บทที่ 4: การแข่งขัน?
“โห” เดวอนกวาดตามองพวกเราสามคนขณะเอนหลังพิงเก้าอี้พร้อมกับยิ้มมุมปาก “พวกนายสามคนดูดีกันจังเลยนะเช้าอันสดใสแบบนี้”
เสียงครางโอดโอยสามครั้งดังขึ้นจากคนสามคน แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างกันลิบลับ
โจชัว เสือผู้หญิงผมแดงประจำกลุ่มที่มักจะถูกสังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดเพราะสีผมที่ไม่เหมือนใครของเขา ชูนิ้วกลางให้เดวอนขณะฟุบหน้าลงกับโต๊ะอีกครั้ง “ไอ้สัสเอ๊ย! เมื่อคืนกูหัวใจแทบวาย! แล้วนี่คือสิ่งที่กูต้องกลับมาเจอเหรอ?”
ดูเหมือนว่าผู้หญิงที่เขาพาไปบ้านด้วยเมื่อคืนเพิ่งจะอายุสิบแปดหมาดๆ แถมยังมีพ่อเป็นถึงผู้หมวด ก็พูดได้เต็มปากเลยว่า...เขาใช้เวลาที่เหลือทั้งคืนวิ่งหนีตำรวจ และสุดท้ายก็รอดมาได้พร้อมกับคำเตือน ‘อย่างสุภาพ’ ว่าอย่าได้ย่างกรายไปใกล้ลูกสาวเขาอีก ‘ไม่อย่างนั้น’…อืม ผมมั่นใจว่าไม่มีใครอยากรู้หรอกว่าประโยคนั้นจบลงอย่างไร
ส่วนโคล เขากำลังฟุบหน้าซบมืออยู่บนโต๊ะ ยังคงพยายามสร่างจากอาการเมาค้างสุดขีด ผมไม่แน่ใจว่าผมสีบลอนด์ฟอกขาวของเขายุ่งเหยิงเพราะเขาขยี้มันมาตลอดเวลา หรือเพราะเขาลืมหวีผมเมื่อเช้าเนื่องจากอาการแฮงก์กันแน่
และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด...ก็คือผมเองไง ที่ตาแดงก่ำและอดนอนมาทั้งคืน
“กูเอาแน่...ถ้ามึงยอมนะ”
หลังจากที่รูมเมตเกย์ของผมกรุณาปล่อยมุกนั้นออกมาก่อนจะกรนลั่นไปจนเช้า...ผมก็หมดอารมณ์จะนอนไปเลยเพราะว่า:
ก. ผมไม่เห็นว่ามันจะตลกตรงไหนเลยสักนิด
ข. ผมไม่เห็นว่ามันจะตลกเหี้ยๆ เลยสักนิด
ค. เขาแค่ล้อเล่น...ใช่ไหม?
“นี่เด” โคลหันไปหาเดวอน มองเขาขึ้นๆ ลงๆ ด้วยสายตาหรี่แคบ “ทำไมมึงดูไม่มีอาการแฮงก์เลยวะ? เมื่อคืนมึงซัดวิสกี้ไปตั้งเยอะนะ”
“ก็ไม่เยอะขนาดนั้น แล้วกูก็กลับบ้านไปนอนเต็มอิ่มมาสองสามชั่วโมงเมื่อคืน” เดวอนยักไหล่ “กูยังจดเลกเชอร์ในห้องเผื่อพวกมึงด้วย ถ้าอยากลอกของกู...ก็เลี้ยงข้าวกลางวันกูซะ”
พวกเราทุกคนครางออกมาพร้อมกันก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะอีกครั้ง
ถ้าจะมีอะไรที่เรากลัวเกี่ยวกับเดวอน...ก็คือความจริงที่ว่าหมอนี่มีกระเพาะเป็นหลุมดำและสามารถกินช้างได้ทั้งตัวโดยไม่กะพริบตา และการที่เขามีหุ่นสุดเหลือเชื่อรับกับความสูงหกฟุตสี่นิ้วก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำความเจ็บปวดเข้าไปอีก
แต่ถ้าจะให้แก้ต่างแทนเขาล่ะก็ เขาเป็นถึงประธานชมรมมวยและเคยคว้าเหรียญรางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วนจากการแข่งขันทั้งในระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ความจริงที่ว่ากลุ่มของเรามีแฟนคลับติดตามในเฟซบุ๊กและมีแฟนเพจที่อุทิศให้พวกเราแต่ละคนโดยเฉพาะ ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณเดวอนที่โพสต์เซลฟี่ถอดเสื้อตอนออกกำลังกายในยิม และบางครั้งก็ท้าให้พวกเราทำตามบ้าง
“เออ” โคลกับจอชพูดพร้อมกัน “แล้วแต่เลย!”
