บทที่ 4 คนเช่นไรจึงไม่สงสารนาง
“ข้ารอเจ้าที่เกี้ยว เสี่ยวไป๋ช่วยพระชายาแต่งตัวโดยเร็วที่สุด” เสี่ยวไป๋รีบก้าวเข้ามาในห้องอมยิ้มจ้องใบหน้าของซีหรู
“พระชายาของเสี่ยวไป๋ ก็มีเสน่ห์เหมือนกันนะเนี๊ยะท่านอ๋องงี้หน้าแดงออกไปเลย”
“เขาโกรธข้านะสิ” เสี่ยวไป๋เลิกคิ้ว
“โกรธเรื่องอะไรเจ้าค่ะ”
“โกรธเรื่องที่ข้ามาเป็นชายารองเขาอย่างไรเล่า” เสี่ยวไป๋ถอนหายใจยาว
“เจ้าค่ะโกรธก็โกรธแค่ที่พูดว่าพระชายาหลงใหลในตัวท่านอ๋องก็ผิดแล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องอยู่มานมนานทำไมไม่ยอมแต่งชายาสักที พอมาถึงตอนนี้บอกว่าไม่รับแต่กลับมีคนอื่น รีรออะไรอยู่ทำไมไม่แต่งไปเสียตั้งแต่แรกแล้วจะมาโทษว่าเป็นความผิดของท่านมันไม่ถูก”
“เจ้าแอบฟังหรือ” ยิ้มบางๆ
เสี่ยวไป๋หัวเราะคิกคัก
“ท่านอ๋องปกติใจดีที่สุด ในจวนอ๋องทุกคนต่างรู้ดี ไม่มีทางตวาดใครด้วยซ้ำ แต่กับพระชายาทำไมใจร้ายจังแบบนี้เสี่ยวไป๋ไม่เข้าข้างหรอกเจ้าค่ะ”
“ช่างเขามาแต่งตัวให้ข้าดีกว่า” เสี่ยวไป๋ยิ้ม
“ต่อไปพระชายาจะต้อง รู้จักหลบหลีกนะเจ้าคะ” พูดด้วยความจริงใจจนซีหรูอดขำไม่ได้นี่กำลังไปรบหรือไร
หยิบปิ่นปักผมมาเสียบไปที่มวยผมของซีหรู
“วันก่อนเสี่ยวไป๋เห็นท่านอ๋องเลือกปิ่นสวยอันหนึ่งไม่ได้นำมามอบให้กับพระชายาตามธรรมเนียมหรือเจ้าคะ” ซีหรูส่ายหน้าไปมา
“ช่างเขาเถอะเรียบร้อยหรือยัง” ตัดบทไม่อยากรับรู้อะไรก็ไม่ได้มีผลอะไรไม่ได้รักเขาจะน้อยใจไปทำไมเขาเองก็ไมไ่ด้รักซีหรูทำไมจะต้องมอบปิ่นแทนใจด้วย
“เจ้าคะ” ซีหรูแค่ยิ้มบางๆ จะแต่งหรือไม่แต่งก็ไม่มีผลอะไรในเมื่อใบหน้าซีกซ้ายอัปลักษณ์เพียงนั้น แต่งหน้าได้ก้ไม่มีใครอยากจะมอง
เกี้ยวรออยู่หน้าจวนก่อนแล้ว ซีหรูก้าวขาเปิดม่านด้านหน้าเข้าไปในนั้น คนตัวสูงนั่งกอดอกหลับตาทำสีหน้าเบื่อหน่าย
“เคลื่อนเกี้ยว” ซีหรูยังไม่ทันได้นั่งหรือระวังตัว เซถลาล้มลงบนตักของชินหวางอ๋อง
มืออุ่นคว้าเอวบางใบหน้าชิดใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
ชินหวางอ๋องรีบผลักร่างเล็กลงไปข้างๆ
“ซีหรูล้มลงแทบเท้าเจ็บไปทั่วร่างค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นใบหน้าเหยเก
“ใจดำที่สุด” พึมพำเบาๆ
“เจ้าว่าอย่างไรนะ”
ซีหรูนิ่งไม่พูดว่าอย่างไร เปิดหน้าต่างเกี้ยวมองออกไปด้านนอกเสีย
“นี่ข้าถามว่าเจ้าพูดว่าอย่างไร”
“ข้าเกลียดท่าน” หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างไม่สนใจชนหวางอ๋องอีกเลย
เกี้ยวถูกหามถึงหน้าวังหลวง ชินหวางอ๋องลงจากเกี้ยว อย่างรวดเร็วไม่สนใจจะรับซีหรูลงจากเกี้ยวด้วยแม้แต่น้อย ซีหรูก้าวลงจากเกี้ยวช้าๆ อย่างระมัดระวังตัวเพราะยังเจ็บจากที่ล้มเมื่อครู่ กลัวว่าเท้าจะพลิกด้วยซ้ำไป
