บทที่ 5 ฉันต้องการเหตุผลที่จะตีคุณหรือไม่?
เอเพ็กซ์ โกลบอล เอ็นเตอร์ไพรส์
“เธอได้ดูข่าวที่เป็นกระแสเมื่อเช้านี้หรือเปล่า”
โรแวน แบลร์ เลขานุการสาว กำลังคุยกับเพื่อนร่วมงานเรื่องซุบซิบดาราคนล่าสุดพลางถือโทรศัพท์มือถือไปด้วย
“โรแวน ดาราคนไหนโดนจับได้ว่านอกใจอีกแล้วล่ะ หรือว่าเศรษฐีคนไหนโดนแฉว่ามีเมียน้อยอีก”
เพื่อนร่วมงานของเธอเกิดความสนใจขึ้นมาจากน้ำเสียงที่โรแวนจงใจพูดให้ดังขึ้น และรีบโน้มตัวเข้ามาถามอย่างรวดเร็ว
“พวกนั้นมันข่าวเก่าแล้ว ไม่น่าสนใจเลย ให้ฉันเล่าให้ฟังนะ...”
โรแวนเปิดหน้าแรกของเว็บข่าว ลดเสียงลง แล้วพูดอย่างมีลับลมคมในว่า “ดูพาดหัวข่าวนี้สิ ตระกูลโธมัสกำลังประกาศหาเจ้าสาวให้คุณโธมัสทั่วทั้งเมืองเลยนะ!”
“จริงเหรอเนี่ย” เพื่อนร่วมงานของเธอเบิกตากว้าง “เธอหมายถึงเจมส์ คนที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อเดือนที่แล้วแล้วตอนนี้ก็เป็นอัมพาตไปแล้วน่ะเหรอ”
“ถึงเขาจะเป็นอัมพาต แต่เขาก็ยังเป็นคนของตระกูลโธมัส เป็นประธานของโธมัสกรุ๊ปที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้านนะ ผู้หญิงคนไหนจะไม่อยากได้ล่ะ”
โรแวนแค่นเสียง “ฉันพนันได้เลยว่าทันทีที่ข่าวนี้ออกไป ผู้หญิงทุกคนในเมืองนี้ ไม่ว่าจะโสดหรือแต่งงานแล้ว จะต้องแห่กันไปที่บ้านตระกูลโธมัสแน่”
“แต่เอาจริงๆ นะ คุณโธมัสทั้งหล่อทั้งรวย ถึงตอนนี้เขาจะเป็นอัมพาต ก็ยังมีผู้หญิงมากมายที่อยากจะแต่งงานกับเขา ทำไมต้องลำบากประกาศหาคนทั่วเมืองขนาดนี้ด้วย”
“เธอไม่เข้าใจล่ะสิ ในข่าวบอกว่าหลังจากที่คุณโธมัสประสบอุบัติเหตุ เขาก็กลายเป็นคนละคน ผลักไสทุกคนออกจากตัว เคียน่าไม่มีทางเลือกอื่นเลยต้องไปสวดภาวนาที่โบสถ์ ที่นั่นมีคนบอกเธอว่าการหาผู้หญิงดีๆ สักคนมาแต่งงานกับคุณโธมัสจะช่วยรักษาเขาให้หายได้อย่างปาฏิหาริย์”
“นั่นมันเรื่องหลอกลวงไม่ใช่เหรอ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ฉันก็ไม่ค่อยเชื่อหรอก แต่ดูเหมือนเคียน่าจะเชื่อสนิทใจเลย...”
