
บทนำ
ไครู้สึกถูกตาต้องใจเฟรชชี่หนุ่มสุดฮอตคนนั้นในทันที คนที่เขาเคยบังเอิญไปเห็นว่ามีวันไนต์สแตนด์ที่บาร์และไม่สามารถสลัดภาพออกจากหัวได้เลยนับแต่นั้นมา ไนต์เปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์ แต่ไคกลับชอบผู้หญิงมาทั้งชีวิต...หรืออย่างน้อยเขาก็เคยคิดเช่นนั้นมาตลอด เขาจะยอมทิ้งทิฐิของตนเองและยอมรับในสิ่งที่ไนต์เป็นได้หรือไม่? หรือไนต์จะต้องกลายเป็นเพียงความลับสุดเร่าร้อนของเขาตลอดไป ที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มและหลังประตูห้องที่ปิดสนิท?
ทว่าไนต์เองก็มีความลับที่ซุกซ่อนไว้ ซึ่งพร้อมจะทำลายรากฐานความสัมพันธ์อันเปราะบางของพวกเขาสองคนให้พังทลายลงได้ทุกเมื่อ และหากไคยังคงลังเลต่อไป...เขาอาจต้องสูญเสียคนเพียงคนเดียวที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปตลอดกาล
บท 1
ถ้าเพื่อนสนิทของกูเดินมาบอกว่ามันเป็นเกย์...กูก็คงโอเคกับเรื่องนั้นนะ เผลอๆ อาจจะสนับสนุนมันด้วยซ้ำ...ถึงแม้ว่าการเห็นเพื่อนตัวเองอยู่กับ 'แฟนหนุ่ม' ของมันในที่สาธารณะอาจจะยังทำให้กูรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง และมันอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของกูกับมันตึงๆ ไปเลยก็ได้ ไม่ว่ากูจะพยายามทำตัวหัวก้าวหน้าแค่ไหนหรือโลกมันจะเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ก็ตาม
กูเชื่อมั่นในความเชื่อของตัวเองมาตลอด กูเชื่อมาตลอดว่ากูถูกสร้างมาให้เป็นอย่างที่กูเป็น และกูก็รู้ดีว่าตัวเองชอบใคร
เชื่อกูดิ กูก็ไม่ได้มีอะไรกับกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน คนรักสองเพศ คนข้ามเพศ และอื่นๆ เลยนะ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้มายุ่งอะไรกับกู กูเคยเห็นผู้ชายจูบกับผู้ชาย เคยเห็นผู้หญิงนัวเนียกันในคลับ มันเป็นภาพที่น่าดูชมเลยล่ะ โดยเฉพาะตอนที่เห็นผู้หญิงโคตรฮอตสองคนจูบกันในคลับ มันแอบทำให้กูอยากเข้าไปร่วมวงด้วยซ้ำ
แต่การมานั่งดูผู้ชายสองคนจูบกันแบบที่พวกเขากำลังทำอยู่ตอนนี้น่ะเหรอ? ดูพวกเขาลูบไล้สำรวจกันน่ะเหรอ? มันไม่เคยใช่ทางของกูเลยว่ะ อาจจะเพราะมันทำให้กูรู้สึกอึดอัดแปลกๆ มั้ง?
มันก็จะมีพวกที่เกลียดชังและต่อต้านการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และก็จะมีคนอย่างกู ที่โตมากับการได้ยินว่า 'ผู้ชายห้ามร้องไห้' และ 'ลูกผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละ' และรับรู้มาตลอดว่านั่นคือส่วนหนึ่งของ 'ความปกติ' ในสังคมตั้งแต่วันที่เราลืมตาดูโลก
แต่พวกเขา...ทำไมกัน...?
ทำไมกูถึงละสายตาไปจากเขาไม่ได้?
“เฮ้ย ไค!” โคล เพื่อนซี้ของกูตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ผลักไหล่กูทีหนึ่งหลังจากที่มันล้างมือในอ่างเสร็จ “เลิกจ้องได้แล้ว มันน่าขนลุกว่ะ”
“ห๊ะ?” กว่ากูจะรู้ตัวก็ปาไปพักใหญ่ ว่ากูกำลังจ้องพวกเขาอยู่จริงๆ...จ้องเขาคนนั้น
ประตูห้องน้ำเปิดแง้มอยู่นิดเดียว อาจจะเพราะพวกเขารีบร้อนเข้าไปข้างในจนลืมปิดให้สนิท โดยลืมไปว่าช่องแคบๆ นั่นทำให้ทุกคนข้างนอกสามารถแอบดูสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในได้ แม้จะได้ยินแค่เสียงครางต่ำๆ ก็ตาม
“กูไม่ได้จ้อง” กูโกหกหน้าตาย “พวกนั้นควรจะรู้ตัวหน่อยว่าอยู่ที่ไหน ถ้าไม่อยากให้คนอื่นมา-”
“อ่าห์!”