“ชินหวางอ๋อง อ๋องน้อยตระกูลชินมาแล้วหรือ อ้าว แล้วเหตุใดไม่รับชายารองลงจากเกี้ยว”
เสียงราวประกาศิตดังมาจากข้างหลังฮ่องเต้วัยกลางคนยืนอยู่ด้านหลังคนทั้งสองโดยที่ไม่ได้ให้ขันทีขานเวลาที่เสด็จมาถึง
“ตู้เล่อ ไปรับชายารองของชินหวางอ๋องระวังจะตกลงมาจากเกี้ยว” ตู้เล่อที่หลฃาอเหลาหนุ่มแน่นอต่รั้งตำแหน่ง หัวหน้าองครักษ์หรือองครักษ์ข้างกายของฮ่องเต้ ชินเตอหลางรีบส่งมือให้ซีหรูจับ
“ชายาอ๋องระวังหน่อย” น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่สุด
ชินหวางอ๋องหันมาประสานมือตรงหน้าชินเตอหลาง
“ชินหวางอ๋องถวายพระพรฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี” ซีหรูย่อกายลงตรงหน้าชินเตอหลาง
ชินหวางอ๋องเดินตรงเข้าไปยังเกี้ยวที่หยุดอยู่กลางลานตั้งใจว่าจะรับซีหรูลงจากเกี้ยวความรู้สึกในเวลานั้นเขาไม่อยากให้ใคแตะตัวนางอย่างไรนางก็ขึ้นชื่อว่าชายาเขาอยู่ดี ร่างสูงของเขาขยับอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อตรงไปถึง นัยน์ตากลับมองเห็นตู่เล่อองครักษ์หุนุ่มยืนอยู่ข้างๆ ร่างบางของซีหรูที่ทำท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าไม่สบตากับตู่เล่อยื่นมือให้กับมือของตู่เล่อกำลังเอื้อมไปพยุงนางลงจากเกี้ยวด้วยท่าทางที่นอบน้อมและเงียบสงบไม่ได้มีท่าทีรังเกียจแม้แต่น้อย ซีหรูเองก็ไม่ได้มีท่าทีว่าอิดออดเหมือนทีแรก
"ฮึ ฮึ"
ชินหวางอ๋องชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาเย็นชาและไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ ริมฝีปากบางขยับคล้ายจะพูดอะไรสักคำที่จะพูดล้วนเป็นคำเหน็บแนม แต่สุดท้ายก็ไม่ปล่อยให้คำพูดหลุดออกมา เพียงแค่ยืนนิ่งๆ ราวกับทุกสิ่งรอบตัวเป็นเพียงแค่สายลมที่ผ่านไป
มือที่ตั้งใจยื่นไปหาซีหรูกลับไพล่หลังไว้เสีย ราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่างในใจ ก่อนจะหันหลังให้โดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เสียงกระดิ่งของเกี้ยวดังแผ่วๆ ท่ามกลางความเงียบงันในขณะนั้น ใครบางคนกำลังเสียหน้าใครบางคนกำลังรู้สึกว่าตัวเองผิดหรือไร
เหลือบตามองตู้เล่อที่องอาจหล่อเหลาไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือรังเกียจ ใบหน้าอัปลักษณ์ของซีหรูแม้แต่น้อยแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่สุด นี่เขาหงุดหงิดเรื่องอะไรก็คงเรื่องที่หมอนั่น ทำท่าทีไม่ได้รังเกียจซีหรูเหมือนเป็นการตบหน้าเขาชัดๆ