“ผมจดไว้นะ” ผมบอกพวกเขาก่อนจะก้มลงมองสมุดโน้ตของตัวเองแล้วก็ครางออกมาอีกรอบ “มั้งนะ”
ให้ตายสิ! ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ลายมือของผมมันอ่านไม่ออกแม้กระทั่งกับตัวเอง? การอดนอนมันไม่ได้ดูน่ารักเหมือนในหนังเลยสักนิด สายตาผมพร่ามัวและรู้สึกเหมือนจะสลบไปได้ทุกเมื่อ ถ้าไม่ใช่เพราะเอสเปรสโซห้าช็อตในกาแฟเมื่อเช้า ป่านนี้ผมคงหลับไปแล้ว แต่ตอนนี้ ผมกลับหยุดสั่นขาไม่ได้เลย
“เออๆ!” เดวอนถอนหายใจ “กูจะสงสารพวกมึงสามคนก็ได้ เฉพาะวันนี้วันเดียวนะ ไปหาข้าวกลางวันกินกันได้แล้ว กูหิว”
“แล้วมีตอนไหนที่มึงไม่หิวบ้างวะ?” โจชัวถามขณะลุกขึ้นจากที่นั่ง เช่นเดียวกับคนอื่นๆ...ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะหันมาทางผม “ไปไหมมึง?”
“ไปสิ...” ผมถอนหายใจแล้วลุกขึ้นตามไป
“กูจะจัดมึงแน่...ถ้ามึงยอมนะ”
บ้าเอ๊ย! ทำไมคำพูดของเขายังดังก้องอยู่ในหัวผมเหมือนเทปตกร่องไม่เลิกแบบนี้นะ
“พวกมึงจะกินไรเป็นมื้อเที่ยง แมคโดนัลด์หรือซับเวย์” โจชัวหาวขณะที่เราเข้าไปในลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่าง ทำให้เราทุกคนหาวตามกันเป็นทิวแถวก่อนจะมองค้อนใส่เขา
“ไม่เอาอะ! กูแดกอะไรก็ได้ที่โรงอาหารมี” โคลปัดข้อเสนอที่จะออกไปกินข้าวเที่ยงข้างนอก ทั้งที่คาบเรียนต่อไปของเราคือตอนบ่ายสอง
“เดี๋ยวนะ” ผมขมวดคิ้วใส่เขา “มึงเพิ่งจะปฏิเสธแมคโดนัลด์เนี่ยนะ! มึงเป็นบ้าอะไรของมึงวะ”
“ไอ้พวกโง่เอ๊ย!” เขาสบถ “พวกมึงลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้วันอะไร”
“วันเปิดเทอมปีสามไง” ผมพูดพร้อมกับเดวอนที่พึมพำว่า “วันแรกของคลาสใหม่เหรอ”
“เออ!” โคลส่ายหน้า “แล้วนั่นมันหมายความว่าไง”
เราสี่คนมองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนที่ในที่สุดจะนึกออก
“เชี่ย! เด็กปีหนึ่ง!”
“และสาวๆ เฟรชชี่หน้าใหม่!” โคลร้องเพลงอย่างกับไอ้โรคจิตตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออก แล้วเขาก็แทบจะวิ่งออกจากลิฟต์ไป “รีบไปโรงอาหารกันเว้ย ก่อนที่เด็ดๆ จะโดนสอยไปหมด!”