เสียงทุ้มแหบพร่านั่นทำให้กูชะงักทั้งที่ยังวางมืออยู่ใต้น้ำที่ไหลอยู่ ทำไมมันถึงทำให้กูอยากเห็นหน้าเขากันนะ? ทำไมจู่ๆ กูถึงได้อยากรู้นักว่าเสียงนั้นเป็นของใคร?
“ไปจากที่นี่กันเถอะ” โคลผละออกจากอ่างล้างหน้า หลังจากเช็ดมือกับกระดาษทิชชูเป็นปึก เขาก็โยนมันลงถังขยะแล้วแทบจะวิ่งพรวดออกจากห้องน้ำชายไป
เสียงลำโพงที่ดังกระหึ่มในคลับเล็ดลอดเข้ามาในห้องน้ำชั่วขณะตอนที่ประตูเปิดปิด กลบเสียงครางที่ดังมาจากในห้องน้ำ แต่ไม่นานห้องก็กลับมาเงียบอีกครั้ง และเสียงนั้นก็กลับมาดังเต็มกำลัง ดึงความสนใจของกูไปที่พวกเขาอีกครั้ง
เอาจริงๆ...กูก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าเหตุผลที่หัวใจเต้นรัวอยู่ในอกมันเป็นเพราะจังหวะกลองที่สั่นสะเทือนผ่านพื้น หรือเป็นเพราะกูเห็นอะไรมากกว่าแค่เงาๆ ลางๆ ของสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องน้ำกันแน่
“เชี่ย!” กูสบถเมื่อรู้ตัวว่าทำแขนเสื้อเปียกเพราะน้ำที่ไหลอยู่
กูปิดก๊อกน้ำ ถอยออกมาแล้วดึงทิชชูสองสามแผ่นจากที่กดเพื่อเช็ดมือ แต่สายตาก็กลับไปจับจ้องที่ช่องเล็กๆ บนประตูห้องน้ำอีกครั้ง ที่ซึ่งชายสองคนกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม
แต่มาถึงตอนนี้...พวกเขาทำอะไรมากกว่าแค่จูบกันแล้ว
สิ่งแรกที่กูสังเกตเห็นคือดวงตาสีเฮเซลข้างหนึ่งกับกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มยุ่เหยิง เขาพิงอยู่กับผนังฝั่งตรงข้าม และมีอยู่แวบหนึ่งที่กูคิดว่าสายตาของเราสบกันในชั่วขณะที่หัวใจแทบหยุดเต้น ก่อนที่กูจะสะบัดตัวเองออกจากภวังค์แล้วพยายามหันไปสนใจอย่างอื่นแทนดวงตาคู่นั้น
แต่มันกลับเป็นไปไม่ได้อย่างน่าประหลาด กูยังคงมองกลับไป แม้จะเห็นเขาหลับตาลงแล้วแหงนหน้าขึ้นตอนที่ชายผมบลอนด์ตรงหน้าเริ่มจูบซอกคอของเขา และเขาก็ยกมือขึ้นไปขยุ้มเส้นผมของชายคนนั้น
มือของเขาก็เป็นอีกอย่างที่กูละสายตาไปไม่ได้ มันไม่ได้เรียบเนียนหรือดูเหมือนผู้หญิงอย่างที่กูคาดไว้ แต่กลับแข็งแรงและเห็นเส้นเลือดปูดโปน ดูเหมือนเขาจะออกกำลังกายหนักน่าดู
แต่คราวนี้กูก็หลุดจากความคิดด้วยเสียงหัวเข็มขัดที่ถูกปลดออกและเสียงโซ่ที่ถูกรูดลง และกูก็รู้ว่าถึงเวลาที่กูต้องไสหัวออกไปจากที่นี่แล้ว เพราะกูไม่ได้เมาพอที่จะใช้เป็นข้ออ้างได้ถ้าโดนจับได้ว่าแอบดู
ทว่า กูกลับหยุดชะงักก่อนจะเดินผ่านห้องน้ำห้องนั้นไป จากมุมนี้กูมองไม่เห็นแล้วว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น แต่กูยังเห็นมือของเขาวางราบอยู่บนผนังห้องน้ำ เขาสวมแหวนเงินดีไซน์ซับซ้อนไว้ที่นิ้วชี้...และถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่กงการอะไรของกูที่ต้องไปอยากรู้ กูก็ยังละสายตาไปจากมือของเขาไม่ได้...จากแหวนวงนั้น...จนกระทั่งกูเอื้อมมือไปปิดประตูห้องน้ำให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ กันไม่ให้คนอื่นได้มาเพลิดเพลินกับการแสดงที่พวกเขากำลังสร้างสรรค์กันอยู่
