บทที่ 1 บทนำ

[พาร์ท : ตะขวด]

ร่างสูงใหญ่ในเสื้อช็อปสีเทาเข้มหยุดยืนอยู่หน้าป้ายที่ขึ้นว่า ‘BTS สำโรง’ พร้อมกับรุ่นน้องอีกสิบกว่าชีวิตในชุดเดียวกันยืนจังก้าจับกลุ่มกันอยู่ในโซนซื้อตั๋ว มือหยาบกร้านของชายหนุ่มที่มีทรงผมสกินเฮดสีทองสว่างกำของแข็งที่เหน็บในกางเกงรุ่นเก๋าเอาไว้แน่น กางเกงเก่า ใส่แบบไม่ซักจนเปื้อนฝุ่นในโรงรถเต็มไปหมด แต่นี่แหละคือความคลาสสิกของลูกผู้ชาย

ไม่ต้องถามว่าของแข็งที่ว่าคืออะไร มันไม่ใช่ฟ*วยอย่างแน่นอน

เขาแค่พกมีดสปาต้ายาวพอๆ กับหนึ่งศอกเท่านั้นเอง

“ไอ้เหี้ยเจ BTS ขึ้นไงวะ” ชายสกินเฮดผมทองหันกลับไปพูดแบบไม่มีหางเสียงกับ ‘เจ’ เพื่อนสนิทที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาได้มีโอกาสขึ้นมาเหยียบบนสถานีรถไฟฟ้า เครื่องกดตั๋วอัตโนมัติที่ต้องกดผ่านหน้าจอไม่ทำให้เขาคุ้นชินกับความทันสมัยของมัน อาจเพราะขวดหลงใหลในยุค 70-80’ s “มึงไม่นั่งรถเมล์ไปวะ กูไม่เคยขึ้น BTS”

“ไอ้ห่านั่นมันอยู่สยาม ป่านนี้รถติดจะตายห่า ถ้าจะขึ้นรถเมล์ไปมึงคงถึงตอนสามทุ่มอ่ะ เอามั้ยล่ะไอ้ขวด” เพื่อนของเขาส่ายหัวอย่างระอา ‘ตะขวด’ หรือ ‘ขวด’ นั้นไม่เคยฟังใคร เขาที่เป็นเพื่อนที่สนิทกับมันที่สุดจึงจำเป็นต้องหาเส้นทางลัดที่ไวกว่า พอมาคิดๆ ดูแล้ว เจเองก็เบื่อนิสัยตามใจเพื่อนจนเคยตัวของตัวเองเหมือนกัน

เพราะตามใจมากมันถึงสันดานเสียแบบนี้

“แล้วถ้ายามแม่งตรวจจับมีดที่กูพกในกางเกงอ่ะ”

“เมียกูบอกมันขึ้น BTS บ่อย เดี๋ยวนี้ยามหละหลวม มึงไม่ต้องห่วงหรอก” อีกฝ่ายตบบ่าเขา เพราะช่วงหลังมานี้ น้องนิดหน่อย แฟนของเขาที่เรียกว่าเป็นสาวสวยติดแกลมนั้นขึ้นรถไฟฟ้าค่อนข้างบ่อย เพราะเจน Alpha ในเวลานี้ต้องไปที่สยามพารากัลป์เท่านั้น เธอเคยบอกเขาว่ายามค่อนข้างปล่อยปละละเลยไม่ค่อยได้สแกนตรวจโลหะเหมือนช่วงโควิดแล้ว “ก่อนห่วงเรื่องมีดกูว่ามึงห่วงรองตีนส้นเหล็กที่มึงใส่มาก่อน”

อีกฝ่ายว่าพลางพยักเพยิดไปทางรองเท้าหนังประจำสายอาชีพที่คนวงในมักรู้กัน ที่ทั้งหัวรองเท้าและส้นรองเท้าต่างทำด้วยโลหะแข็งชะงัดมันวาว ซึ่งมันจะมีผลเวลากระทืบคนให้เจ็บยิ่งกว่าโดนรองเท้าปกติทั่วไป

“ถ้ามึงอยากจะลองก็ได้นะ” ขวดยักคิ้วท้าทาย ก่อนที่จะหันไปมองพวกรุ่นน้องที่ยืนขวักไขว่ท่าทางไม่คุ้นชิน “พวกมึงมากี่คน”

“ยี่สิบ” เจกวาดสายตามองคร่าวๆ แล้วหันกลับมาพูดเรียบๆ “มึงกดทีเดียวเลย แล้วออกค่ารถให้ด้วย”

“ได้ วันนี้กูรวย” ขวดมักไถเงินกับรุ่นน้องสายอาชีพหัวอ่อน โดยเฉพาะเด็กเทคนิครุ่นใหม่แกะกล่อง เด็กรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้พ่อแม่มีเงิน เขาไถมานิดๆ หน่อยๆ ก็ได้มาหลายพันแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยนัก เพราะสมัยนี้มีรายการโหนกระสวยที่คอยเอาพวกคนไม่ดีเข้าไปย่ำยีผ่านสังคม เขาไม่อยากดังชั่วข้ามคืนและโดนด่าจนต้องปิดเฟสเหมือนวิทยาลัยอาชีวะที่เป็นข่าวเมื่อไม่กี่วันก่อน

เรียกได้ว่าเป็นตัวตึงตัวจี๊ดแห่งเทคนิกวิทยาลัยแถวนี้ก็ย่อมได้ เรียกได้ว่าเขานั้นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเพราะความหัวรุนแรง

“สยาม ยี่สิบคน” ขวดพูดกับพนักงานผู้ชายที่อยู่ในนั้นด้วยท่าทางสุดเปรี้ยวตีน LGBTQ+ หนุ่มก้มหน้าก้มตาคิดเงินส่งบัตรยี่สิบใบให้อย่างหวาดกลัว คนรอบข้างก็มองมาเพราะไม่อยากจะเข้าไปใกล้ อาจเพราะลักษณะของพวกเขานั้นไม่ต่างกับเด็กไม่รู้จักโต ดีแต่กร่างไปวันๆ ไม่มีหัวคิด

ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เกินจริงสักเท่าไหร่ หากแต่ขวดยังอยู่ในวัยคึกคะนองจนไม่รู้ความหมายของสายตาเหล่านั้น เขามักคิดว่าคนพวกนั้นจับเขาเป็นจุดสนใจเพราะความโดดเด่น โดยใช้ความมั่นใจแบบผิดๆ

เพราะเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนไม่เอาอ่าวเรื่องการเรียน ผลเกรดที่ไม่ได้สวยงามนักจึงทำให้พ่อของเขาตัดสินใจส่งขวดเข้าสายอาชีพตั้งแต่จบประถม เขาอยากให้ลูกมีงานมีการทำ ไม่ต้องเรียนไม่จบอย่างตัวเอง อย่างน้อยจบอุตสาหกรรมไปก็จะได้มีงานรองรับและเอาตัวรอดได้ (ถ้าเขาจบได้จริงน่ะนะ) แต่ยิ่งส่งเข้าสถานศึกษาที่มีคนหลายแบบมารวมตัวกัน และแน่นอนว่าส่วนใหญ่มีแต่เด็กผู้ชาย ขวดจึงถูกบ่มเพาะด้วยสภาพแวดล้อมรอบตัวให้เลือดร้อนตั้งแต่เยาว์วัย จนกลายเป็นตัวตั้งตัวตีในวิทยาลัยจนได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่ม ได้แหวนรุ่นจากรุ่นพี่ด้วยความเสน่หาจากการต่อยตี ซึ่งแน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจสักเท่าไหร่ในสายตาของครอบครัวเขา

ที่ส่งไปคือส่งไปเรียน แต่ดันไปตีกับคนอื่นซะงั้น

ทุกๆ วันขวดมักจะชวนรุ่นน้องโดดคาบสอนไปมีเรื่องเป็นประจำ บางครั้งได้ลงข่าวตามเพจข่าวในเฟสบุ้คด้วยประปราย แน่นอนว่าผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาเสพข่าวก่นด่าพวกเขาอย่างไม่เหลือชิ้นดี หากแต่ขวดก็ไม่ได้สนใจ แม้เขาจะถูกตราหน้าว่าเป็นพวกไอ้เด็กเปรต และสังคมส่วนใหญ่หันหลังให้อย่างไม่ไยดีและจัดรวมพวกเขาอยู่ในหมวด ‘ขยะสังคม’

แต่แล้วยังไง? คนอย่างเขาไม่เอาเรื่องแค่นี้มาคิดให้ปวดหัวอยู่แล้ว

เหตการณ์ในวันนี้ที่ทำให้เขาต้องยกพวกเดินทางผ่านรถไฟฟ้า ก็เพราะ ‘ไอ้เต้’ อริอาชีวะอีกวิทยาลัยหนึ่งที่เหม็นขี้หน้ากับวิทยาลัยเขาอยู่เริ่มเคลื่อนไหว โพสต์กวนประสาทอ้อนบาทาลงในเฟส และท้าทายว่าจะไปยกพวกตีกับวิทยาลัยเขาให้จมดิน หากแต่เรื่องในตอนนั้นแทบไม่ได้อยู่ในเสี้ยวสมองของขวดเพราะเขากำลังติดแฟน

จนวันหนึ่ง...

ในวันที่ขวดโดนนอกใจ ไอ้เต้ก็โพสต์รูปเสื้อช็อปวิทยาลัยโดนจุดเผาโชว์ประจานลงเฟสบุ้คอีกครั้ง และนั่นทำให้เขาเลือดขึ้นหน้า

หยามหน้ากันเกินไป

ช็อปคือศักดิ์ศรี สตรีคือรางวัล แหวนรุ่นคือของหมั้น โจษจันต้องเป็นแค่วิทยาลัยเทคนิกของเขาเท่านั้น

แล้วคิดว่าเผาช็อปวิทยาลัยของเขาไป แล้วตัวตั้งตัวตีอย่างเขาจะทำยังไง?

ก็แค่คิดที่จะแทงมันสักแผลให้พอเจ็บลิ้นปี่ ตะลุมบอนทั้งกลุ่มมันให้กระดูกหักสักซี่สองซี่ ให้ไปนอนโรงบาลเล่นๆ สักอาทิตย์นึง ในข้อหาที่บังอาจมาหยามหน้าเขาในตอนที่กำลังอกหักและเฮิร์ทหนักอย่างถึงขีดสุด

เมื่อกดบัตรได้พวกเขาจึงเดินออกันขึ้นไปบนชานชาลา ยามที่ตรวจความเรียบร้อยอยู่แถวนั้นดูจับตามองกลุ่มนี้เป็นพิเศษ อาจเพราะดูท่าทางน่าจะชอบแหกกฎมากกว่าบุคคลทั่วไป หากแต่กลุ่มของขวดกลับไม่มีใครเดินล้ำเส้นเหลืองไปเลยสักนิด

แต่เพราะพวกมียี่สิบกว่าชีวิตก็เลยเหมือนเด็กกร่างมายึดรถไฟ ขวดที่ก้าวเข้ามาในรถไฟฟ้ากำมีดปลายแหลมยาว 15 นิ้วข้างในกางเกงยีนส์ตัวโปรดพร้อมกับเดาะลิ้น เขามีวิธีใส่มันอย่างชำนาญเพื่อซ่อนจากสายตาของผู้คน แม้ว่ามีดนั่นจะยาวมาก แต่ไม่เคยเฉียดบาดเข้าเนื้อขาของเขา

เมื่อเหลือบไปเห็นว่าผู้คนต่างมองเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ขวดที่แสนภาคภูมิใจจึงหันไปยักคิ้วให้เจ