ขณะที่โรแวนกำลังเล่าเรื่องอย่างออกรส มือเรียวบางข้างหนึ่งก็เอื้อมมาหยิบโทรศัพท์ของเธอไป
“ใครน่ะ”
โรแวนหันกลับไปอย่างรำคาญ แต่กลับต้องสบกับดวงตาคู่สวยคมกริบที่ทำให้เธอถึงกับพูดไม่ออก
เอมิลี่อ่านข่าวในโทรศัพท์ของโรแวนเงียบๆ ก่อนจะยื่นคืนให้
เมื่อมองเอมิลี่เดินเข้าไปในห้องทำงานของซีอีโอ โรแวนก็ตบหน้าอกตัวเองเบาๆ พยายามทำให้หัวใจที่เต้นรัวสงบลง
“ทำเอาใจหายใจคว่ำเลย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันนะ สายตาของเธอทำเอาฉันไม่กล้าพูดเลย”
“ไม่รู้สิ แต่เห็นเธอเข้าไปในห้องคุณแจ็คสัน หรือว่าเธอจะเป็นแฟนเขานะ”
“ไม่มีทาง”
ภายในห้องทำงานของนิโคลัส
เอมิลี่นั่งบนเก้าอี้หนังหลังโต๊ะทำงาน สีหน้าของเธอดูจริงจังขณะที่กำลังพิจารณารายงานโครงการในมือ นิโคลัสยืนอยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม พร้อมกับชงกาแฟให้เธออย่างเคยชิน
ครู่ต่อมา เอมิลี่วางรายงานลงและจิบกาแฟที่ยังร้อนกรุ่น
“สถานการณ์ของตระกูลจอห์นสันเป็นยังไงบ้าง” เอมิลี่ถามอย่างใจเย็น
“เป็นไปตามที่คุณคาดการณ์ไว้ทุกอย่างครับ ฟินน์ได้รับการปล่อยตัว แต่ผู้บริหารที่ยักยอกเงินไปไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ตอนนี้สภาพคล่องทางการเงินของตระกูลจอห์นสันกำลังมีปัญหา และอีกไม่กี่วันพวกเขาก็จะประกาศขายบริษัทในเครือครับ”
“ดีมาก คงมีบริษัทที่จ้องจะฮุบสินทรัพย์ของตระกูลจอห์นสันอยู่แน่ๆ หาจังหวะเข้าซื้อบริษัทในเครือของพวกเขาให้กับเอเพ็กซ์ โกลบอล เอ็นเตอร์ไพรส์ในราคาที่ถูกที่สุด ส่วนพนักงานเดิม จัดการตามที่คุณเห็นสมควร”
“ผมเข้าใจแล้วครับ”
เอมิลี่พยักหน้า ไม่พูดอะไรต่อ เธอเชื่อมั่นในความสามารถของนิโคลัส หลังจากทำงานร่วมกันมาหลายปี พวกเขาก็เข้าขากันเป็นอย่างดี บ่อยครั้งที่เข้าใจกันได้เพียงแค่สบตาหรือพูดคุยกันไม่กี่คำ
“คุณจอห์นสันครับ ยังมีอีกเรื่องเกี่ยวกับตระกูลกิ๊บสัน” นิโคลัสยื่นแฟ้มเอกสารสีน้ำเงินที่ปิดผนึกไว้ให้เอมิลี่
เอมิลี่รับแฟ้มมา ดวงตาที่เคยสดใสของเธอพลันเย็นเยียบลง
เซเบิล แม่ของเธอ มาจากตระกูลกิ๊บสัน
เซเบิลเคยเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมืองเอเมอรัลด์ เธอตกหลุมรักฟินน์และแต่งงานกับเขา
นับจากนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของเซเบิลก็ดิ่งลงเหวและจบลงด้วยโศกนาฏกรรม
ห้าปีก่อน หนึ่งเดือนหลังจากที่เอมิลี่หายตัวไป เซเบิลก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล หลังจากนั้น เดลล่า กิ๊บสัน ป้าของเอมิลี่ ก็เข้ามาเป็นภรรยาของฟินน์อย่างเปิดเผย โดยพาลูกสาวของเธอ เอวา มาด้วย
