บทที่ 4 เด็กไร้แม่
ณ คฤหาสน์โธมัส
"คุณเมสันคะ อาหารเย็นพร้อมแล้วค่ะ"
"คุณเมสันคะ"
เย็นวันนั้น เฟย์ แม่บ้านของตระกูลโธมัส เตรียมอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วและกำลังเรียกทุกคนให้มาทานอาหาร แต่กลับหาตัวเมสันไม่เจอ
"คุณเมสันคะ"
"คุณเมสัน อยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ"
เฟย์ตามหาทั้งในห้องเด็ก ห้องสวน และห้องสันทนาการ... แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเมสัน
"คุณเมสันคะ คุณอยู่ไหนคะ"
"ตะโกนอะไรกันนักหนา น่ารำคาญจริง"
หญิงสาวสวยสะกดสายตาผู้มีรูปร่างและท่วงท่าสง่างามเดินลงมาจากบันไดชั้นสอง
"คุณนายโธมัสคะ คุณเมสัน โธมัสหายไปอีกแล้วค่ะ" เฟย์รีบรายงาน
"หายไปแล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ เดี๋ยวพอหิวก็คงออกมาหากินเอง" แซนธี โธมัสพูดพร้อมรอยยิ้มเย็นชาอย่างไม่แยแส
"แต่ว่า..."
"ก็แค่เด็กคนหนึ่ง ถ้าไม่อยากกินก็ปล่อยไปสิ จะทำเรื่องใหญ่โตไปทำไม" สายตาคมกริบของแซนธีตวัดมองเฟย์
เฟย์รีบก้มหน้าลงทันที ไม่กล้าพูดอะไรอีก
แซนธีเคยเป็นชู้รักของเคียน โธมัสมานานหลายปี หลังจากที่เฮเซล คาร์เตอร์ ภรรยาคนแรกของเคียนหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อสิบแปดปีก่อน แซนธีก็ฉวยโอกาสแต่งงานกับเคียนและกลายเป็นภรรยาคนที่สองของเขา ทำให้เธอกลายเป็นแม่เลี้ยงของเจมส์
แซนธีไม่ได้รักใคร่เจมส์เลยสักนิด มิหนำซ้ำยังหวังให้เขาตายไปด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงความตายของเขาเท่านั้นที่ทรัพย์สมบัติของตระกูลโธมัสอาจจะตกมาอยู่ในมือของเธอได้
แต่เธอไม่คิดว่าเจมส์กับเมสันจะอึดทนได้ขนาดนี้ แม้เรือยอชต์จะระเบิด พวกเขาก็ยังรอดชีวิตมาได้
"ฉันไม่กิน! เอาออกไปให้หมด!"
เสียงจานแตกและเสียงสบถอย่างเกรี้ยวกราดของผู้ชายดังมาจากห้องหนึ่งบนชั้นสอง
เมื่อเดือนก่อน เจมส์พาเมสันไปเที่ยวเรือยอชต์ส่วนตัวในวันเกิดของเด็กชาย แต่คาดไม่ถึงว่าเรือยอชต์จะเกิดระเบิดขึ้นกลางทะเล ในช่วงเวลาวิกฤต เจมส์ได้ใช้ร่างกายของเขาปกป้องเมสันเอาไว้
ท้ายที่สุด เรือยอชต์ก็กลายเป็นเพียงเศษเหล็กกองหนึ่ง แต่ทั้งสองกลับรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
ทว่าเมสันได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้ายจนตอนนี้กลายเป็นคนขาพิการ ยิ่งไปกว่านั้น เจมส์ยังเป็นอัมพาตครึ่งซีก ตาบอด และไม่สามารถดูแลตัวเองได้
แซนธีแค่นหัวเราะในใจ 'แล้วจะทำไมถ้าพวกมันยังมีชีวิตอยู่ คนพิการทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนรอวันตายอยู่บนเตียง'
ขณะเดียวกัน เมสันกำลังขดตัวอยู่ในมุมมืดของบันได พลางเงยหน้ามองขึ้นไปบนชั้นสอง
เจมส์กำลังอาละวาดอีกแล้ว
นับตั้งแต่อุบัติเหตุเรือยอชต์เมื่อเดือนก่อน อารมณ์ของเจมส์ก็แย่ลงเรื่อยๆ เขาไม่ทำอาหารให้เมสันอีกแล้ว และเมสันก็ไม่กล้าเข้าไปในห้องของเขา
เมสันลูบท้องที่ว่างเปล่าของตัวเองแล้วค่อยๆ ลุกขึ้น มุ่งหน้าไปยังห้องครัว
เขาจำได้ว่ามีขนมปังชิ้นเล็กๆ เหลืออยู่ในลิ้นชักห้องครัวจากเมื่อวาน
'เจอแล้ว!'
