บท 2

น้าสาวมาเมื่อไหร่กัน!

เมื่อเห็นเธอยื่นมือมาอย่างชวนใจละลาย สมองผมว่างเปล่าไปชั่วขณะก่อนจะก้าวไปจับมือเธอไว้ น้าสาวโอบกอดผมอย่างเป็นธรรมชาติ พลางชายตามองผมอย่างเขินอาย แล้วโบกมือทักทายทุกคน

"สวัสดีค่ะ หนูเป็นแฟนเขาค่ะ ชื่อศิยา"

น้าสาวรู้สถานการณ์ตั้งแต่อยู่หน้าประตูแล้ว เธอจงใจยืดอกไปทางโจวเสี่ยวเสี่ยว ทรวงอกงดงามที่ไหวเบาๆ สร้างเสียงเฮลั่นจากบรรดาหนุ่มๆ

"ไม่นึกเลยนะ ว่าเฉินเย่จะมีแฟนสวยขนาดนี้" ทุกคนต่างอิจฉาไม่หยุด หลี่ปิ่นตาเหลือกจนแทบถลนออกมา จ้องมองน้าสาวไม่วางตาพลางพูดว่า

"เฉิงเย่นี่มีบุญจริงๆ ไม่รู้ว่าคุณสาวสวยเห็นอะไรในตัวเขากัน" น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนว่า คนอย่างผมที่ดูธรรมดาๆ จะมีปัญญาไปเข้าตาสาวสวยได้ยังไง

น้าสาวลูบใบหน้าผมพลางยิ้มพูดว่า "เฉิงเย่ของฉัน ทั้งหล่อทั้งเก่ง ฉันชอบเขานี่แหละ"

น้าสาวช่างกล้าจริงๆ พูดแบบนี้ออกมาได้ แต่ลึกๆ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมาก จึงกอดเธอแน่นขึ้น น้าสาวรู้สึกถึงแรงกอดของผม ตัวเธอสั่นเบาๆ

โจวเสี่ยวเสี่ยวที่ยืนอยู่ข้างๆ โกรธจนแทบระเบิด โดยเฉพาะเมื่อเห็นสายตาหลี่ปิ่นที่มองน้าสาวอย่างหิวกระหาย เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะหาแฟนดีๆ แบบนี้ได้ เห็นบรรยากาศคึกคัก โจวเสี่ยวเสี่ยวจึงเสนอให้ผมกับน้าสาวร้องเพลงคู่รักด้วยกัน พอได้ยินข้อเสนอนี้ ทุกคนก็ปรบมือ

ผมกับน้าสาวเลือกเพลงรักเพลงหนึ่ง แล้วร้องด้วยกันอย่างหวานซึ้ง ภายใต้แสงไฟ น้าสาวดูเซ็กซี่และร้อนแรง ทุกการเคลื่อนไหวล้วนแผ่กระจายเสน่ห์อันร้ายกาจ เสียงของน้าสาวหวานและนุ่มนวล ดวงตาส่งประกายชวนหลงใหล เมื่อสบตากับเธอนานๆ ผมก็ค่อยๆ เอนเข้าหาเธอโดยไม่รู้ตัว พอเพลงใกล้จบ ผมกับน้าสาวก็ยืนประจันหน้ากันชิดติด พอจบเพลง ผมรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น น้าสาวก็เช่นกัน บางสิ่งบางอย่างที่บอกไม่ถูกค่อยๆ แผ่ซ่านออกมา

"จูบกันหน่อย เร็ว จูบกันหน่อย!" ทุกคนเชียร์ ผมตกใจ "ไม่ดีกระมัง"

"ตื่นเต้นอะไร เธอเป็นแฟนนายไม่ใช่เหรอ" โจวเสี่ยวเสี่ยวแกล้งผม เธอไม่เชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่าน้าสาวเป็นแฟนผม

ผมจับมือน้าสาวและมองไปที่เธอ เห็นเธอหลบตา ดูเหมือนจะตื่นเต้นนิดหน่อย น่าแปลกที่คนอย่างน้าสาวที่ดูเปิดเผลยกลับตื่นเต้นและเขินอาย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้าสาวมีท่าทางเหมือนเด็กสาว ความรู้สึกอยากครอบครองพลุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง ผมดึงเธอเข้ามากอด ก้มหน้าลงจูบ น้าสาวชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วหลับตา

