บทที่ 5: มากกว่าการล้อเลียน

มุมมองของไนต์

“เชี่ย! ไอ้หนุ่มที่เจอในคลับนั่นน่ะเหรอ” เทรย์ เพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม ทำตาโตใส่ขณะที่กาแฟแทบพุ่งออกจากปาก

“กินก็หุบปากหน่อยสิโว้ย!” ทันย่า แฟนสาวของเทรย์และผู้หญิงคนเดียวในแก๊งเรา ใช้มือปิดปากเขาพร้อมกับทำหน้าแหยงใส่

พูดตามตรง เธอมีฮอร์โมนเพศชายเยอะกว่าผู้ชายทุกคนในกลุ่มซะอีก และการที่พวกเราทุกคนกลัวเธอก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่าเธอห้าวขนาดไหน...ถ้าการที่เธอเป็นนักมวยหญิงในทีมมหา'ลัยยังไม่ชัดเจนพอน่ะนะ ซึ่งนั่นแหละคือเหตุผลที่ผมกับแลนดอนถึงกับอ้าปากค้างตอนที่เทรย์ประกาศว่าคบกับทันย่า

แต่นั่นมันเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนี้ทั้งคู่ตัวติดกันเป็นตังเม...ถึงแม้ว่าบางครั้งการมองคนสองคนนี้อยู่ด้วยกันจะให้ความรู้สึกเหมือนดูกระต่ายน้อยเดินตามหลังนางสิงห์ก็เถอะ...

“แล้วไง เขาว่าไงบ้าง” แลนดอนดูเป็นกังวล เขาหรี่ตาสีเทาของตัวเองลงแล้วโน้มตัวมาข้างหน้าราวกับว่าทำแบบนั้นแล้วจะได้รู้เรื่องก่อนใคร “เขาเหยียดเพศปะ”

“ไม่เลย แค่สงสัยใคร่รู้อย่างออกนอกหน้า” ผมส่ายหัว...ถึงแม้ว่าคำพูดของเขาที่ว่าผมไม่ได้ล้างมือจะทำเอากาแฟแทบพุ่งออกจากจมูกเหมือนกันก็ตาม เอาจริงดิ ผมต้องให้คะแนนความคิดสร้างสรรค์ของเขาเลยนะ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่มีคนมาห่วงเรื่องนี้

และใช่...สำหรับใครที่สงสัย...ผมล้างมือแล้ว

แต่พอนึกถึงตอนที่ตัวเองเผลอหลุดปากพูดอะไรออกไป...ผมก็อยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย!

“กูเอาแน่...ถ้ายอมนะ”

เอาจริงดิไนต์ ทำไมกูต้องทำเสียงหื่นกามขนาดนั้นด้วยวะ นี่ขนาดเพิ่งมีวันไนต์สแตนด์มาหมาดๆ นะเนี่ย!

แต่ตอนที่ผมเดินออกจากห้องน้ำแล้วเจอไคยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าในสภาพที่นุ่งกางเกงขาสั้นแค่ตัวเดียว...มันทำเอาผมใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

ผู้ชายคนนี้หุ่นดีมาก ต้นขาแน่นๆ กับกล้ามแขนสวยๆ แต่ที่ทำเอาผมเกิดอารมณ์ขึ้นมาทันทีคือแผ่นหลังเนียนๆ กับผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆ ที่ไร้ตำหนิใดๆ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองมีรสนิยมชอบแผ่นหลังของผู้ชายจนกระทั่งได้เห็นแผ่นหลังของไค และตอนนี้ผมก็สงสัยใคร่รู้แล้วสิว่ามันจะรู้สึกยังไงนะถ้าได้ลูบไล้มือไปบนผิวเนียนนุ่มราวกำมะหยี่นั่น

“เห้ย!” เสียงรำคาญๆ ของทันย่าดังเข้ามาในหูพร้อมกับที่เธอดีดนิ้วดังเป๊าะตรงหน้าผม “เลิกทำหน้าฝันกลางวันซะที ไอ้คนหื่น!”

“ปกติกูคงเคืองไปแล้ว แต่ที่ยัยนั่นพูดก็ถูก” แลนดอนครุ่นคิดพลางเสยผมยาวสีดำของตัวเองให้พ้นตา “ท่าทางมึงดูโรคจิตว่ะ เขาเป็นรูมเมตมึงแล้วนะ ทำตัวดีๆ หน่อย”

“แล้วไง” ผมยิ้มกริ่ม “ก็แค่รูมเมตแล้วไง ถ้ากูทำให้เขาชอบกูได้ล่ะ”

“แล้วถ้าเขาเป็นชายแท้ล่ะ” เทรย์ถามอย่างประหม่า “มันจะทำให้บรรยากาศระหว่างพวกมึงอึดอัดนะ...แล้วมึงจะต้องกลับไปอยู่กับครอบครัวด้วย”

“เชี่ย!” ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยนี่หว่า

จะให้ทำอะไรก็ได้ แต่ให้กลับไปอยู่กับครอบครัวน่ะเหรอ ไม่มีทาง! ยอมอดตายซะดีกว่า!