ดวงตาของเมสันเป็นประกายเมื่อเขาเปิดลิ้นชักและเอื้อมมือไปหยิบขนมปัง
ทันใดนั้น มืออวบๆ ข้างหนึ่งก็เอื้อมมาคว้าขนมปังไปจากมือของเขา
"เจ้าเด็กขาเป๋ แกมาขโมยขนมปังของฉันอีกแล้วนะ!"
เด็กชายอ้วนท้วนที่ตัวสูงกว่าเมสันชูขนมปังขึ้นเหนือศีรษะพลางเยาะเย้ยเขา
"เอาขนมปังของฉันคืนมานะ!"
แววตาของเมสันฉายแววเด็ดเดี่ยวขณะพุ่งเข้าใส่เด็กชายอ้วนท้วน พยายามจะแย่งขนมปังคืน
แต่เมสันอ่อนแอและไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เขาไม่มีแรงพอที่จะสู้กับเด็กชายคนนั้นได้
"เจ้าเด็กขาเป๋ ขนมปังนี่แม่ฉันซื้อมาให้ แกมีสิทธิ์อะไรมากินหา เด็กไม่มีแม่!"
"ฉันมีแม่นะ!"
เด็กชายทั้งสองวิ่งไล่กันไปรอบๆ ห้องครัวและยื้อแย่งกัน พวกเขาเผลอไปชนโต๊ะตัวหนึ่งเข้า ทำให้น้ำซุปร้อนๆ หกราดแขนของเมสัน
"พวกเธอสองคนเข้ามาทำอะไรในครัว"
พวกผู้ใหญ่ได้ยินเสียงโกลาหลจึงรีบวิ่งมาที่ห้องครัวและตกใจกับภาพที่เห็น
ห้องครัวอยู่ในสภาพเละเทะ เมสันนอนอยู่บนพื้น แขนซ้ายของเขาแดงและบวมจากน้ำซุปร้อนลวกจนเริ่มพอง ขณะที่มือขวายังคงจับข้อเท้าของเด็กชายอ้วนท้วนไว้แน่น
"เอริก!"
โอปอลร้องเสียงหลงและรีบวิ่งเข้าไปในครัวเพื่ออุ้มเอริก โธมัสขึ้นมา โดยไม่แม้แต่จะชายตามองเมสันที่เนื้อตัวสกปรกอยู่บนพื้น
"หม่ามี้ครับ เขาขโมยขนมปังของผมแล้วยังตีผมด้วย!" เอริกฟ้องก่อน
"เมสัน ทำไมแกไปเอาขนมปังของเอริกมา ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!"
ในที่สุดโอปอลก็สังเกตเห็นว่าเมสันยังคงจับข้อเท้าของเอริกอยู่ เธอจึงเงื้อมือขึ้นจะตบเขา
"หยุดนะ!"
เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ทุกคนต่างหลีกทางให้เมื่อเคียนา คุณย่าของเจมส์ ค่อยๆ เดินเข้ามาในครัวโดยใช้ไม้เท้าพยุงตัว
เธอมองสภาพเละเทะในห้องครัวแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
"เฟย์ พาเมสันไปทำแผลไฟไหม้"
"ค่ะ คุณท่าน"
เฟย์ก้าวเข้าไปจะช่วยพยุงเมสันให้ลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นเขากลับดีดตัวลุกขึ้นเอง ฉวยขนมปังจากมือของเอริกแล้ววิ่งหนีไป
"เจ้าเด็กขาเป๋ เอาขนมปังของฉันคืนมานะ!"
เอริกตะโกนไล่หลังร่างของเมสันที่วิ่งจากไป










































