ผมหยิบมือถือออกจากกระเป๋าเพื่อเช็กดูว่ามีสายที่ไม่ได้รับหรือข้อความเข้าบ้างไหม เพราะผมรู้ว่าโคลกำลังรออยู่ข้างนอกและเขาต้องถามแน่ว่าทำไมผมถึงมาช้า แต่สายเรียกเข้ากับข้อความทั้งหมดที่ผมได้รับล้วนมาจากรูบี้ แฟนเก่าที่เพิ่งเลิกกันไปหมาดๆ ซึ่งยังพยายามจะขอกลับมาคืนดีกับผมทั้งๆ ที่เธอเป็นฝ่ายนอกใจก่อน
ยังไงมันก็ไม่สำคัญอยู่แล้ว เพราะผมกับรูบี้ไม่เคยคบกันจริงจังและไม่เคยคิดจะจริงจังด้วย เหตุผลเดียวที่เธอโทรมาก็คงเพราะ ‘เหงา’ และอยากให้ผมไปอยู่เป็น ‘เพื่อน’ ให้หายเหงา
นี่เป็นอีกเหตุผลที่ผมพยายามคุมตัวเองไม่ให้ดื่มเยอะ ผมไม่อยากลงเอยด้วยการเผลอโทรไปหารูบี้ตอนเมา แล้วต้องมานั่งเสียใจในตอนเช้าตอนที่เธอพยายามจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อขอกลับมาคืนดีอีกครั้ง
“ช้าจังวะ” น้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นจริงจังของโคลทำให้ผมต้องละสายตาจากหน้าจอขึ้นไปมองเขา “ใครโทรมาวะ”
‘รอดตัวไป’ ผมคิดในใจขณะที่หน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบขึ้นพร้อมกับใบหน้าของรูบี้ที่เป็นไอดีผู้โทรเข้า
“ไม่มีอะไร” ผมกดปิดหน้าจอแล้วเก็บมือถือกลับเข้ากระเป๋า แต่ไม่ทันที่โคลจะก้มลงมาเพื่อแอบดูหน้าจอของผม “เลิกเสือกซะที”
“นั่นใช่ผู้หญิงที่มึงคบมาได้สองอาทิตย์กว่าปะ” โคลผิวปากแข่งกับเสียงลำโพงที่ดังกระหึ่มขณะที่เราเดินกลับไปทักทายเพื่อนๆ ที่คลับ “มึงเลิกกับหล่อนไปแล้วไม่ใช่เหรอ อาทิตย์ที่แล้วไง”
“เออ” ผมตอบแค่นั้นขณะที่เรากลับไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนที่มหา'ลัย
เราสี่คนออกมาฉลองที่สอบไฟนอลของปีสองเสร็จสิ้น และอาจจะเพื่อหิ้วใครสักคนจากคลับกลับบ้านไปด้วย ดูจากทรงแล้ว โจชัวกำลังจะได้แอ้มใครสักคนในไม่ช้า ขณะที่โคล เดวอน และผมนั่งจมอยู่กับเครื่องดื่มและมองเขาจีบสาวอย่างไม่อายฟ้าอายดินอยู่ตรงหน้า
พอผู้หญิงคนนั้นใจอ่อนและเรียกเขาไปหาในที่สุด พวกเราก็รู้เลยว่าคืนนี้สองคนนั้นได้สนุกกันแน่
“เชี่ย!” ผมลุกพรวดจากเก้าอี้ทันทีที่เห็นเวลา “เคอร์ฟิวหอปิดเที่ยงคืน เรามีเวลาสิบห้านาทีกลับไปให้ทัน”
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!” โคลสบถแล้วกระดกเครื่องดื่มแก้วสุดท้ายรวดเดียว “พวกมึง กูต้องไปแล้ว เจอกันพรุ่งนี้ที่มอ”
“ขับรถดีๆ” เดวอนโบกมือลาพวกเรา “เจอกัน”
“เดี๋ยวนะ...แล้วมึงจะกลับยังไงวะ” ผมถามก่อนที่เราจะออกไป
“ไม่ต้องห่วง” เขาโบกมือปัดๆ แล้วหยิบมือถือออกจากกระเป๋าเพื่อโทรหาใครบางคน “เดี๋ยวกูหาคนไปส่ง”
กว่าผมกับโคลจะมาถึงลานจอดรถ ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเราขับรถของเขามา และคืนนี้เราทั้งคู่ก็ดื่มไปไม่น้อยเลย
