์เสียไม่อย่างนั้นข้าจะเปลี่ยนให้เอง”
“ไม่”
“เดี๋ยวนี้ จะต้องไปเดี๋ยวนี้ฮองเฮาดื่มชายามบ่าย หากช้ากว่านี้จะถูกตำหนิเรื่องเวลาเอาได้”
“นั่นมันเรื่องของท่านไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเสียหน่อยจะถูกตำหนิก็เรื่องของท่าน”
ชิงกวานอ๋องดึงสายรัดเอวของซีหรูออกอย่างรวดเร็ว สอดมือเข้าไปโอบเอวบางดึงอาภรณ์ออกอย่างคนที่ช่ำชอง
“ปะปล่อยข้านะ” กลิ่นกายหอมหวนจนเผลอสูดดมเข้าไปเต็มเปาอีกครั้ง
“หอมจัง” ดังฝันล่องลอยกลิ่นหอมนั้นติดอยุ่ที่ปลายจมูกทำให้อยากสูดดม
“ปล่อยนะ” ซีหรูผลักร่างสูงให้ถอยห่างไม่ทันระวังชิงหวานอ๋องกำลังจะล้มลงไปกับพื้นดึงเอาร่างเล็กของซีหรูล้มลงไปทับเขาอย่างจัง
ซีหรูพยายามลุกขึ้นแต่อีกคนรวบเอวกิ่วไว้ นั่นเพราะกลิ่นหอมจากผิวกายและเรือนผมตรึงชินหวางอ๋องไว้กับที่
ตาคมจ้องมองใบหน้าข้างที่ไม่มีผ้าแพรปิดบังไว้ตาสบตา ซีหรูรีบหลบตาเสีย
“ปล่อย จะไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันช่วงเวลาดื่มชาของฮองเฮา”
“ก็ลุกไปสิเจ้าก็ลุกไปเจ้าทับข้าอยู่” น้ำเสียงเย็นชาทั้งที่แอบสบตาเขา
ซีหรูลุกขึ้นจากการนอนทับไปบนร่างใหญ่
“ท่านออกไปเลยนะข้าจะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์” ไม่มองหน้าก้มหน้าหลบตา
“ไม่มีใครอยากจะดู ข้าน่ะจะหลับตาให้เจ้าเอง รีบเปลี่ยนอาภรณ์เสียห้ามบิดพลิ้วจะต้องไปยกน้ำชา ให้ทันเวลา”
ซีหรูรีบเดินไปที่ราวแขวนอาภรณ์สีสวยเลือกหยิบสีม่วงขาว มาทาบแล้วค่อยๆ ปลด อาภรณ์ลงไปกองกับพื้นตาจับจ้องไปที่ชินหวางอ๋องที่ยืนหันหลังหลับตานิ่ง
ร่างอ้อนแอ้นในอาภรณ์ชุดชั้นในบางเบารีบร้อนสวมอาภรณ์โดยเร็ว แต่ทว่า
“กรี๊ดดดดด” งูเขียวตัวเล็กตกลงมาจากอาภรณ์สีสวยซีหรูตกใจจนเผลอกรีดร้อง ชิงหวางอ๋องลืมตาหันหลังกลับมา
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ ร่างอ้อนแอ้นทรวดทรงองค์เอวโค้งเว้าได้รูปงดงามจนไม่อาจบรรยายยืนตัวสั่นชี้มือไปที่เจ้างูเขียวที่กองอยู่บนอาภรณ์สีม่วงขาว
ชิงหวางอ๋องยืนตะลึงตาค้างก่อนจะถอนหายใจยาวเดินมาจับหัวเจ้างูตัวนั้นโยนออกนอกหน้าต่าง โดยเร็ว
“มันไปแล้ว” หยิบอาภรณ์ส่งให้ซีหรูโดยที่หลับตาสนิท เขาเบือนหน้าหนีร่างอ้อนแอ้นตรงหน้า
“ไม่ใส่แล้วไม่เอาตัวนี้แล้ว ข้าเกลียดงูที่สุด”
ชินหวางอ๋องถอนหายใจก้าวเดินออกจากประตูไป