ในปีเดียวกันนั้นเอง ฟินน์ก็ได้เผยความทะเยอทะยานของเขาออกมา โดยค่อยๆ กลืนกินกิ๊บสันกรุ๊ปหลังจากแต่งงานกับเดลล่า
นิ้วของเอมิลี่สั่นเทาเล็กน้อยขณะที่ถือแฟ้มสีน้ำเงินไว้ เธอหลับตาลง ข่มความเกลียดชังและความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ
คอยดูเถอะ สักวันหนึ่ง เธอจะทำให้ตระกูลจอห์นสันชดใช้ทุกอย่างที่พวกเขาเอาไป
“คุณจอห์นสันครับ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องกิ๊บสันกรุ๊ปมากเกินไป ตอนนี้ฟินน์เองก็กำลังหัวหมุนอยู่ เมื่อไหร่ที่สภาพคล่องทางการเงินของจอห์นสันกรุ๊ปล้มครืนลงอย่างสมบูรณ์ เราก็สามารถยึดกิ๊บสันกรุ๊ปกลับคืนมาได้ครับ” น้ำเสียงของนิโคลัสสงบนิ่ง แต่แววตาฉายแววอำมหิตออกมาวูบหนึ่ง
“ดี ฉันเชื่อในความสามารถของคุณ”
เอมิลี่ปิดแฟ้มสีน้ำเงินแล้วยื่นคืนให้นิโคลัส “ช่วงนี้ฉันคงไม่ค่อยได้เข้าออฟฟิศนะ เรื่องที่นี่ฉันฝากคุณด้วย ฉันมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ”
นิโคลัสพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“เป็นเรื่องของเมสันใช่ไหมครับ”
“ใช่” เมื่อนึกถึงเมสันผู้น่าสงสาร ดวงตาที่เย็นชาของเอมิลี่ก็อ่อนโยนลง
เธอยิ้มอย่างนุ่มนวล “ฉันต้องรีบหน่อยแล้ว ปล่อยให้เมสันรอนานกว่านี้ไม่ได้”
สวนเล็กๆ ในวิลล่าของตระกูลโธมัส
“แม่จะมา... แม่ไม่มา...”
เมสันนั่งยองๆ อยู่หน้าแปลงดอกไม้เล็กๆ ในมือกำดอกเดซี่ไว้ เขาพึมพำกับตัวเองว่า “แม่จะมา... แม่ไม่มา...” พลางเด็ดกลีบดอกสีเหลืองทีละกลีบ
“ดูนั่นสิ ไอ้เปี๊ยกง่อยเอาอีกแล้ว!”
เสียงห้าวๆ ดังขึ้น และก่อนที่เมสันจะทันได้ตั้งตัว เขาก็ถูกต่อยจนล้มลงกับพื้น
“คราวที่แล้วแกแย่งขนมปังฉันไป คราวนี้แกเสร็จฉันแน่!”
อีริคนั่งทับตัวเมสันไว้ แล้วเหวี่ยงหมัดอ้วนป้อมใส่เขาไม่ยั้ง
“เอาเลย อีริค! อัดไอ้เปี๊ยกง่อยเลย!”
ไวลเดอร์ น้องชายฝาแฝดของอีริค ส่งเสียงเชียร์อยู่ข้างๆ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เอมิลี่เดินเข้ามาทางประตูพร้อมกับพ่อบ้าน และเห็นเมสันกำลังถูกรังแกอยู่แต่ไกล
เธอไม่สนใจที่พ่อบ้านพยายามจะห้าม รีบวิ่งเข้าไปตบหน้าอีริคอย่างแรงฉาดใหญ่
“แกเป็นใคร มาตบฉันทำไม” อีริคตะคอกใส่เอมิลี่ พลางกุมแก้มที่เริ่มแดงของตัวเอง
“ฉันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอที่จะตบแก” ดวงตาของเอมิลี่ลุกเป็นไฟเมื่อเห็นรอยเปื้อนดินและเลือดบนตัวของเมสัน
“ถ้าแกกล้ารังแกเมสันอีกครั้งเดียว ฉันจะทำให้แกต้องเสียใจ!”










































