“เชี่ย...เรียกอูเบอร์ไหม” ผมเสนอ
“ไม่ทันแล้ว” เขาหยิบกุญแจรถออกจากกระเป๋าแล้วโยนมาให้ผม “มึงขับ มึงดื่มเบียร์ไปแค่ขวดเดียว”
“เออ” มันไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัยนัก แต่เราสองคนก็ไม่อยากโดนปรับหรือโดนรายงานโทษฐานกลับหอพักสาย ผมจึงเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยและสตาร์ตรถขับตรงไปยังหอพักทันทีที่เราทั้งคู่คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย
“ทันเว้ย!” ผมบอกโคลในอีกสิบนาทีต่อมา พลางหอบหายใจจนแทบจะเป็นลมเพราะความตื่นตระหนกเมื่อเรามาถึงลานจอดรถของหอพัก และผมเห็นยามแก่ๆ กำลังจะปิดประตูเหล็กบานใหญ่ตามหลังเราเข้ามา
แต่สิ่งที่ทำให้ผมผิดหวังอย่างแรงก็คือ...โคลสลบเหมือดอยู่บนเบาะข้างๆ ผม เขานอนกรนเสียงดังสนั่นในท่าคอพับคออ่อนดูน่าอึดอัด แถมปากก็อ้าหวอ ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าเขาน้ำลายไหลยืดอีกต่างหาก
“โธ่เว้ย!” ผมครวญคราง ไม่อยากเป็นคนแบกเขากลับไปที่ห้องพักเลย แต่ก็รู้ว่าไม่มีทางเลี่ยง ถ้าผมทิ้งเขาไว้กับยาม ตาแก่คนนั้นต้องรายงานผู้อำนวยการหอพักตอนเช้าแน่ๆ ทั้งเรื่องดื่มแล้วกลับหอสาย และอะไรต่อมิอะไรอีก
ตาแก่เวรนั่นเกลียดขี้หน้าพวกเราจะตาย แต่ก็ยังได้งานเฝ้าหอชายเนี่ยนะ! เขาเกิดมาก็แก่เลยหรือไง หรือว่าตอนเด็กๆ ไม่เคยมีช่วงเวลาสนุกๆ กับเขาบ้างวะ
“เฮ้!” ผมเขย่าตัวเขาอย่างแรง “ตื่น! กูไม่แบกมึงนะเว้ย! ตื่น!”
โคลครางอืออาและพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนจะพยายามปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว ผมถอนหายใจแล้วปลดเข็มขัดให้เขา ก่อนจะลงจากรถแล้วอ้อมไปฝั่งคนนั่งเพื่อช่วยพยุงเขาออกมา
“แม่งเอ๊ย ตัวหนักชิบหาย!” ผมพยายามทรงตัวให้ตรงขณะที่โคลทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงมาที่ผม “อย่ามาหลับใส่กูนะเว้ย ไอ้บ้าเอ๊ย!”
“อืมมมมม....” โคลพึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่เป็นภาษาอยู่ใต้ลมหายใจ ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงกรนของเขาอีกครั้ง
“ไอ้เวรเอ๊ย!” ผมสบถ ล็อกรถของเขาแล้วเก็บกุญแจใส่กระเป๋าตัวเองไว้อย่างดี
ผมพาดแขนของโคลไว้บนบ่าแล้วเดินไปยังล็อบบี้ของหอพัก ลากร่างที่หลับใหลของเขาไปด้วยความยากลำบาก แต่ขณะที่ผมกำลังจะกดปุ่มเรียกลิฟต์เพื่อจะขึ้นไปยังชั้นของเขา...มืออีกข้างก็ชิงตัดหน้าไป กดปุ่มลิฟต์ก่อนผม
“เอ่อ...ขอบคุณครั-” แล้วผมก็สังเกตเห็นแหวนเงินสลักลายบนนิ้วชี้ข้างขวาของเขา...และสายตาของผมก็พลันช้อนขึ้นสบกับดวงตาสีเฮเซลที่กำลังจ้องมองกลับมาจากใบหน้าที่ผมไม่อาจละสายตาไปได้อีก
บทล่าสุด
#115 บทที่ 115: ภาพรวมไปในอนาคต