“เฮ้อ...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันยังคบกับพวกบ้ากามอย่างพวกแกอยู่” ทันย่าถอนหายใจแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง “ฉันไปล่ะ อีกสิบนาทีมีเรียน”

“เจอกัน” เราทุกคนพูดพร้อมกันตอนที่เธอเดินแยกจากกลุ่มกลับไปที่คณะของตัวเอง

ในบรรดาคนในกลุ่ม เธอเป็นคนเดียวที่สอบติดคณะแพทย์แถมยังอยู่ชมรมมวยไปด้วย พวกเราเลยล้อกันเล่นๆ ว่าที่เธอเข้าเรียนหมอก็เพื่อจะได้เพิ่มยอดคนไข้ของตัวเอง ก็แหม...คนที่โดนเธออัดตอนซ้อมมวยก็ต้องมีคนรักษาไม่ใช่รึไง

“โอ้...โห!”

ผมกับเทรย์หันไปมองแลนดอนเมื่อได้ยินเสียงพึมพำแผ่วเบาของเขา แล้วก็เห็นเขายิ้มปากแทบฉีกถึงรูหูให้กับอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างหลังผม

“อะไร” ผมขมวดคิ้วถาม แต่แล้วก็สังเกตเห็นรอยยิ้มบ้าๆ แบบเดียวกันบนหน้าของเทรย์ด้วย “พวกมึงจะบอกกูดีๆ หรือต้องให้กูซ้อมก่อน”

“ฮอต” แลนดอนพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างเคลิบเคลิ้ม “กูเตือนมึงได้แค่นี้แหละ”

ผมว่าผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นหนีได้ทัน...มือเล็กๆ ที่แต่งเล็บสีชมพูสวยกริบก็วางลงบนไหล่ผม หยุดแผนหนีของผมไว้ แม่งเอ๊ย!

เอาอีกแล้ว...รอบที่ล้านของวันแล้วมั้ง

“หวัดดีจ้ะ” หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้ วางข้อศอกลงบนไหล่ผมแล้วโน้มตัวเข้ามา “ที่นั่งตรงนี้มีคนนั่งรึยังคะ”

ผมมองเธออย่างเหนื่อยหน่าย เธอเป็นคนสวย ผมบลอนด์ยาวมีไฮไลต์สีชมพูสดใสบนใบหน้ารูปหัวใจดวงเล็กและดวงตาสีฟ้าเย็นชา แม้แต่เสื้อผ้าของเธอก็ยังเป็นสีชมพูทั้งหมด มีแจ็กเก็ตขนสัตว์เทียมสีชมพูสดทับเสื้อกล้ามสีชมพูอ่อนและกางเกงยีนส์ขาสั้นเพื่อตัดความเลี่ยนจากสีชมพูทั้งหลายแหล่ ถ้าทันย่าอยู่ตรงนี้ เธอคงเรียกผู้หญิงคนนี้ว่ามนุษย์แท่งไฮไลต์...และผมก็คงต้องเห็นด้วย สีชมพูมันแสบตาไปหน่อย

“โอ้โฮ!” เสียงของเทรย์กับแลนดอนดังมาจากอีกฝั่งของโต๊ะ แต่ผมรู้ว่าพวกเขาแค่แซวผมเล่น “ดูมันสิ มามหา'ลัยวันแรกก็เป็นพ่อหนุ่มเนื้อหอมซะแล้ว!”

“ไม่เอาน่า” ผมเลื่อนกระเป๋าไปข้างๆ เพื่อให้เธอได้นั่งตรงนั้น...แต่แล้วผมกลับเห็นเธอทิ้งตัวลงนั่งบนตักผมแทน ทำเอาทุกคนรอบข้างประหลาดใจ...และทำให้ผมรู้สึกอึดอัดไม่น้อย

“แล้วเบอร์ของนายล่ะ” เธอกระซิบอย่างยั่วยวน พลางคล้องแขนรอบคอผมหลวมๆ “ขอด้วยได้ไหม”

ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเสียววาบที่ต้นคอจนขนลุกซู่ มันเหมือนโดนแม่เหล็กดูดเข้าไป ผมเงยหน้าขึ้นจากใบหน้าของผู้หญิงที่นั่งอยู่บนตัก...และสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าคมกริบจากอีกฟากของห้อง

ตอนที่ผมบอกเขาว่าจะ ‘จัด’ ให้เขา...ผมก็แค่แกล้งเขาเล่นๆ...แล้วทำไมตอนนี้ผมถึงมารู้สึกแปลบปลาบในท้องขึ้นมาแปลกๆ กันล่ะ แล้วทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นระรัวในอกราวกับกลัวว่าเขาจะเข้าใจสถานการณ์นี้ผิดไปด้วย

ผมรีบหันกลับไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกครั้ง เธอกำลังรอคำตอบจากผมอย่างใจจดใจจ่อ แต่แทนที่จะพูดตรงๆ ผมตัดสินใจใช้วิธีอื่นแทน เพราะดูเหมือนเธอจะเป็นรุ่นพี่ และผมก็ไม่อยากหาเรื่องใสตัวตั้งแต่วันแรก

“โชคร้ายหน่อยนะ...ที่ตรงนั้นสงวนไว้สำหรับคนพิเศษเท่านั้น” ผมบอกเธอพร้อมรอยยิ้ม พลางแกะมือเธอออกจากรอบคอ

“เหรอ” แต่...ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่คนประเภทยอมแพ้ง่ายๆ “ฉันเป็นคนพิเศษให้เธอก็ได้นะ...ถ้าเธอต้องการ”

ดูท่าคงต้องใช้ไม้ตายซะแล้ว

“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอ ทำให้เธอเชื่อว่าผมกำลังจีบเธออยู่...ก่อนจะปล่อยหมัดเด็ด “แต่ถ้าพี่มีน้องชายที่น่ารักเหมือนพี่...ผมอยากได้เบอร์เขามากกว่า”

ในที่สุดแววตาของเธอก็ฉายแววเข้าใจขึ้นมา ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย และเธอก็ผุดลุกจากตักผมราวกับก้นโดนไฟลน จากอีกฟากของโต๊ะ ผมเห็นพวกเพื่อนๆ มองมาที่ผมด้วยสีหน้าตกตะลึง ก่อนที่แลนดอนจะเสนอเบอร์ของเขาให้เธออย่างสุภาพ

แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เธอโกรธมากขึ้น เธอขบกรามแน่นและกำมือเป็นหมัด โดยไม่พูดอะไรอีก เธอหันหลังจะเดินจากไปแต่ก็หยุดชะงักกลางคัน

ตอนแรกผมคิดว่าเธอจะพูดอะไรโง่ๆ หรือไม่เข้าท่าที่เพิ่งโดนปฏิเสธ แต่สิ่งที่เธอพูดต่อมากลับทำให้ผมต้องเงยหน้าพรวดขึ้นไปสบตากับดวงตาสีฟ้าคมกริบคู่นั้น

“ไค...มันไม่ใช่อย่างที่เห็นนะ!”

“เหรอ รูบี้” เด็กหนุ่มอีกสามคนยืนอยู่ข้างๆ เขา และคนผมบลอนด์ที่ผมช่วยพาไปส่งที่หอเมื่อคืนนี้คือคนที่โน้มตัวมาข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มเยาะ “ก็เมื่อกี้มันดูเหมือนเธอกำลังนั่งสบายอยู่บนตักเขาเลยนี่นา”

“ทำไมล่ะ มีปัญหาหรือไง”

ว้าว!

แลนดอน เทรย์ และผมมองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับไปมองไคกับแก๊งของเขา นี่รูบี้ใช้ผมเป็นเครื่องมือทำให้ไคหึงเหรอเนี่ย ฉิบหายแล้ว!

“โอ้โฮ!” ผู้ชายผมสีแดงเข้มที่อยู่ทางซ้ายของไคแค่นเสียง “นี่พยายามจะจับเด็กใหม่ หรือพยายามจะยั่วให้ไคหึงกันแน่วะ”

“อูย!” รูบี้กรีดร้องอย่างหัวเสียพลางกระทืบเท้า ก่อนจะผลักพวกผู้ชายกลุ่มนั้นแล้วเดินออกจากโรงอาหารไป ทำให้พวกพี่ๆ หันมาสนใจกลุ่มเราแทน

“ว่าไงล่ะ...” ไอ้หนุ่มผมบลอนด์คนเดิมยิ้มเยาะใส่พวกเรา “พอจะบอกได้ไหมว่าทำไมถึงมายุ่งกับผู้หญิงของเพื่อนเรา”

‘ผู้หญิงของเพื่อน’ งั้นเหรอ ฉิบหาย!

ทำไมผมถึงไม่คิดเลยว่าไคอาจจะมีเจ้าของแล้วตอนที่แกล้งเขา

แต่เมื่อมองเขาตอนนี้ ผมสีดำสนิทดุจเที่ยงคืนที่ปรกหน้าผากขณะที่เขาหรี่ดวงตาสีฟ้ามองมาที่ผม...ทำไมจู่ๆ มันถึงรู้สึกเป็นมากกว่าแค่เรื่องล้อเล่น ตอนที่ผมบอกเขาเรื่องจะนอนกับเขาเมื่อคืนนี้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป