บทที่ 2 คุณคนน่ารัก (1)
เมื่อตั้งใจไว้แล้วต้องทำจริง ขวดเดินกร่างเข้าไปใกล้คู่รักนักเรียน รุ่นน้องของเขาที่เห็นว่าลูกพี่กำลังมีเรื่องราวจึงทำท่าจะเดินตามกันมา แต่ขวดยกมือปรามไว้ เป็นสัญญาณว่า ไม่ต้อง
เขาล้วงกระเป๋าเกงตอนที่ไปยืนด้านหลังเด็กผู้หญิงน่ารักคนนั้น เธอมัดผมม้าผูกโบว์สีขาว ผมสีดำขลับยาวระเอวคอดกิ่ว ลุคดูเรียบร้อย มากับเด็กผู้ชายอีกคน แต่เขาไม่อยากลงรายละเอียดของมันนัก อาจเพราะสำหรับขวด มันไม่เจ๋งเท่าเขา ไม่เท่ ไม่เฟี้ยวเท่าจนน่าสาธยายรูปลักษณ์ เอาเป็นว่าคนที่เหมาะกับน้องคนนี้ คือเขาคนเดียว
ดันตกหลุมรักเข้าอย่างจัง กับคนที่อายุน้อยกว่าไม่มากเท่าไหร่ (ตะขวดอายุ 20)
เด็กหนุ่มจงใจยืนประชิดกับเธออย่างตั้งใจ เด็กผู้ชายข้างๆ จึงเริ่มส่งสายตาเหมือนจะส่งสัญญาณเตือนน้องผู้หญิงกลายๆ ในขณะที่เจ้าของผมดำขลับยาวถึงเอวค่อยๆ เหลียวมองมาทางเขาที่ยืนเก๊กเท่อยู่ด้านหลัง ก่อนที่เธอจะหันกลับไป ตัวเริ่มสั่นนิดๆ
“เราว่าลงป้ายหน้าไหมมนต์ เราไปส่งเอง” เด็กนั่นที่ดูเหมือนจะเป็นแฟนจงใจโพล่งออกมาราวกับตั้งใจพูดให้ได้ยิน ขวดคิ้วกระตุกข้างขวาจนปวด จับมีดยาวที่อยู่ใต้กางเกงไว้แน่น แต่อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่ได้รู้ชื่อผู้หญิงที่หมายตา
ชื่อมนต์เหรอ ชื่อน่าค้นหาดีนะ อารมณ์เหมือนสวยจนต้องมนต์อะไรแบบนั้น
“อะ อืม” เสียงหวานครางรับเบาๆ ขวดแทบละลาย เสียงโคตรน่ารักเลยครับ
“ชื่อไรอะน้อง” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะลงป้ายหน้ากันแล้ว เขาไม่อยากเสียเวลาจึงโพล่งขึ้นมาเพื่อกันซีน น้องผู้หญิงที่ชื่อมนต์สะดุ้งเฮือก ส่วนเด็กผู้ชายเริ่มขมวดคิ้ว แต่ขวดไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่
“... คะ?” คนตัวเล็กหันมาครางถามอย่างงุนงง ยิ่งได้เห็นใบหน้าสวยหวานน่ารักนั่นใกล้ๆ ดวงตากลมโตที่ราวกับลูกแมวทำให้เขายิ้มผุดรอยยิ้ม ขวดท้าวแขนเข้ากับขอบกระจก ไม่สนใจป้าร่างท้วมที่นั่งตัวเกร็งอยู่ที่เก้าอี้มุมข้างๆ
“ชื่ออะไรเหรอครับน้อง” ร่างสูงโปร่งถามย้ำอีกที ปกติเขาไม่ใช่คนชอบพูดย้ำคิดย้ำทำสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นสายอาชีพด้วยกันหรือผู้ชายการพูดซ้ำสองอาจทำให้เขาหัวร้อน แต่สำหรับน้องมนต์จะยกให้เป็นกรณีพิเศษ “บ้านอยู่ไหนอะ”
“...”
“เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง”
“พี่เป็นใครครับ เราไม่รู้จักกันนะครับ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเพื่อน เด็กผู้ชายที่ยืนข้างๆ กับเธอจึงกลั้นใจโพล่งขึ้นมาแทรก เพราะเขาเป็นคนเดียวในเวลานี้ที่จะปกป้องมนตร์ได้ แต่แน่นอนว่าเขาเองก็กลัวเพราะอีกฝ่ายใส่ช็อปสายอาชีพ ว่ากันว่าคนประเภทนี้มักเก่งเรื่องต่อยตีและมาเป็นพวก ดูจากกลุ่มคนในเสื้อช็อปสีเทาอีกสิบกว่าคนที่ยืนโหนราวจับและมองมาทางเขาเป็นทางเดียว
แน่นอนว่าขวดนึกขำกับความกล้าหาญนั่น เขายื่นหน้าคมคายเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มที่ดูท่าจะอ่อนกว่าไม่มากเท่าไหร่อย่างอ้อนตีน เมื่อเห็นดวงตาคมกริบนั่นในระยะประชิด เด็กผู้ชายคนนั้นจึงผงะถอยหลัวงทันที
รุ่นน้องเลือดร้อนที่ยืนอยู่รอบๆ เริ่มตื่นตัวทันทีที่เห็นว่าลูกพี่แสดงท่าทางประกาศสงครามกับเด็กในชุดนักเรียน พวกเขาตีกับทุกคนโดยไม่มีแบ่งแยก สมกับฉายาขยะสังคมกิตติมาศักดิ์ หากแต่ขวดกลับส่ายหน้าว่าไม่จำเป็น เพราะเขารู้ดีว่าไอ้เด็กคนนี้มันไม่กล้าจริง
“แล้วมึงเป็นใครครับน้อง อย่ามาแส่ เป็นแฟนของน้องเขาเหรอไง?” เด็กหนุ่มในทรงผมสกินเฮดสีทองสว่างกดเสียงต่ำ ก่อนที่จะกระดิกรองเท้าส้นเหล็กอย่างไร้มารยาท เสียงโลหะจะหัวรองเท้ากระทบกับพื้นรถไฟฟ้าจนเกิดเสียงน่ากลัว
“... อึก”
“เออ แล้วป้ายหน้าจะลงใช่ไหม มึงลงไปคนเดียว ทิ้งแฟนมึงไว้ โอเคปะ”
“มะ... มนต์เป็นเพื่อนผม ถ้าผมลงมนต์ก็ต้องลงไปด้วย” แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธคำสั่งของขวดราวกับอยากได้รับส้นตีนเป็นการตอบแทน ขวดแค่นหัวเราะเมื่อเห็นว่าทั้งที่ขาสั่นแทบตาย แต่ยังพยายามปกป้องผู้หญิงอย่างสุดชีวิต แต่เมื่อเห็นคนตัวเล็กข้างตัว เธอเองก็ตัวสั่นไม่ต่างกัน ดูเหมือนว่าเขาจะแสดงท่าทางห่ามโหดเอาแต่ใจมากเกินไปใช่ไหม
ขวดลดมือที่กุมไหล่ของน้องลง
เป็นแค่เพื่อนทำหวงยังกะเป็นผัว แม่งไม่เท่เลยว่ะ
“เฮ้ย ถ้าเป็นแค่เพื่อนก็อย่าเสือกดิครับน้อง” ยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายมองผู้หญิงที่เขาสนใจตั้งแต่แรกเห็นยังไงถึงกล้าออกตัวแรงขนาดนั้น ขวดก็รู้สึกหัวร้อนขึ้นมา เขากระดิกส้นเท้าแรงขึ้นจนอีกฝ่ายขนลุกขนพอง วาจาหยาบโลนถูกพ่นจากปากหยักอย่างไม่นึกเกรงใจ
เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ดูเหมือนว่าเด็กผู้ชายคนนั้นจะไม่กล้าแม้แต่จะเถียงสู้กลับมา ขวดพอใจกับผลลัพธ์ เพราะเขายกพวกมาขนาดนี้ถ้ากล้าหาญชาญชัยยังกระพือปีกโต้ก็ยังไงอยู่
หมับ
เขาใช้โอกาสนี้คว้าข้อมือเล็กให้ขยับมายืนชิดกันอีกนิด
และเพราะว่าเธออยู่ใกล้เกินไป ขวดจึงได้กลิ่นหอมจากเส้นผมผ่านร่างเล็กที่ตัวสั่นเทา กลิ่นแชมพู และเสื้อที่ถูกซักอย่างดี มันหอมเข้ารูจมูกเหมือนกลิ่นไฮยีนและแป้งเด็กธรรมชาติ
ยิ่งละลายเข้าไปอีก หน้าก็หวาน ตัวก็หอม ผมก็สวย
“ไม่งั้นชีวิตวัยรุ่นอาจจบไม่สวยใน BTS ก็ได้นะมึง”
เขาและพรรคพวกในกลุ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งทันทีเมื่อจบประโยคนั้น
‘สวดมนตร์’ รู้สึกหวาดกลัวจับใจ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่กลัวขนาดนี้
ผู้ชายที่ยืนจับข้อมือเธออยู่ด้วยรังสีอำมหิตที่มีต่อเพื่อนที่ชื่อเก็ตนั้นดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก เธอเคยเห็นเหล่ากลุ่มคนประเภทนี้ในหน้าข่าว แต่ไม่เคยได้เจอตัวเป็นๆ ดูจากเสื้อช็อปสีเทา รู้สึกว่าจะเป็นเด็กวิทยาลัยสายอาชีพ ท่าทางดูดุดันและค่อนข้างไม่มีมารยาทนั่นทำให้ดูเข้าถึงยาก
สวดมนตร์เป็นเด็กเรียนดีและเรียบร้อย เธอมีเพื่อนผู้หญิงในโรงเรียนนานาชาติหลายคนเพราะนิสัยที่น่ารัก และมีเพื่อนผู้ชายที่สนิทที่สุดอย่างเก็ต ที่มักจะคอยเป็นห่วงเธอไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ เก็ตเคยบอกชอบสวดมนตร์ แต่สุดท้ายเธอกับเขาก็ได้เป็นเพื่อนกัน และเพราะมนตร์นั้นใสบริสุทธิ์ราวกับผ้าขาว เก็ตจึงอยากรักษาความซื่อใสของเธอเอาไว้ จึงคอยดูแลไปรับไปส่งเธออยู่เสมอ
แต่คนที่มาจีบสวดมนตร์คราวนี้ ดูจะเป็นกลุ่มคนที่เก็ตรับมือได้ยาก อาจเพราะเขาอยู่แต่ในสภาพแวดล้อมดีๆ มาโดยตลอด
เหมือนอยู่คนละโลกเลย เก็ตไม่มีวันทำความเข้าใจและเข้าถึงคนประเภทนี้ได้เลย ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย
สวดมนตร์เข้าใจดี ถึงเก็ตจะเป็นเพื่อนแต่เขาเองก็ต้องมีความกลัว เธอทำใจกล้าทั้งๆ ที่ยืนตัวสั่นตอนที่พูดไม่มีเสียงให้เก็ตลงไปที่สถานีหน้าก่อน เพื่อให้เก็ตโทรหาพ่อเธอให้ตามมาช่วย
เก็ตเองก็จำต้องลงสถานีต่อไปอย่างจำยอม เขาเองก็ยอมรับว่าขี้ขลาดตาขาว หากไม่ปล่อยสวดมนตร์ไว้กับผู้ชายคนนั้น ดูท่ามันคงจะไม่ยอมรามือ และเขาคงได้เจ็บตัวแน่ ไม่ว่ายังไงเก็ตก็เป็นแค่เด็กอายุ 18 ที่ยังไม่สามารถเอาตัวรอดในสังคมได้ เขารีบกดโทรศัพท์ติดต่อไปหาเบอร์พ่อของสวดมนตร์ในทันที
และปล่อยเธอเอาไว้กับผู้ชายน่ากลัวเพียงลำพัง
“เอาล่ะครับน้องคนสวย มาคุยกันหน่อย” เมื่อเห็นว่าเด็กชายคนนั้นลงไปแล้ว ขวดก็ยิ้มกริ่มท่าทางพึงพอใจ เขาหันเหความสนใจไปที่เด็กสาวข้างๆ พร้อมกับเสียงสอง “ชื่อมนต์เหรอ”
“ชะ... ใช่ค่ะ” สวดมนตร์ตอบเสียงสั่น ยืนขาสั่นพับๆ เพราะถึงจะพยายามยืนใจดีสู้เสือโดยที่ไม่มีใครในชานชาลานี้คิดจะช่วยเลยก็ตาม แต่เธอก็กลัวแสนกลัวจนเก็บอาการแทบไม่ไหว ขวดจึงพิจารณาทั้งหน้าตาและรูปร่างของเธอชัดๆ
ยิ่งชัดเจนก็ยิ่งมั่นใจ
“โคตรน่ารักเลยอะ” ร่างเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อเขาเอ่ยชมอย่างตรงไปตรงมา แต่สำหรับเธอมันดูคุกคามอย่างน่ากลัว
“ขะ... ขอบคุณค่ะ” เดาอารมณ์ของเขาไม่ถูกเลย
“อยากจีบอะ ได้ปะ?”