ริมฝีปากของน้าสาวนุ่มนิ่มเหมือนขนมสายไหม ลิ้นของเธอลื่น ในปากยังมีกลิ่นเหล้าอ่อนๆ ท่ามกลางเสียงหายใจหอบเบาๆ ของเธอ ผมอดใจไม่ไหวกอดเธอไว้ ร่างกายแนบชิดกัน เนิ่นนาน ริมฝีปากทั้งสองแยกจากกัน มีสายน้ำลายใสบางทอดยาว น้าสาวดูลนลานเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอแทบไม่พูดกับผมเลย แต่ผมกลับรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ดื่มเหล้าไปมาก พลางนึกถึงรสหวานของเหล้าในปากเธอไม่หยุด

หลังร้องเพลงเสร็จ น้าสาวดูเหมือนอยากหลบผม เธอไปหาเพื่อนสาว ผมเรียกแท็กซี่กลับบ้าน ผมดื่มไม่เก่งพอดื่มนิดหน่อยก็เริ่มเวียนหัว พักสักครู่แล้วเตรียมอาบน้ำเข้านอนเร็ว ผมถอดเสื้อผ้า โยนเข้าเครื่องซักผ้า แต่กลับพบกางเกงในลูกไม้สีม่วง นี่คือกางเกงในที่น้าสาวถอดไว้ตอนอาบน้ำตอนเที่ยง! กางเกงในสีม่วงนั้นทำให้นึกถึงความทรงจำที่เคทีวีทันที: ลิ้นที่นุ่มลื่น เสียงหายใจแผ่ว อุณหภูมิของร่างกาย...

ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ท้องน้อยผมร้อนผ่าว เปลวไฟแห่งตัณหาเผาผลาญสติของผม ผมเหมือนถูกมนต์สะกด หยิบกางเกงในของน้าสาวขึ้นมา นำมาดมที่จมูก กลิ่นลึกลับของผู้หญิงโชยมา

ขณะที่ผมกำลังดมกลิ่นยั่วยวนนั้นอย่างหลงใหล เสียงของน้าสาวก็ดังขึ้นทันที "นายอ้วกหรือเปล่า? ทำไมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นตั้งนาน?" แล้วประตูก็ถูกเปิดออก

เมื่อเห็นผมเปลือยกายและถือกางเกงในของเธออยู่ น้าสาวก็กรีดร้อง "กรี๊ด! ไอ้บ้า!"

"ปัง!" น้าสาวปิดประตูดังสนั่นแล้วเดินจากไป ผมก็ตกใจจนกางเกงในในมือหล่นลงพื้น ชั่วขณะนั้น ผมสร่างเมาไปไม่น้อย แย่แล้ว! นี่คือความคิดเดียวที่ผมมี ผมกำลังทำอะไรอยู่! ถึงกับทำเรื่องแบบนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเหล้า ผมแก้ตัวในใจ

แต่ทำไมน้าสาวถึงปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน ไม่ใช่บอกว่าจะไม่กลับมาหรอกหรือ? ปัญหานี้คงไม่มีคำตอบ ขายหน้าขนาดนี้ ต่อไปจะเผชิญหน้ากันยังไง ถ้าเธอโกรธจนย้ายออกไป แล้วพ่อถามขึ้นมา ขาที่สามของผมคงถูกหักแน่ๆ ผมรีบอาบน้ำเสร็จ ตัดสินใจจะขอโทษเธอ

แต่ผมประเมินตัวเองสูงเกินไป ผมไม่มีความกล้าพอจะพูดถึงเรื่องนี้อีก น้าสาวก็แทบไม่พูดกับผม วันๆ เอาแต่ยุ่งกับธุระของตัวเอง เวลาเห็นผม สายตาเธอเต็มไปด้วยความน้อยใจและรังเกียจ ความสัมพันธ์ของเรากลายเป็นเย็นชาทันที เป็นอย่างนี้หลายวัน