“กูมันเท่ที่สุด เห็นยัง” เขาออกปากชื่นชมตัวเองทั้งที่ความจริงผู้คนมองมาที่เขาเพราะรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ต่างหาก เจที่หมั่นไส้เลยชูนิ้วกลางให้

“เมียเก่ายังดูแลไม่ได้ นับประสาอะไรกับเสื้อช็อปที่โดนเผา”

“ไอ้ควาย” อีกฝ่ายสบถด่าในทันที เรื่องของแฟนเก่า อย่ามาจี้ปมกัน มันไม่เท่พอ ผู้ชายอย่างเขาไม่เสียน้ำตาให้ผู้หญิงเฮงซวยอยู่แล้ว “เพราะมีไอ้หน้าโง่ที่ไหนเข้าไปในถิ่นมันนั่นแหละว่ะ ไม่ก็ไอ้เหี้ยนั่นแม่งอ่อนด๋อยเกินไป เสื้อช็อปตัวเดียวยังดูแลไม่ได้”

“กูไม่เกี่ยว ไม่ต้องมาด่ากู”

“ไอ้ควาย” ขวดด่าเขาซ้ำอีกหน อาจเพราะหมั่นไส้เพื่อนที่กวนบาทา ก่อนที่จะได้ยินเหมือนรถไฟถึงสถานีอุดมสุข พร้อมๆ กับที่สายตาสะดุดอยู่กับคู่รักในชุดนักเรียนคู่นึงที่เดินเข้ามาหลังจากที่ประตูเลื่อนฝั่งที่เขายืนท้าวแขนอยู่

ไม่เชิงแฟน แต่เด็กผู้หญิงอ่ะ

น่ารักชิบหาย

“ไอ้เจ มึงดูเด็กคนนั้นดิ” ความเลือดร้อนลดลงเกือบครึ่ง ขวดเริ่มเบนความสนใจไปที่เด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนคนนั้น แทบลืมความหงุดหงิดงุ่นง่านเมื่อก่อนหน้านี้ที่มีต่อไอ้เต้จนหมดสิ้น เด็กหนุ่มตบหัวเจให้หันไปดูในจังหวะที่พวกนั้นก้าวเข้ามาในอีกชานชาลาหนึ่ง “น่าจิ้ม”

“เอาเรื่องเมียเก่ามึงให้รอดก่อน” เจมองตามไปยังรูปร่างบอบบาง ผิวขาวอมชมพู แขนขาเรียวสวยและผมยาวสีดำสนิทแถมดูเงางามยังกับทำซาลอนมาทุกวัน น้องสาวในชุดนักเรียนกระโปรงฟ้ากับไทค์สีเดียวกันที่ดูทรงคุณหนูนิดๆ นั้นน่ารักจนทำให้หลง “แต่น่ารักจริง”

“กูไม่ชอบยึดติด ไอ้โบว์มันก็แค่แฟนเก่าที่นอกใจกูเพราะโง่ มันไม่เลือกผู้ชายเท่ๆ อย่างกูเอง” ขวดยักไหล่ พูดแล้วก็เคืองไม่หาย เพราะผู้ชายที่แฟนเก่าของเขาเลือกมันคือเด็กติดยาที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอะไร “พอดีของกูมันร้อน กูจะสอยเด็กนานาชาติ”

“มึงมันเหี้ยเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ” เจผู้ที่อุทิศตัวให้นิดหน่อยเพียงคนเดียวถึงกับรับไม่ได้ในความหน้าตัวเมียของอีกฝ่าย ส่ายหน้าเป็นพัลวันอย่างชินชากับสันดานของเพื่อนตัวเอง แล้วเหลียวหลังกลับไปมองอีกครั้ง “แต่น้องมันมากับแฟน ดูแล้วอายุไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำมั้ง มึงแน่ใจ?”

เขาแค่นหัวเราะ ตบบ่าเพื่อนแล้วบอกมันทางสายตาว่า ‘ถึงมีแฟนแล้ว แต่พอดีว่ากูชอบ กูก็จะเอาว่ะไอ้สัส’

บทถัดไป