“นี่มันพูดถึงผู้หญิงเหมือนเป็นฝูงวัวฝูงควายเลยรึเปล่าวะ” ผมหรี่ตามองหัวทองๆ ของเขา หวังว่าเขาจะสะดุดล้มหน้าทิ่มสักครั้งจริงๆ ถ้าเพียงแต่เขากระตือรือร้นกับงานกลุ่มเท่านี้ แทนที่จะทิ้งให้พวกเราที่เหลือทำจนเสร็จก็คงจะดี...
“เอ่อ...แต่มันก็พูดถูกของมันนะ” โจชัวที่เพิ่งอกหักสดๆ ร้อนๆ เมื่อคืน เดินตามหลังโคลไป ขณะที่ผมกับเดวอนเดินช้าๆ อยู่ข้างหลัง ไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเราเป็นพวกเดียวกับไอ้บ้าสองตัวที่วิ่งนำหน้าไป
โรงอาหารคนแน่นเหมือนเคย มีนักศึกษาจากคณะอื่นมาร่วมด้วย โดยเฉพาะพวกที่ไม่มีเรียนในเวลานี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นคนเยอะเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาถึงจำนวนเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่กับบรรดาผู้ชื่นชมหน้าใหม่ของพวกเขา แต่ที่น่าประหลาดใจ...สุดๆ ก็คือตอนที่โคลตบเข้าที่ไหล่ผมอย่างแรง และเดวอนก็ก้าวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมราวกับจะบังอะไรบางอย่าง
“อะไรวะเนี่ย” ผมมองโคลอย่างไม่อยากจะเชื่อพร้อมกับลูบไหล่ตัวเอง “พวกมึงเป็นอะไรกันวะ ขยับสิ เดี๋ยวที่นั่งก็หมดหรอก!”
“คือว่า...” เดวอนลังเล แต่โคลก็ผลักเขาให้พ้นทาง
“โอ๊ย หุบปากไปเลย!” โคลพ่นลมหายใจ “ไคมูฟออนจากรูบี้ไปเป็นชาติแล้ว ไม่มีทางที่ยัยนั่นจะเรียกปฏิกิริยาอะไรจากมันได้หรอก”
“หือ” ผมมองไปรอบๆ อย่างสับสนว่าเพื่อนกำลังพูดเรื่องอะไรกัน แต่เมื่อเดวอนยังยืนขวางทางอยู่...ผมก็ไม่คิดว่าจะรู้เรื่องได้ถ้าเขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น
“เออ ก็ได้!” เดวอนถอนหายใจ ในที่สุดก็ยอมหลีกทางให้ “แต่กูต้องเตือนมึงก่อนนะ...กูว่ามึงเจอคู่แข่งแล้วว่ะ”
ผมยังคงงงอยู่ว่าพวกเขาพูดเรื่องอะไรกัน...จนกระทั่งสายตาของผมสบเข้ากับดวงตาสีเฮเซลคู่หนึ่งจากอีกฟากของห้อง และผมก็เข้าใจในที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น
รูบี้นั่งอยู่บนตักของเด็กปีหนึ่งคนหนึ่ง แขนของเธอโอบรอบต้นคอของเขา สีหน้าของเธออ่านไม่ออก แต่พวกเขาก็อยู่ใกล้กันมากจนดูเหมือนกำลังจะจูบกัน...และผู้ชายที่เธอนั่งทับอยู่...ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไนท์ วินเทอร์ส
เรื่องคู่แข่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะนึกถึงในตอนนั้น ขณะที่ผมยังคงสบตากับไนท์จากอีกฟากของห้อง ดวงตาสีฟ้าของผมจับจ้องไปยังดวงตาสีเฮเซลที่ดูไร้เดียงสาของเขา
แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจที่สุดในวินาทีนั้นคือความจริงที่ว่าคำถามเดียวในหัวของผมตอนนั้นไม่ใช่เรื่องของรูบี้ หรือเรื่องที่ว่าเธอไปลงเอยบนตักเขาได้อย่างไร แต่กลับเป็น...
เขาบอกผมว่าเป็นเกย์...เขาโกหกเหรอ
















































































