อัปเดตล่าสุด: 9/5/2025#114 บทที่ 114: เสมอ
อัปเดตล่าสุด: 9/5/2025#113 บทที่ 113: การแต่งงานหลังการหมั้น
อัปเดตล่าสุด: 9/5/2025#112 บทที่ 112: นี่คือบ้าน
อัปเดตล่าสุด: 9/5/2025#111 บทที่ 111: เพียงฉันและเขา
อัปเดตล่าสุด: 9/5/2025#110 บทที่ 110: ครั้งหนึ่งเป็นบ้าน ตอนนี้เป็นบ้าน
อัปเดตล่าสุด: 9/5/2025#109 บทที่ 109: มุมมองใหม่
อัปเดตล่าสุด: 9/5/2025#108 บทที่ 108: หลงทางจากเส้นทาง
อัปเดตล่าสุด: 9/5/2025#107 บทที่ 107: เหมือนคุณ
อัปเดตล่าสุด: 9/5/2025#106 บทที่ 106: เกิดมาเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
อัปเดตล่าสุด: 9/5/2025
คุณอาจชอบ 😍
หลังหย่า ฉันมีชีวิตที่รุ่งโรจน์
เป็นนิยายจีนแนวย้อนยุค มีองค์ประกอบของการแต่งงาน การหย่าร้าง และสงคราม มีการใช้ภาษาที่เป็นทางการตามยุคสมัย มีการอ้างถึงกิจกรรมโบราณของจีน และมีความขัดแย้งระหว่างตัวละคร
คำแปล
แต่งงานมาสามปี เย่หมิงลี่ไม่เคยแตะต้องนาง จนกระทั่งวันที่เขาเมาสุรา นางจึงได้รู้ว่าตนเป็นเพียงตัวแทนของใครบางคน
นางเอ่ย "ท่านอ๋อง ขอหย่าขาดกันเถิดเจ้าค่ะ"
เขาตอบ "เจ้าอย่าได้เสียใจภายหลัง"
เขาคิดว่านางจะต้องเสียใจที่จากไป แต่ใครเลยจะรู้ว่านางกลับใช้เวลาไปกับการเล่นโยนลูกธนู เล่นซ่อนตะขอ เล่นทายของในถ้วย เล่นชนไก่ ขี่ม้าตีลูกบอล จนถึงเลี้ยงจิ้งหรีด แต่ไม่เคยร่ำไห้อยู่ในห้องนางสักครั้ง
ในที่สุด เมื่อนางนำทัพออกรบ เขาก็รีบควบม้าตามไปยังสนามรบ แล้วดักรอนางที่กระโจม "ซางกวนซิน อย่าออกรบแทนบิดาเลย ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าเอง"
ภายใต้แสงเทียน หญิงสาวยิ้มอย่างเย้ยหยัน "ท่านอ๋องวางใจได้ วันที่หม่อมฉันควบม้าไปยังทะเลทรายอันกว้างใหญ่ หม่อมฉันจะเก็บร่างขององค์หญิงไว้ครบถ้วนเป็นศพเดียว"
ชายหนุ่มโกรธจัดด้วยความอับอาย ท่ามกลางแสงดาบเงาคม มีคมกระบี่พุ่งมาแยกชายผู้นั้นออก ซ่งเจว๋ยิ้มอย่างอ่อนโยน "ท่านอ๋องโปรดสำรวมตน อาซินเป็นภรรยาของข้า"
เจ้าสาวตัวแทนของราชาอัลฟ่า
ฉันรู้สึกพ่ายแพ้เมื่อฉันนอนอยู่ใต้ร่างแข็งแกร่งของราชาอัลฟ่า เขากดตัวลงมาหนักหน่วง น้ำตาเปื้อนใบหน้าของฉันและเขามองไปรอบๆ ใบหน้าของฉันด้วยความสงสัย เขาหยุดนิ่งไปนาน หายใจหอบและตัวสั่น
เมื่อครู่เขาฉีกชุดแต่งงานที่สั่งตัดพิเศษของฉันออกจากร่างกายผอมบางของฉันและฉีกมันเป็นชิ้นๆ ฉันสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเขากดฉันลงบนเตียงของเขา จูบทุกจุดบนร่างกายของฉันและกัดจนฉันเลือดออก
สายตาสีฟ้าเข้มของเขาดูดุร้ายและในขณะนั้นฉันกลัวชีวิตของฉันจริงๆ ฉันกลัวว่าคืนวันแต่งงานของฉันจะเป็นจุดจบของชีวิตฉันทั้งหมด
ความทรงจำของวันนั้นเข้ามาในใจฉันขณะที่ฉันคิดกับตัวเองว่า "ฉันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง?"