ผ่านไปหลายวัน น้าสาวโทรคุยกับพ่อ พ่อถามทางโทรศัพท์ว่า "เป็นไงบ้างช่วงนี้?" "ไม่ดีเลย" น้าสาวตอบ ผมที่หูไวกระโดดผลุงจากโซฟาทันที ท่าทางนี้ทำให้น้าสาวขำ ที่แท้พ่อถามเรื่องงานเท่านั้น ผมกังวลเกินไป ไวต่อความรู้สึกเกินไป น้าสาวล้อผม "เมื่อกี้นายเหมือนหมาไซบีเรียนเลย"

"ถ้าทำให้คุณมีความสุข ผมเป็นหมาปั๊กก็ได้" ผมพูด เห็นเธอยิ้ม ผมก็ยิ้มประจบ

"ยิ้มอะไร ฉันยังไม่ได้ให้อภัยนายเลยนะ" น้าสาวทำหน้าเคร่ง ทำท่าโกรธ ปากเบะน้อยๆ น่ารักมาก

"แล้วฉันต้องทำยังไงคุณถึงจะให้อภัย" ผมถาม

น้าสาวนั่งลงบนโซฟา ไขว่ห้าง เอามือลูบคาง พูดว่า "เว้นแต่ว่านายจะยอมทำตามเงื่อนไขสามข้อของฉัน ฉันถึงจะไม่ถือสาหาความกับนาย"

เห็นว่ามีทางออก ผมตบอกรับรอง "ไม่ต้องสามข้อหรอก ห้าข้อก็ไม่มีปัญหา" คุยโวไม่ผิดกฎหมาย แต่น้าสาวเอาจริง "ได้ นายว่าเอง งั้นก็ห้าข้อ ข้อแรกคือต่อไปงานบ้านทั้งหมดนายรับผิดชอบ ส่วนอีกสี่ข้อที่เหลือ ฉันจะบอกเมื่อนึกออก"

เชี่ย! ปากเน่าจริงๆ! ผมอยากตบปากตัวเองสักที แต่ในฐานะหนุ่มโสดที่ไม่มีอะไรเลย การซักผ้า ทำอาหาร ทำงานบ้านก็เป็นทักษะพื้นฐานอยู่แล้ว เมื่อตกลงกันแล้ว น้าสาวพยักหน้าอย่างพอใจ สั่งว่า "พรุ่งนี้บ่ายไปดูแฟนฉันด้วยกัน" จริงด้วย น้าสาวมีแฟนแล้ว แต่เธอไปหาแฟนแล้วเกี่ยวอะไรกับผม ผมปฏิเสธ "ผมไม่อยากเป็นก้อนเส้า"

น้าสาวตื่นเต้นบอกผมว่า เธอกับแฟนรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน และอาศัยอยู่ในเมืองนี้ด้วย ต่อมาเธอไปต่างประเทศ ทั้งคู่จึงเป็นแฟนทางไกล อดทนมาจนถึงทุกวันนี้ หลังจากน้าสาวกลับประเทศ เธอไม่ได้บอกแฟนของเธอ อยากจะทำเซอร์ไพรส์ และน้าสาวต้องการให้ผมปลอมตัวเป็นคนส่งของในวันพรุ่งนี้ แล้วซ่อนเธอในกล่องของขวัญไปส่ง

ผมไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน คนเมืองนี่สนุกจริงๆ ตอนแรกผมปฏิเสธ แต่น้าสาวโน้มตัวลงเล็กน้อย จับแขนผม บิดตัวพูดว่า "นายตกลงนะ แล้วฉันจะให้นายกิน..."

มองทรวงอกที่ชวนใจละลาย หัวใจผมกระตุกวูบ "กิน...กินอะไรเหรอ?"

"ให้นายกินอาหารดีๆ ฉันเลี้ยงเอง" น้าสาวหัวเราะคิกคัก ผมลูบอกตัวเอง แล้วตอบตกลงไปอย่างไม่รู้ตัว

บ่ายวันรุ่งขึ้น น้าสาวแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน มวยผมเป็นทรงมารุยุ สวมชุดนักเรียน เสื้อผ้าที่เล็กกว่าตัวหนึ่งไซส์รัดรูปร่างเธอจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน

"ดูเหมือนจะตัวเล็กไปหน่อย" น้าสาวมองตัวเองในกระจกพูด ผมจ้องมองหน้าอกที่โดดเด่นของเธอ กลืนน้ำลาย "ไม่เล็กหรอก ไม่เล็กเลยสักนิด!"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป
บทก่อนหน้าบทถัดไป