เพื่อช่วยน้องชายของเธอ ฮันนาห์ถูกบังคับให้แทนที่เอมี่ พี่สาวต่างแม่ของเธอในงานแต่งงานที่จัดขึ้น ต้องแต่งงานกับราชาอัลฟ่าผู้โหดร้าย ปีเตอร์ เธอไม่รู้เลยว่ามีอันตรายมากมายรอเธออยู่
อัลฟ่าปีเตอร์ ชายที่หยิ่งยโส เย็นชา และแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรหมาป่า เขายอมรับการแต่งงานนี้เพราะเขาต้องการหาคู่แท้ของเขา ตามคำทำนาย มีเพียงคู่แท้ของเขาเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาจากความโกรธบ้าคลั่งได้ เขาไม่รู้เลยว่าในไม่ช้าเขาจะพบว่าตัวเองตกหลุมรักกับเด็กสาวโอเมก้าคนนี้
คู่มนุษย์ของราชาหมาป่า
"ฉันรอเธอมานานเก้าปี นั่นเกือบจะเป็นทศวรรษที่ฉันรู้สึกว่างเปล่าภายในตัวเอง ส่วนหนึ่งของฉันเริ่มสงสัยว่าเธอไม่มีตัวตนหรือเธออาจจะตายไปแล้ว และแล้วฉันก็พบเธอ อยู่ในบ้านของฉันเอง"
เขาใช้มือข้างหนึ่งลูบแก้มของฉัน ทำให้รู้สึกเสียวซ่านไปทั่ว
"ฉันใช้เวลามากพอแล้วโดยไม่มีเธอ และฉันจะไม่ยอมให้สิ่งใดมาพรากเราจากกัน ไม่ใช่หมาป่าตัวอื่น ไม่ใช่พ่อขี้เมาของฉันที่แทบจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ครอบครัวของเธอ - และไม่ใช่แม้แต่เธอเอง"
คลาร์ก เบลเลอวิว ใช้ชีวิตทั้งชีวิตเป็นมนุษย์คนเดียวในฝูงหมาป่า - จริงๆ เลยนะ เมื่อสิบแปดปีก่อน คลาร์กเกิดจากความสัมพันธ์ชั่วคราวระหว่างหนึ่งในอัลฟ่าที่ทรงพลังที่สุดในโลกกับผู้หญิงมนุษย์คนหนึ่ง แม้จะอาศัยอยู่กับพ่อและพี่น้องลูกครึ่งหมาป่าของเธอ คลาร์กก็ไม่เคยรู้สึกว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของโลกหมาป่าเลย แต่พอคลาร์กวางแผนจะทิ้งโลกหมาป่าไปตลอดกาล ชีวิตของเธอก็พลิกผันเมื่อพบคู่ชีวิตของเธอ: กริฟฟิน บาร์โดต์ อัลฟ่าคิงคนต่อไป กริฟฟินรอคอยมาหลายปีเพื่อพบคู่ชีวิตของเขา และเขาไม่คิดจะปล่อยเธอไปง่ายๆ ไม่สำคัญว่าคลาร์กจะพยายามหนีจากชะตากรรมของเธอหรือคู่ชีวิตของเธอไปไกลแค่ไหน - กริฟฟินตั้งใจจะรักษาเธอไว้ ไม่ว่าจะต้องทำอะไรหรือใครจะขวางทางเขาก็ตาม
คุณฮั่ว โปรดรักฉัน
หัวใจแปรผัน
เธอตัดสินใจหย่าร้าง แต่อเล็กซ์รู้สึกเสียใจอย่างมากกับการกระทำของเขาและพยายามอย่างยิ่งที่จะคืนดีกับเธอ ในขณะนั้น เซบขอเธอแต่งงาน พร้อมกับยื่นแหวนเพชรล้ำค่ามาให้และพูดว่า "แต่งงานกับฉันเถอะ ได้โปรด"
ด้วยความที่ลุงของอดีตสามีของเธอไล่ตามเธออย่างจริงจัง ชารอนจึงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ลำบากใจ เธอจะตัดสินใจอย่างไร?
ความหวังที่ว่างเปล่า
มาทำงานที่บ้านเจ้านายคนใหม่ได้ครึ่งเดือนแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ คุณภาพการนอนของฉันแย่มาก
จากห้องของเจ้านาย มักจะมีเสียงประหลาดๆ ดังออกมาในยามดึก
ฉันซึ่งแต่งงานมีสามีแล้ว ย่อมเข้าใจดีว่าเสียงพวกนั้นหมายถึงอะไร ทุกครั้งที่เห็นหน้าเจ้านาย ใบหน้าฉันจึงมักจะร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรง
สิ่งที่ทำให้ฉันสงสัยก็คือ เจ้านายเป็นแบบนี้ทุกคืน ราวกับมีพลังไม่รู้จักหมด
ภายหลัง ฉันถึงได้รู้ว่าเขาเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "โรคติด"
ค่ำคืนแห่งความลับ
"คิดว่าจะไปไหนเหรอ?"
"ตรงนั้น" ฉันตอบเสียงสั่นๆ พร้อมพยักหน้าไปทางเก้าอี้
เขาจ้องมองฉันด้วยสายตาที่เข้มข้นจนทำให้ฉันรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ฉันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก และเขาก้มลงมาจูบฉันด้วยริมฝีปากอุ่นๆ ฉันครางเบาๆ และกำเสื้อยืดของเขา จูบตอบกลับไป คอนราดลูบหลังฉันและวางมือที่เอวเพื่อดึงตัวฉันให้แนบชิดกับเขามากขึ้นขณะที่เราจูบกัน ฉันโอบแขนรอบคอเขา
ส่วนหนึ่งของฉันโหยหาจูบของเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้จูบกัน จูบนี้เต็มไปด้วยความหลงใหลแต่ไม่รุนแรงหรือหยาบคาย มันสมบูรณ์แบบมาก คอนราดใช้มืออีกข้างลูบแก้มฉัน ฉันดันลิ้นเข้าไปในปากเขา ฉันต้องการมากกว่านี้ คอนราดดูเหมือนไม่มีปัญหาเพราะลิ้นของเขาเต้นรำเข้ากันได้อย่างลงตัวกับของฉัน
ฉันเดินถอยหลังโดยไม่แยกจากริมฝีปากของเขาจนหลังชนกับเคาน์เตอร์ มีอารมณ์มากมายหมุนเวียนในตัวฉัน ฉันจับสะโพกเขาและดึงเขาเข้ามาใกล้ คอนราดครางเสียงดังในริมฝีปากของฉัน และฉันรู้สึกได้ว่าเขาแข็งตัวขึ้นเพียงแค่จูบฉัน ฉันก็เหมือนกัน ฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นครั้งแรกในรอบนาน
คืนหนึ่ง
งานบอลหน้ากาก
ชายหนุ่มรูปหล่อ
มันคือจุดเริ่มต้นทั้งหมด เพราะฉันถูกบังคับให้เข้าร่วมงานโดยเจ้านายของฉันเพื่อแกล้งเป็นลูกสาวของเธอ ไม่อย่างนั้นฉันจะถูกไล่ออก
สายตาของชายหนุ่มรูปหล่อตกลงมาที่ฉันทันทีที่ฉันเดินเข้าไป ฉันหวังว่าเขาจะมองข้ามไปเพราะเขาถูกล้อมรอบด้วยผู้หญิงสวยๆ แต่เขาไม่ทำ เมื่อเขาตัดสินใจเข้ามาหา ฉันถึงได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าเลย เขาและครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของบริษัทที่ฉันทำงานอยู่ เขาไม่ควรรู้ว่าฉันเป็นใคร
ฉันพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงเขา แต่ไม่มีอะไรได้ผล มันยากที่จะต้านทานเมื่อเขาจ้องมองฉันด้วยสายตาและรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ฉันยอมแพ้ที่จะต่อสู้กับมัน การใช้เวลาสักสองสามชั่วโมงกับเขาคงไม่เป็นไรใช่ไหม? ตราบใดที่ฉันยังสวมหน้ากาก เขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร
ฉันไม่เคยรู้สึกเคมีแบบนี้กับใครมาก่อน แต่มันไม่สำคัญเพราะหลังจากคืนนี้ ฉันจะหายไปและเขาจะไม่มีทางรู้ว่าฉันเป็นใคร แม้ว่าเขาจะเดินผ่านฉันบนถนน เขาก็จะไม่สังเกตเห็นเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือผู้หญิงที่เขาหลงใหล คนสวยที่เข้ากับคนอื่นได้ แต่ในความเป็นจริงฉันเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันไม่มีอะไรพิเศษ ดังนั้นเวลาที่เราใช้ร่วมกันจะเป็นเพียงความทรงจำ
แต่ฉันคิดผิด เพราะเพียงคืนเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ฉันหวังว่าเขาจะลืมฉันไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาทำ
ไม่ว่าอย่างไร เขาไม่ควรรู้ความจริง เพราะเขาจะผิดหวังเท่านั้น
ลักพาตัวเจ้าสาวผิดคน
และให้ตายเถอะ ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าฉันไม่ต้องการเธอเหมือนกัน
เธอยืนอยู่ตรงนั้น สวยและเซ็กซี่สุดๆ ในชุดนอนบางๆ ที่แทบจะไม่ปิดอะไรเลย"
"เธอเป็นสาวบริสุทธิ์จริงๆ" เขากระซิบด้วยความทึ่ง
ฉันไม่คิดว่าเขาตั้งใจจะพูดออกมาดังๆ เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับฉัน ความจริงที่ว่าเขามีข้อสงสัยในคำพูดของฉันควรจะทำให้ฉันโกรธ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น ดังนั้นแทนที่จะโกรธ ฉันกลับเกร็งตัวและคราง "ได้โปรด" ฉันขอร้องเขา
—————— กาเบรียลา: ฉันแค่อยากมีชีวิตปกติ แต่สิ่งนั้นถูกพรากไปเมื่อพ่อของฉันบังคับให้ฉันแต่งงานกับผู้ชายที่ฉันไม่เคยพบ โชคชะตาดูเหมือนจะเล่นตลกอีกครั้ง วันที่เราจะพบกัน ฉันกลับถูกลักพาตัวโดยแก๊งมาเฟียคู่แข่ง เพียงเพื่อจะพบว่าฉันถูกลักพาตัวผิดคน! แต่เมื่อเอนโซ จอร์ดาโนเข้ามาในชีวิต ฉันรู้ว่าฉันไม่อยากกลับไป ฉันแอบรักเขามาตั้งแต่เด็ก ถ้านี่เป็นโอกาสที่จะทำให้เขาสนใจฉัน ฉันก็จะทำทุกวิถีทาง แต่เขาจะต้องการฉันด้วยหรือเปล่า ฉันไม่แน่ใจเลย
ราชินีน้ำแข็งสำหรับขาย
อลิซเป็นนักสเก็ตน้ำแข็งวัยสิบแปดปีที่สวยงาม อาชีพของเธอกำลังจะถึงจุดสูงสุดเมื่อพ่อเลี้ยงที่โหดร้ายขายเธอให้กับครอบครัวที่ร่ำรวย ครอบครัวซัลลิแวน เพื่อเป็นภรรยาของลูกชายคนเล็กของพวกเขา อลิซคิดว่าต้องมีเหตุผลที่ผู้ชายหล่อๆ อยากแต่งงานกับผู้หญิงแปลกหน้า โดยเฉพาะถ้าครอบครัวนั้นเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรรมที่มีชื่อเสียง เธอจะหาทางละลายหัวใจเย็นชานั้นเพื่อให้เธอไปได้ไหม? หรือเธอจะสามารถหนีไปได้ก่อนที่จะสายเกินไป?
ก้าวสู่ความรัก: หัวหน้าหวานใจรักแรก
สิ่งที่หยุนเสี่ยงอยากทำมากที่สุดเมื่อได้ย้อนกลับไปในอดีต คือการห้ามตัวเองในวัย 17 ไม่ให้ตกหลุมรักเซี่ยจวินเฉินวัย 18 ปี
แต่เมื่อวิญญาณวัย 26 ปีของเธอได้เข้าสิงร่างของเด็กสาววัย 17 อีกคน ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่หยุนเสี่ยงคาดไว้เลย
หม่อซิงเจ๋อ บอสในอนาคตของเธอ ดันมาอาศัยอยู่ในบ้านที่เธออยู่ตอนนี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ชีวิตการอยู่ร่วมชายคาที่วุ่นวายจึงเริ่มต้นขึ้น
หนึ่งปีต่อมา
อุบัติเหตุรถชนที่ไม่คาดคิด พาหยุนเสี่ยงกลับไปยังวัย 26 ปีของเธออีกครั้ง
เธอคิดว่านี่เป็นเพียงความฝันที่สวยงาม พอตื่นขึ้นทุกอย่างก็กลับเป็นเหมือนเดิม
แต่ตั้งแต่เธอปรากฏตัวต่อหน้าหม่อซิงเจ๋ออีกครั้ง
ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
สำหรับเธอ มันเป็นเพียงเวลาหนึ่งปี แต่สำหรับหม่อซิงเจ๋อ เธอคือคนที่เขาหมกมุ่นมาตลอดเก้าปี
เขาไม่มีทางปล่อยให้เธอหลุดจากโลกของเขาอีกครั้ง
หม่อซิงเจ๋อจับมือหยุนเสี่ยงที่กำลังจะเดินจากไป กัดฟันพูดอย่างเดือดดาล "หยุนเสี่ยง ฉันรอเธอมาเก้าปี แค่ให้เธอรออีกเก้านาทีมันยากนักเหรอ?"
น้ำตาของหยุนเสี่ยงไหลอาบแก้ม "ฉันนึกว่าคุณไม่ต้องการฉันแล้ว"
หม่อซิงเจ๋อโกรธจนแทบคลั่ง เขาทุ่มเททุกวิถีทางก็เพื่อกักเธอไว้ข้างกายไปตลอดชีวิตเท่านั้น
แอบรักรุ่นพี่ตัวร้าย
ภารกิจให้เป็นคู่เดทเป็นเวลา1อาทิตย์...
รักแท้ อยู่หลังใบหย่า
(ขอแนะนำหนังสือเล่มหนึ่งที่สนุกจนวางไม่ลง อ่านไม่ยอมวางสามวันสามคืนเลย เนื้อเรื่องน่าติดตามและเข้มข้นมาก เป็นเรื่องที่ต้องอ่านให้ได้ ชื่อหนังสือคือ "เกิดใหม่: เทพธิดาแห่งการล้างแค้น" ค้นหาได้โดยพิมพ์ชื่อในช่องค้นหาเลย)